ไม่รู้ว่าเดอะค็อปนัดแนะกันมาก่อนหรือเปล่านะครับว่าต้องเป็นวินาทีนั้น ปีนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะอายุ 57 ปีเมื่อถึงวันที่ 16 มิถุนายน
วินาทีที่ 57 ของเกมเอฟเอ คัพกับ นอริช ซิตี้ ที่แอนฟิลด์เมื่อคืนวันอาทิตย์ คือช่วงเวลาที่เสียงเพลงนั้นเริ่มดังขึ้น
"I'm so glad that Jurgen is a Red..."
ต้นเสียงมาจากอัฒจันทร์ฝั่งเดอะค็อปสแตนด์ และมันก็ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นกระหึ่มไปทั่วสนาม
ดังกระหึ่มแม้ เยอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะขอเอาไว้เองว่าอย่าร้องเพลงให้เขาเลย ถ้าจะร้องขอให้ร้องเพลงให้นักเตะดีกว่า
แต่เราต่างก็รู้ดีว่ามันเป็นคำขอที่ไม่มีวันเป็นไปได้ ไม่มีทางหรอก ผมคิดว่าแม้กระทั่งคล็อปป์เองก็รู้ เดอะค็อปลองได้รักใครแล้วฟังคำทัดทานเสียที่ไหน (ฮา)
ห้ามเดอะค็อปไม่ให้ร้องเพลง เยอร์เก้น คล็อปป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมแรกนับตั้งแต่การประกาศข่าวใหญ่ 2 วันก่อนหน้า ขอกันอย่างนี้ไปขอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกอาจจะง่ายกว่า
กับ คล็อปป์ นั้น เดอะค็อปรัก เทิดทูน บูชา ชื่นชม ด้วยฝีมือของเขา ด้วยบุคลิกของเขา ด้วยความทุ่มเทของเขา ด้วยความฉลาดของเขา ด้วยแพสชั่นของเขา
ด้วยการวางตัวของเขา.. ทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นคล็อปป์ มันช่างลงตัว
แล้วในเกมถล่มนกขมิ้นเหลืองอ่อนจากนอร์โฟล์ค (Norfolk) คล็อปป์ก็ยังตอกย้ำกับเราว่าเขาทำในสิ่งที่เขาพูดไว้จริงๆ
เขาจะไปโดยฝากทีมที่เต็มไปด้วยอนาคตน่าตื่นตาตื่นใจให้กับใครก็ตามที่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
ทิ้งมรดกอันสวยงามเอาไว้ให้ รับรองว่าคุณจะไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ หากแต่มีต้นทุนเพียบพร้อมที่จะพุ่งทะยานต่อไป.. ผมขอฝากทีมนี้ไว้ในมือคุณด้วย ผมก็อยากจะทำทีมนี้ต่อนั่นแหละ แต่เพราะผมหมดแรงแล้ว รู้ตัวดีว่าพลังของผมกับพลังของทีมชุดนี้ไม่สอดคล้องกันแล้ว
ขอฝากฝังทีมนี้ไว้ด้วยนะ ผมจะเชียร์และตะโกนบ้าบออยู่ที่บ้านเวลาที่ลิเวอร์พูลลงเตะ.. จะอย่างไรทีมนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม
มรดกคนล่าสุดที่ คล็อปป์ นำมาสู่ทีมเวอร์ชั่น 2.0 ของเขาและสำหรับนายใหญ่คนใหม่ที่จะรับช่วงต่อจากเขาตอนซัมเมอร์.. เจ้าหนุ่ม เจมส์ แม็คคอนเนลล์
กองกลางวัย 19 ปีเป็นชาวจอร์ดี้ เกิดที่นิวคาสเซิ่ล เป็นเด็กฝึกหัดของซันเดอร์แลนด์ และลิเวอร์พูลคว้าตัวมาอยู่ด้วยตั้งแต่อายุ 15
คล็อปป์ส่งแม็คคอนเนลล์ลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูลหลังจากก่อนหน้านี้เคยลงเล่นมาบ้างแล้วในบทบาทตัวสำรองเกมลีกและยูฟ่า ยูโรปา ลีก
ผลงานที่ได้เห็นตลอด 79 นาทีในสนาม.. เสียงปรบมือกึกก้องจากเดอะค็อปที่ทำสแตนดิ้งโอเวชั่นให้กับเขาบอกทุกอย่างหมดแล้ว
สิ่งที่ผมเห็นในตัวแม็คคอนเนลล์คือความกล้า กล้าเล่น กล้าเข้าปะทะ กล้าจ่ายบอลแบบได้เสีย
หลายครั้งที่เขาแทงบอลยัดขึ้นหน้า เปลี่ยนจังหวะการเล่นรุกคืบกินแดนอย่างรวดเร็ว กับเด็กวัย 19 ที่ลงสนามท่ามกลางรุ่นพี่ในเกมที่กดดันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเกมแรกนับตั้งแต่ข่าวใหญ่ของคล็อปป์ เขากล้าเล่นอย่างน่าชื่นชม
แน่นอนว่าความกล้านั้นย่อมมาจากการสนับสนุนของคนเป็นเจ้านาย.. คนๆ นั้นคือคนเดียวกับที่มอบโอกาสให้นักเตะอีกมากมายหลายคนตลอด 8 ปี 3 เดือนที่ผ่านมา
เอาเฉพาะฤดูกาลนี้ เราได้เห็นใครแล้วบ้าง
โดยอาจจะไม่ทันได้เอะใจเลยนะครับ ลิเวอร์พูลคล้ายได้นักเตะใหม่มาร่วมทีมอีก 3-4 คนในซีซั่นนี้ นอกเหนือไปจากคนที่ซื้อเข้ามา
ไม่รวมสมาชิกใหม่ที่มาจากทีมอื่นอย่าง โดมินิก โซโบสไล, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ค และ วาตารุ เอนโด ฤดูกาลผ่องถ่ายสู่ ลิเวอร์พูล 2.0 นี้ทีมยังได้ คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์, จาเรลล์ ควอนซาห์, บ๊อบบี้ คล้าร์ก และ แม็คคอนเนลล์ ขึ้นมาสู่ทีม
สองคนแรกสอบผ่านตีตราประทับว่าเป็นนักเตะใหม่ได้เลย สองคนหลังยังต้องให้เวลาพิสูจน์อีกนิดแต่ทั้งคู่ได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นอย่างน่าสนใจ
โอเว่น เบ็ค กับ เคด กอร์ดอน ยังเห็นไม่ชัดนัก เบน โด๊ค น่าเสียดายที่เจ็บไม่อย่างนั้นคงได้เห็นเขาก้าวขึ้นมาอีกคน
แล้วยังมีใครอีกที่เป็นเหมือนนักเตะใหม่เพิ่มเข้ามา
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ กับปีที่เติบโตขึ้นชัดเจน
เคอร์ติส โจนส์ เสียงวิจารณ์หายไปแล้ว พัฒนาผลงานขึ้นมาเป็นตัวจริงเต็มตัว
โจ โกเมซ เหมือนกับ โจนส์ นั่นแหละ จากเสียงบ่นสู่คำชม และพูดได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับการด่าทอดูถูกที่เขาแบกรับมาตลอด 7-8 ปี
โจนส์ กับ โกเมซ ไม่ใช่ได้ดีเพราะถูกด่าจมธรณี ไม่ใช่ดีได้เพราะถูกขับเคลื่อนด้วยการด่า การดูแคลน การด้อยคุณค่าอย่างที่บางคนเข้าใจ มันไม่เกี่ยวกันเลย ทั้งคู่มาถึงจุดนี้ได้เพราะคุณค่าของตัวเอง ความอดทนต่ออุปสรรค ความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ และการได้รับโอกาสจากคนที่รู้จักพวกเขาดีที่สุดและมองเห็นคุณค่าของพวกเขาต่างหาก
และแน่นอนครับ ภารกิจของทั้ง โจนส์ และ โกเมซ ยังไม่สิ้นสุด เพราะเขาทั้งสองคนยังต้องพยายามต่อไป รักษาคุณภาพให้ได้ เล่นให้ดีอย่างสม่ำเสมอ ทำผลงานให้คงเส้นคงวาที่สุด เพื่อไม่ให้เสียงด่าแบบเกลียดชังที่ไม่ใกล้เคียงกับการวิจารณ์ด้วยเหตุผลเหล่านั้นกลับมาอีก
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนได้รับการขัดเกลาอย่างบรรจงด้วยการทำงานของคล็อปป์ อีกทั้งแผนงานที่ได้ทำกันมานั้นเริ่มออกดอกออกผล ผลผลิตจากอะคาเดมี่ที่ย้ายมาซ้อมเคียงข้างทีมชุดใหญ่ที่แอ๊กซ่า เทรนนิ่ง เซนเตอร์ ได้อยู่ใกล้กัน ได้มองเห็นกัน มีส่วนทำให้นักเตะเยาวชนของทีมก้าวขึ้นมาอวดฝีเท้าในเกมชุดใหญ่อย่างที่เห็น
ถ้าผมจะนับนิ้วเป็นบวก.. ลิเวอร์พูล 2023/24 มีบวกอะไรเข้ามาแล้วบ้าง
1 บวก แม็ค อัลลิสเตอร์..
2 บวก โซโบสไล..
3 บวก กราเฟนแบร์ค..
4 บวก เอนโด..
5 บวก โจนส์..
6 บวก โกเมซ..
7 บวก เอลเลียตต์..
8 บวก ควอนซาห์..
9 บวก แบร๊ดลี่ย์..
10 บวก คล้าร์ก..
11 บวก แม็คคอนเนลล์..
ยังไม่รวม สเตฟาน บายเซติช ที่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่แล้วแต่ยังเจ็บ
ยังไม่รวม ดาร์วิน นูนเญซ ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ยังไม่รวมเด็กคนอื่นๆ อย่าง เคด กอร์ดอน, โอเว่น เบ็ค, เบน โด๊ค, ลุค แชมเบอร์ส, คาลัม สแกนลอน หรือ คาลวิน แรมซี่ย์ ที่ปล่อยให้เปรสตันฯ ยืมตัว..
จะมีด้านลบด้วยก็ได้ ไม่มีปัญหา เสียฟาบินโญ่ เสียเฮนเดอร์สัน ส่วน ฟาน ไดค์ กับ ซาลาห์ แม้ผลงานจะยังยอดเยี่ยมแต่อายุก็มากขึ้นอีกปีและสัญญากับสโมสรก็จะขยับใกล้การสิ้นสุดอีกปี
แต่นำมาวางทาบกันแล้ว ผมยังเห็นด้านบวกมากกว่าด้านลบเยอะเลย
มองไปในทีมชุดนี้ ผมเห็นอนาคตที่ดี ทีมที่พร้อมสำหรับการพัฒนาไปสู่อีกระดับ และคล็อปป์มองเห็นปลายทางตรงนั้นชัดเจนก่อนใครว่ามันจะต้องเป็นใครสักคนที่มีเรี่ยวแรงพละกำลังเต็มเปี่ยมนำพาพวกเขาเหล่านี้ไปสู่จุดนั้น
คล็อปป์มองเห็นก่อนเรา และน่าเสียดายอย่างที่สุดที่คนๆ นั้นจะไม่ใช่ชายวัยย่าง 57 ที่กำลังอ่อนล้าลงทุกที ถนนของตัวเองมีแต่จะลาดลง สวนทางกับวันข้างหน้าของทีม
อย่างน้อยก็ ณ เวลานี้นะครับ เราไม่อาจรู้อนาคตได้อยู่แล้ว และในความเป็นจริงคุณสามารถทำงานผู้จัดการทีมได้อย่างทันสมัยไม่ตกยุคไปจนถึงอายุ 60-70 ปีด้วยซ้ำ
ณ เวลานี้ คล็อปป์หมดแรง เหมือนแบตเตอรี่ที่ไฟอ่อนเต็มทน แต่ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าหรือสองปีข้างหน้าเมื่อได้พักผ่อนเต็มกำลังแล้ว ไฟของเขาก็อาจจะกลับมาเต็มขีดอีกครั้ง แล้วเมื่อถึงวันนั้นค่อยมาดูกันว่าเส้นทางระหว่างลิเวอร์พูลกับเขาจะเป็นอย่างไร
เรื่องอนาคต.. ไม่มีใครรู้
วินาทีที่ 57 ของเกมรับมือ นอริช ซิตี้ เสียงเพลง Jurgen is a Red จากทำนองเพลงสุดคลาสสิก I feel fine ของ The Beatles ดังขึ้น แล้วมันก็กระหึ่มไปทั่วแอนฟิลด์
"I'm so glad that Jurgen is a Red
"I'm so glad he delivered what he said
"Jurgen said to me, you know. We'll win the Premier League, you know. He said so
"I'm in love with him and I feel fine"
เยอร์เก้น คล็อปป์ นั่งฟังเพลงของเขาอย่างสงบ
ในใจเขาจะคิดอะไรอยู่บ้างเราไม่อาจรู้ได้ เขาอาจจะบ่นแบบยิ้มๆ ในใจว่า "พวกคุณนี่แม่ง (บอกว่าไม่ต้องร้องก็ยังจะร้อง)" ก็ได้..
ก็เดอะค็อปเป็นพวกหัวดื้อนี่ครับ ลองได้รักใครแล้ว พวกเขาจะรักคนๆ นั้นอย่างหัวปักหัวปำเชียวล่ะ
ตังกุย