ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายคนฟันธงว่า ลิเวอร์พูล คงโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขย้ำไม่เหลือซากแน่ๆ เนื่องจากฟอร์มของ "หงส์แดง" ในเวลานี้เป็นรอง "เรือใบสีฟ้า" หลายขุม แต่สุดท้ายการปรับแท็กติกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีส่วนอย่างมากที่ทำให้พวกเขาหักปากกาเซียนได้สำเร็จ
"เดอะ เร้ดส์" ออกสตาร์ทเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี สวนทางกับ แมนฯ ซิตี้ ที่ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้เหมือนเดิม ที่สำคัญพวกเขายังมี เออร์ลิง ฮาลันด์ เข้ามาเสริมความโหดในการกระซวกตาข่ายคู่แข่งด้วย
อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ สามารถปรับแท็กติก และแก้ไขจุดอ่อนของทีมทำให้พวกเขาสามารถกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งในการต้านทานความร้อนแรงของทัพ "สำเภาทอง" ได้อยู่หมัด
งานนี้ต้องยอมรับว่า นายใหญ่ชาวเยอรมัน สามารถแก้ไข 3 จุดสำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนนำไปสู่การคว้า 3 คะแนนที่มีความหมายอย่างมากจากคู่แข่งที่อันตรายที่สุดในลีก หรือในโลกเวลานี้
ปรับระบบแผงมิดฟิลด์
ตลอด 7 ปีที่ คล็อปป์ ทำงานในถิ่นแอนฟิลด์ เขามักจะใช้ระบบการเล่น 4-3-3 มาตลอด แต่เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าตัวตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนแผน
นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช เลือกจับ ติอาโก้ อัลกันทาร่า และ ฟาบินโญ่ มาเล่นเป็นคู่กลางอยู่ด้านหลัง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ พร้อมใช้ 3 ประสานในแดนหน้าได้แก่ ดีโอโก้ โชต้า, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำหน้าที่จู่โจมแนวรับของ "เรือใบสีฟ้า"
สำหรับการเล่นแบบนี้สามารถปิดพื้นที่ที่อยู่ด้านหน้าแนวรับของ "หงส์แดง" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้เกมรุกของ แมนฯ ซิตี้ ไม่มีช่องว่างในการโจมตีพวกเขา
ไม่ให้ ฮาลันด์ มีโอกาส
แนวทางที่ ลิเวอร์พูล เลือกที่จะใช้กองกลางคอยทำหน้าที่ตัดเกมถือวิธีที่สำคัญมากๆ ในการตัดโอกาส ฮาลันด์ ที่จะได้สร้างความมหัศจรรย์ในการยิงประตู และทำให้เขาแทบไม่มีจังหวะจะแจ้งในการง้างเท้าตะบันเต็มข้อด้วยซ้ำ
เควิน เดอ บรอยน์ อาจจะมีจังหวะเปิดบอลสวยๆ 2-3 ครั้งแต่หลังจากนั้นแทบจะไม่ได้ใช้ทักษะในการผ่านบอลที่แม่นยำให้กับ ฮาลันด์ เหมือนที่ทำได้บ่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ฟิล โฟเด้น ซึ่งเล่นไม่ออกเช่นกัน
การทำให้แผงมิดฟิลด์ของ แมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถเล่นเกมของตัวเองได้ ถือเป็นการตัดโอกาสที่พวกเขาจะเปิดบอลป้อนให้ หัวหอกดาวโรจน์ทีมชาตินอร์เวย์ ได้ระเบิดตาข่าย "หงส์แดง" เพราะหาก ฮาลันด์ เล่นไม่ออก โอกาสที่ทีมเยือนจะได้ประตูก็จะลดน้อยลงไปด้วย
จับ ซาลาห์ ยืนตรงกลาง
ซาลาห์ โด่งดังจากการเล่นสไตล์เลี้ยงบอลทางปีกขวาตัดเข้ากลาง และจัดการทำลายกองหลังคู่แข่ง แต่สำหรับเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา "บังโม" ได้รับบทบาทที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
สตาร์ลูกหนังชาวอียิปต์ ถูกจับให้เข้ามาเล่นตรงกลางใกล้กับ ฟีร์มีโน่ จนแทบจะเป็นการเล่น "หน้าคู่" เลยทีเดียว สำหรับแท็กติกแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ คล็อปป์ นำมาใช้กับทีมนับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียนลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ตามไม่ว่า ซาลาห์ จะเล่นตรงกลางหรือริมเส้นฝั่งขวา ทักษะและความรวดเร็วของเขาสามารถเล่นงานกองหลังของแมนฯ ซิตี้ ได้เสมอทุกครั้งที่ดวลกันแบบตัวต่อตัว
จังหวะที่ อดีตดาวเตะเชลซี และ โรม่า โชว์ลีลาการพลิกตัวหนี ชูเอา กานเซโล่ ก่อนที่จะหลุดเข้าไปส่งบอลผ่านตัว เอแดร์ซอน อย่างเหนือชั้น เป็นบทพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ไม่ว่าเขาจะยืนอยู่ในตำแหน่งไหนก็อันตรายเสมอ !!
ทอมเม้ง