ลิเวอร์พูล : ดาร์วิน นูนเญซ มากกว่าการเป็น "ศูนย์หน้า"

ลิเวอร์พูล : ดาร์วิน นูนเญซ มากกว่าการเป็น "ศูนย์หน้า"
จบเกม ลิเวอร์พูล บุกยำบอร์นมัธ 4-0 แบบถ้าใครจะดูรีเพลย์แม็ตช์แบบยาวยาว ก็แนะนำให้เปิดดูเฉพาะครึ่งหลังพอ

ได้โอกาสเสียที ที่จะเอ่ยชมฝาแฝดทาง "ใบหน้า" ของกระผมอ่ะครับ

ชื่อหน้า ดาร์วิน  นามสกุล นูนเญซ พอรู้จักไหม หล่อพอๆ กันเลย!

แต่เอาให้ครบ เขาเขียนว่า Darwin Gabriel Nunez Ribeiro

(อนุญาตให้กระแอมกระไอได้ ถ้ารู้สึกว่าประโยคข้างต้นเกินเลยไปนิดนึง)

นี่เป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรก ที่ลิเวอร์พูล ปราศจาก โม ซาล่าห์ ดาวซัลโว 18 ประตู ในซีซั่นนี้ (ยิง 14 ประตูในพรีเมียร์ลีก / 3 ประตูในยูโรป้า ลีก / อีกประตูนึงในคาราบาว คัพ) ฉะนั้น ทุกคนก็จ้องมองอยู่ว่า มันจะมีผลกระทบอะไรไหม?  ใครจะเล่นแทนตรงแนวโจมตีกราบขวา ?

เป็นธรรมดาครับ ไม่ว่าจ้องมอง หรือรอกระซวก ฮ่าฮ่า ..

ถ้าดูครึ่งแรกแม็ตช์ที่ ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม,  เมืองชายฝั่งทะเลตอนใต้ บอร์นมัธ ซึ่งเป็นเมืองรีสอร์ต ไว้พักผ่อนชายหาดของคนอังกฤษ (แต่โรงแรมไม่เจ๋ง ไม่เก๋เหมือนบ้านเราหรอก ส่วนใหญ่เน้นคงความเก่า คงความคลาสสิค … คลาสสิคมั้ง!) และเมืองที่ทำเงินด้านการศึกษา  คนที่รอกระซวก หรือแช่งนี่ ก็มีสัญญาณบางอย่างโน้มเอียงไปทางพวกเค้านะครับ

เพราะแผนที่ใช้ หลุยส์ ดิอาซ มาวิ่งด้านขวา (ตำแหน่งของโม), ดาร์วิน นูนเญซ ขึ้นอีกฝั่ง ในขณะดีโอโก้ โชต้า ตัวเล็กสุด  คอยขยับตรงกลาง ดูหงอยหงอย คุกคามไม่ได้เรื่องนัก ยังดีที่ บอร์นมัธ ซึ่งฟอร์มหลังจากแพ้หงส์แดง ในรังตัวเองแบบหวุดหวิด ถ้วยคาราบาว คัพ และต่อด้วยออกไปให้ แมนฯ ซิตี้ ถล่ม 6-1 ตอนต้นเดือนพฤศจิกายน ร้อนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ,  นัดนี้ก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน ดาวซัลโว โดมินิค โซลันกี้ ที่เคยมีช่วงเวลาที่แอนฟิลด์  (ยิงได้แค่ประตูเดียว จาก 21 เกม ในพรีเมียร์ลีก ถ้วยอื่นอาจมีส่วนร่วมนิดหน่อย แต่ก็ยิงไม่ได้ฮะ)  พอเห็นหน้า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แล้ว อาจมีความยำเกรงตั้งแต่แรก

อีกข้อหนึ่งที่ชวนให้คิดว่า อาจจะไม่ใช่วันของลิเวอร์พูลก็ได้ นั่นก็คือ จัสติน ไคลเวิร์ต (บุตรชายของอดีตศูนย์หน้าระดับโลก ปาทริค ไคลเวิร์ต) เสียบอล แล้วตามไปแย่ง แต่กลายเป็นย่ำใส่ ดิอาซ  ตัวรุกโคลอมเบีย ชัดเจนมาก

ปรากฎว่ารอดครับ แม้กระทั่งใบเหลืองก็ไม่ให้ จั๋งไดกันเนี่ย ..

จังหวะที่ เคอร์ติส โจนส์ โดนไล่ออกที่ท็อตแน่ม ปลายพฤศจิกายน นัดเดียวจนถึงนาทีนี้ ที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ในแม็ตช์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เด้งขึ้นมาในหัวทันที ลักษณะการเล่นของโจนส์ ยังดูเบากว่าจังหวะนี้นะครับ อันนั้นยังดูว่าพยายามเล่นบอลมากกว่า แต่นี่แหล่ะ สแตนดาร์ดของผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก ให้ - ไม่ให้ ต้องภาวนา

แต่แล้ว ลิเวอร์พูล ก็เหมือนหลายๆ ครั้งในซีซั่นนี้ ที่มีของในครึ่งหลัง และนัดนี้ ไม่ต้องไปเหนื่อยบีบหัวใจแฟนช่วงควอเตอร์สุดท้าย

เจาะไม่ได้เหรอ  เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ปรับเชปได้นี่หน่า เช่นให้ ดิอาซ ย้ายข้ามมาซ้าย โชต้า ไปขวา แล้ว ดาร์วิน นูนเญซ ตรงกลางซะ  หากโชต้า อยู่ทางขวานี่ก็คนละสไตล์กับโมนะ ลักษณะการเข้าทำก็ตามกัน

ต้องเอ่ยถึง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ หน่อยด้วย คนที่มักโดนวิจารณ์ว่า "ไม่ใช่ผู้เล่นบทเบอร์ 6  ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับ ต้องขึ้นไปเล่นเบอร์ 8 โน่น ถึงจะเป็นตำแหน่งของเค้า"  เกมนี้ เขาเล่นบทเบอร์ 6 นี่แหล่ะ ได้เจ๋งมาก ครองบอล แย่งบอล  คุมเกมแดนกลางจนจากการเล่นที่ไม่ดีนักของทีม ค่อยๆ สร้างเกมจนเจาะได้เอง

บางทีเกิดเป็นนักเตะลิเวอร์พูล ทีมยอดนิยม ในยุคโซเชี่ยลนี่ก็ต้องใจแข็งพอ กับการวิจารณ์จากภายนอกนะครับ เล่นไม่ออกหน่อยเหมือนจะต้องแขวนสตั๊ดกันเลยทีเดียว!

ไม่ว่าแม็ค อัลลิสเตอร์,  เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,  ดาร์วิน นูนเญซ  โดนกันหมด

อย่าง เทรนต์ ที่พยายามฟื้นตัวจากปัญหาเจ็บเข่าอยู่ ปลายเดือนนี้น่าจะพร้อม โดย รอย คีน ตำนานแมนฯยูฯ ตำหนิการป้องกัน ทำไมทุกคนผ่านได้ ทั้งที่เล่นตำแหน่งนี้มาตั้งนานแล้ว

เอิ่ม ตอนนี้ฟุตบอลเปลี่ยนไปเยอะแล้วนะครับ แค่เราบอกแท็คติกทีมนั้นเล่น 4-4-3 แต่ในความเป็นจริง เกมรุกก็เล่นแบบนี้ เกมรับก็เล่นอีกอย่าง และบางทีมปรับเปลี่ยน 3-4 แผนระหว่างเกมได้

ยุคนี้ เทรนต์ ในวัยเพียง (ต้องย้ำว่า เพียง) 24 ปี เป็นสตาร์คนสำคัญของลิเวอร์พูล จากบทบาทไหน คุณก็น่าจะรู้ดี เมื่อทีมได้ครองบอล ก็จะขยับเข้ามาใน มาเป็นกองกลาง มาช่วยสร้างเกมอีกคน  ถ้าเพลี่ยงพล้ำแล้วโดนสวน  ก็จะมียอดเซ็นเตอร์แบ๊ค อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่มีเกมที่ดีอีกเกมที่บอร์นมัธ ซึ่งมีทั้งความเร็วความแข็งแกร่ง คอยประคองให้

ลิเวอร์พูลพร้อมที่จะเล่นเสี่ยงแบบนี้ และผลงานยิงเอง 2 ประตู , แอสซิสต์อีก 8 ครั้ง จากทุกรายการในซีซั่นนี้ ก่อนถึงปลายม.ค.  ก็เป็นอะไรที่น่าชมสำหรับผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ๊ค ไม่ใช่หรือ

กรณีแบบนี้ ก็เลยนึกถึง ดาร์วิน นูนเญซ ที่เพิ่งยิง 2 ประตู ใส่ตาข่าย บอร์นมัธ นะครับ มีสถิติตามมาว่าเขาเป็นผู้เล่นพรีเมียร์ลีกคนแรก ที่ในฤดูกาลนี้ ยิงอย่างน้อย 10 ประตู พร้อมทั้งแอสซิสต์อย่างน้อย 10 ประตู จากทุกรายการแข่งขันให้ต้นสังกัด

เฉพาะในพรีเมียร์ลีก ถึงนาทีนี้ หัวหอกอุรุกวัย ยิงได้ 7 ประตู และ แอสซิสต์อีก 6 ลูก อย่างหลังนี่ ถือว่าระดับต้นๆ ของลีกเลยนะครับ

ดาร์วิน นูนเญซ อาจจะโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษในเรื่อง "การยิงประตู"  เพราะตอนย้ายจากเบนฟิก้า สองปีก่อน ก็ถือว่าเป็นสถิติค่าตัวแพงของลิเวอร์พูล เป็นคนชาติเดียวกับ หลุยส์ ซัวเรซ ที่แผลงฤทธิ์ไว้เยอะ  นอกจากนั้นก็เป็นการเข้ามาแทนที่ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จ รวมทั้งย้ายมาช่วงเวลาเดียวกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

แต่ปล่าวประโยชน์ครับ ที่จะเทียบศูนย์หน้านอร์วีเจี้ยน กับ ดาร์วิน

ฮาลันด์ ก็คือ ฮาลันด์, ดาร์วิน ก็คือ ดาร์วิน

ในขณะเรารู้ว่า ฮาลันด์ กลับมาลงเล่นให้แมนฯ ซิตี้อีกครั้งเมื่อไหร่ ก็จะยืนเป็นหน้าเป้า รอสังหาร ในแต่ละเกม ส่วน ดาร์วิน อาจจะเล่นปีกซ้ายก็ได้ ยืนตัวเป้าก็ได้ บางครั้งทีมถ่ายทอดทีวีฝรั่ง ยังขึ้นผังแนวรุกลิเวอร์พูลผิดได้

และอย่างท้ายเกมมากๆ จะได้ยินเสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสิน แอนดี้ แมดลี่ย์ อยู่แล้ว ในเกมที่คุณเล่นได้เยี่ยม คะแนนความสามารถให้เก้า ก็ไม่น่าเกลียด

ยิงเอง 2 ประตูสวยๆ ลูกแรกของเกมเป็น “ทีม โกล” ก่อน โชต้า จะจ่ายปั้นมาให้ และลูกปิดท้ายเกม ทะยานหนีกองหลังสองคน เข้าไปวอลเลย์ลูกโยน โจ โกเมซ ที่ย้ายจากแบ๊คซ้ายไปเล่นแบ๊คขวาในช่วงท้าย  (ทีมที่ดีควรจะมีนักเตะสารพัดตำแหน่งดีๆ อย่างนี้สักคน เมื่อก่อนหงส์ก็มี เจมส์ มิลเนอร์ ใช่ป่ะ แต่ถ้าย้อนไปในวัยเด็กของผม ต้องนึกถึง สตีฟ นิโคล เล่นตรงไหนก็เจ๋ง)

อีก 2 ประตูที่หงส์ได้ ถ้าจะสังเกตดีๆ  ดาร์วิน ไม่ใช่เป็นคนแอสซิสต์โดยตรง แต่ก็มีส่วนในการบิวท์ อัพ หมด ความเร็ว สรีระ สร้างความลำบากให้กองหลัง

ทีเด็ดที่สนับสนุนว่า "มากกว่าการเป็นศูนย์หน้า"  ก็ในนาทีที่ 90+7 หล่ะครับ แม้ว่าจะได้ใบเหลืองที่ผมก็สงสัยว่า ผู้ตัดสินจะให้ทำไม ไม่จำเป็นแล้ว แต่นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเค้า นักเตะแบบที่ ลิเวอร์พูล 2.0 ต้องมี นักเตะแบบที่คล็อปป์ต้องการครับ ..

โจ้ จ่าฝูง


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ลิตเติ้ลโจ
สุรศักดิ์ มากทวี
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport