ลิเวอร์พูล ผู้พิชิต

ลิเวอร์พูล ผู้พิชิต
ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับพวกพรี่ๆ ด้วยที่สามารถยัดเยียดความปราชัยเป็นเกมแรกในฤดูกาลนี้ให้ แมนฯ ซิตี้ ได้สำเร็จ

และต่อไปคือสิ่งที่อยากจะบอก

1. เจอร์เก้น คล็อปป์ วางแผนการเล่นมารับมือกับมหันต์ภัยอย่าง แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยมมากจนต้องขอชื่นชม

ปรับระบบจาก 4-4-2 กลับมาเป็น 4-3-3 โดยตัด ดาร์วิน นูนเญซ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ออกจากตำแหน่งตัวจริง โดยเอา โจ โกเมซ มาเล่นเป็นปราการหลังตัวกลางพลางใส่ เจมส์ มิลเนอร์ เป็นแบ็คขวา ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง 

ครึ่งแรกบีบสูงแล้วพุ่งเข้าใส่แบบเป็นหมู่คณะจนผู้มาเยือนครองบอลสร้างเกมรุกตามถนัดไม่สะดวกนัก

ครึ่งหลังเปลี่ยนเป็นการถอยมาตั้งรับพลางปิดพื้นที่แน่นหนาพลางหาจังหวะสวนกลับ

2. ตัวแทนของ โฌแอล มาติ๊ป และ อิบราฮิมา โกนาเต้ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง โจ โกเมซ ทำหน้าที่ได้ไฉไลเป็นบ้าแบบผิดคาด ด้วยชิงจังหวะสกัดลูกอันตรายแบบไม่มีพลาด

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็กลับมาอยู่ในมาตรฐานของตัวเองอีกครั้ง 

ว่าแล้วเซ็นเตอร์แบ็คคู่นี้ก็สาธิตวิธีการจับเครื่องจักรถล่มประตูอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เข้าไปในกระเป๋า

เกมรับที่เหนียวแน่นในเกมนี้นี่แหละคือกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะของ ลิเวอร์พูล 

3. พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง

เมื่อเจอคู่แข่งที่เหนือกว่า ผู้เล่นหงส์แสดงความมุ่งมั่นและทุ่มเมโดยพร้อมใจกันระเบิดฟอร์มกระฉูดแตกออกมาเกือบทุกตำแหน่ง 

ยกเว้นตัวสำรองผู้มีราคา 85 ล้านปอนด์อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ 

เฉพาะอย่างยิ่งจังหวะสวนกลับในสถานการณ์ 3 ต่อ 1 กองหน้าผู้นี้สามารถไหลให้ โม ซาล่าห์ กะซวกตาข่ายได้ง่ายๆ และควรทำแบบนั้นอย่างยิ่ง

แต่เขากลับเลือกที่จะสับไกยิงเองทั้งๆ ที่ไม่มีเหลี่ยมจะยิง

อืมมมมม...ซะอย่างนั้น !!!

4. แมนฯ ซิตี้ มักจะ 'ผิดฟอร์ม' เมื่อต้องมาเยือน แอนฟิลด์

นี่คือเรื่องจริง เพราะบ่อยครั้งที่พวกเขาออกอาการเกร็งจนไม่เป็นตัวของตัวเอง แถมยังแสดงความผิดพลาดออกมาง่ายๆ อีกต่างหาก

จังหวะถูก โม ซาล่าห์ ชิงเหลี่ยมแล้วควบไปตะบันประตูชัย

เชา กานเซโล่ ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ

ต่อเมื่อเสียประตู แมนฯ ซิตี้ ก็พยายามเร่งเกมเร็วมากเกินไปจนเครื่องรวนไปหมด โดยไม่มีจังหวะไหนที่ใกล้เคียงกับการทวงประตูคืนเลยด้วยซ้ำ

เท่านั้นไม่พอ

ยอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็มักจะออกอาการมึนๆ จนไม่รู้ว่าจะแก้เกมหรือเปลี่ยนตัวอย่างไร ทั้งที่มี แจ็ค กรีลิช กับ ริยาด มาห์เรซ อยู่บนม้านั่งสำรองกลับหาวิธีที่จะส่งลงมาให้เป็นประโยชน์ไม่ได้

5. อย่างไรก็ตาม

ลิเวอร์พูล ต้องแลกชัยชนะในการศึกครั้งนี้กับการถูกใบแดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะอดคุมทีมข้างสนามในนัดหน้า และอาการบาดเจ็บของ ดิโอโก้ โชต้า

มันจะคุ้มค่าหรือเปล่าก็ต้องรอดูในเกมหน้า

ส่วนตอนเช้าตรู่เมื่อวาน ผมวิเคราะห์ก่อนเกมว่า ลิเวอร์พูล จะไม่แพ้ แมนฯ ซิตี้ แบบคาบ้าน (ย้อนกลับไปดูในเพจนี้ได้เลย) 

เหตุผลประการหนึ่งคือผมเคยเห็นและมองว่าพวกพรี่ๆ มักจะเปล่ง 'พลังพิเศษ' ออกมาในเกมสำคัญ และในสถานการณ์ที่เป็นรองแบบนี้

แต่ไม่ค่อยมีใครเชื่อสักเท่าไหร่ แล้วตีโพยตีพายว่าไม่น่ารอด

มิหนำยังมีเด็กหงส์ประเภทคลอดทางตูดบางตัวยังมาหาว่า...ไอ้บู๋ มึงออกตัวแก้เขิน เผื่อหงส์เป็นผู้ชนะจะได้ไม่เสียหน้า

อืมมมมม...ถ้ามั่นใจว่า แมนฯ ซิตี้ มีชัยอย่างแน่นอนซะขนาดนั้น กู เอ๊ย ผมจะแทงกั๊กทำไมล่ะ อ้าย...ฟายยยยย

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport