ช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมเป็นช่วงที่ ลิเวอร์พูล มักจะไม่ค่อยมีการขยับตัวมากนักซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอดช่วง 11 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยถ้าหากพวกเขาจะเซ็นสัญญากับแข้งใหม่เต็มที่ก็ไม่เกินคนหนึ่งสองคนเท่านั้น
สำหรับการเสริมแกร่งช่วงตลาดฤดูหนาวของทัพ "หงส์แดง" ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพโดยพวกเขาคว้าตัวนักเตะแต่ละคนมาร่วมทีมมักจะกลายเป็นแกนหลักอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, หลุยส์ ดิอาซ และ โคดี้ กัคโป เป็นต้น
ยิ่งในยุคที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน เมื่อปี 2015 การคว้าตัวผู้เล่นในตลาดรอบ 2 มักจะมีประสบความสำเร็จมากกว่าล้มเหลว ซึ่งพิสูจน์ได้จากแชมป์หลายรายการที่พวกเขาร่วมกันคว้ามาประดับตู้โชว์ในถิ่นแอนฟิลด์
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับผู้เล่นใหม่ในช่วงตลาดนักเตะเดือนม.ค.หลายคน โดยบางคนเป็นนักเตะที่สาวก "เดอะ ค็อป" จดจำได้ในฐานะแข้งกำลังสำคัญ และบางคนก็แทบจำไม่ได้ว่าย้ายมาเพื่ออะไร !!
2013 : แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
สเตอร์ริดจ์ เซ็นสัญญาในช่วงต้นเดือนมกราคมปี 2013 โดย ลิเวอร์พูล ควักกระเป๋าจ่ายค่าเสียหายให้กับ เชลซี แค่ 12 ล้านปอนด์ (ราว 528 ล้านบาท) เท่านั้น โดยอาชีพของเขาที่แอนฟิลด์เริ่มต้นได้อย่างสุดยอด ยิงไป 35 ประตูจากช่วง 18 เดือนแรก และช่วย "หงส์แดง" มีลุ้นแชมป์ลีกฤดูกาล 2013-2014
กระนั้นผลงานของ สเตอร์ริดจ์ ค่อยๆ สาละวันเตี้ยลง โดยเฉพาะเมื่อ คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน เขาดำเนินการปรับเปลี่ยนทีมครั้งใหญ่ นั่นทำให้ ดาวเตะชาวอังกฤษ โดนปล่อยตัวหลังสโมสรคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2019 และปัจจุบันเขาแขวนสตั๊ดไปแล้ว
ขณะเดียวกัน "เดอะ เร้ดส์" ได้ตัว ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาพร้อมกับๆ สเตอร์ริดจ์ โดยพวกเขาจ่ายค่าตัวให้ อินเตอร์ มิลาน เพียง 8.5 ล้านปอนด์ (ราว 374 ล้านบาท) และเขาคือไอคอนยุคใหม่แห่งแอนฟิลด์ ด้วยการตะบันไป 54 ประตูกับ 45 แอสซิสต์ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่อยู่กับสโมสร
แม้จะไม่ได้แชมป์อะไรเลยกับ ลิเวอร์พูล แต่ "คูตี้" คือสตาร์ที่มีบทบาทสำคัญในซีซั่น 2013-2014 ที่พวกเขาใกล้เคียงจะคว้าแชมป์ลีก และในปีแรกที่ คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียนนักเตะก็โชว์ฟอร์มสุดยอด แต่น่าเสียดายที่เขาอำลาสโมสรในปี 2018 เพื่อย้ายไปเล่นให้ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 142 ล้านปอนด์ (ราว 6,248 ล้านบาท)
2016 : มาร์โก กรูยิช และ สตีเฟ่น คอลเกอร์
ผ่านไป 3 ปี ลิเวอร์พูล มีการขยับการเสริมทัพในช่วงเดือนมกราคมอีกครั้ง แต่ถ้าตลาดฤดูหนาวปี 2013 ประสบความสำเร็จ งานนี้ช่วงปี 2016 ถือว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะพวกเขาล้มเหลวในการเสริมทัพช่วงกลางซีซั่นอย่างแรง
นักเตะคนแรกที่ย้ายมาในเดือนนั้นก็คือ มาร์โก กรูยิช ซึ่งดึงตัวมาจาก เร้ดสตาร์ เบลเกรด โดยดาวเตะชาวเซอร์เบียได้ลงสนามแค่ 16 เกมในทุกรายการตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีในถิ่นแอนฟิลด์ ก่อนโดนขายทิ้งให้กับ เอฟซี ปอร์โต้ ในปี 2021
รายที่สองที่ดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างแปลกประหลาด นั่นก็คือการดึงตัว สตีเฟ่น คอลเกอร์ มาจาก ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ แบบยืมตัว แต่เซนเตอร์แบ็กรายนี้ถูกจับไปลงเล่นเป็นกองหน้าเฉพาะกิจถึง 3 เกมให้กับ ลิเวอร์พูล ก่อนจะกลับไปอยู่ที่ลอฟตัน โร้ด หลังจบฤดูกาลนั้น
2018 : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
มีการโต้เถียงกันว่านี่คือหนึ่งในการย้ายทีมช่วงเดือนมกราคมที่ดีที่สุดตลอดกาล หลัง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เก็บเสื้อผ้าเข้ามาอาศัยชายคาของ ลิเวอร์พูล ซึ่งตอนนั้นพวกเขาทุ่มเงินถึง 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,300 ล้านบาท) ให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน เพื่อเป็นค่าตัวนักเตะเมื่อปี 2018
หลังจากนั้นไม่นาน ปราการหลังชาวดัตช์ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือผู้เปลี่ยนเกมของ "หงส์แดง" อย่างแท้จริง โดย ฟาน ไดค์ กลายเป็นกำลังหลักของสโมสร และมีส่วนในการช่วยทีมคว้าแชมป์มากมายทั้ง พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ, ซูเปอร์ คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ฟาน ไดค์ จะกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่แกร่งที่สุดในพรีเมียร์ลีก สำหรับตอนนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เจมส์ มิลเนอร์ ย้ายทีมไปแล้ว นั่นทำให้เขาถูกเลือกให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ของ "เดอะ เร้ดส์" ยุค 2.0 ซึ่งตอนนี้รั้งจ่าฝูงลีก
2020 : ทาคุมิ มินามิโนะ
การเซ็นสัญญาช่วงเดือนมกราคม 2020 ก็เพื่อที่จะแก้ปัญหาพื้นที่ในเกมรุกของทีม โดย ทาคุมิ มินามิโนะ ต้องพบกับความยากลำบากในการลงสนาม โดยเขาได้เล่นเพียง 14 แมตช์ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่นเปิดตัว
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานั้น คล็อปป์ มักจะให้โอกาสผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ลงสนามมากกว่า นั่นทำให้ มินามิโนะ ถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในเดือนมกราคม 2021 โดยเขาได้ลงเล่น 10 เกมให้กับทัพ "นักบุญ" ก่อนจะหวนกลับมาสู่ยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์
แม้ว่าจะได้รับประสบการณ์ล้ำค่าในพรีเมียร์ลีกตอนที่เล่นในถิ่นเซนต์ แมรี่ส์ แต่เขาก็ยังคงพบกับความยากลำบากในการได้รับโอกาสลงสนามกับ ลิเวอร์พูล สุดท้ายทีมตัดสินใจขายเขาให้กับ โมนาโก ช่วงซัมเมอร์ถัดมา
2021 : เบน เดวิส และ โอซาน คาบัค
ต้องยอมรับว่าตลาดช่วงเดือนมกราคมปี 2021 ถือเป็นหนึ่งในการเสริมทัพที่แปลกประหลาดที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูล เพราะตอนนั้นพวกเขาเจอวิกฤตินักเตะกองหลังตัวหลักเจ็บหนัก จนถึงขนาดต้องใช้กองกลางลงมาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็ก
ด้วยเหตุนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล รีบควานหากองหลังคนใหม่เป็นการด่วน โดยในช่วงเดดไลน์ทีมคว้าตัว เบน เดวิส มาจาก เปรสตัน ทีมระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ และเขาก็ไม่เคยได้ลงสนามให้กับ "เดอะ เร้ดส์" เลย ก่อนจะโดนขายให้กับ เรนเจอร์ส ในช่วงซัมเมอร์ถัดมาหลังถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ส่วนนักเตะอีกรายที่เซ็นสัญญามาในเดือนเดียวกันก็คือ โอซาน คาบัค ซึ่งถูกยืมตัวมาจาก ชาลเก้ 04 โดยเขาเปิดตัวได้น่าผิดหวังสิ้นดีในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ จากนั้นก็ต้องเจอกับความยากลำบากในการแย่งตำแหน่ง สุดท้าย ลิเวอร์พูล เลือกที่จะไม่เซ็นสัญญาถาวรกับนักเตะ
2022 : หลุยส์ ดิอาซ
เช่นเดียวกับ ฟาน ไดค์ เพราะ หลุยส์ ดิอาซ คือหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งของทีมในช่วงเดือนมกราคม หลังจากที่พวกเขาสามารถตัดหน้า สเปอร์ส คว้าตัวปีกรายนี้มาจาก เอฟซี ปอร์โต้ ได้สำเร็จ
ดาวเตะทีมชาติโคลอมเบีย โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในฤดูกาลแรกของเขากับ "เดอะ เร้ดส์" ด้วยการซัดไป 6 ประตูกับ 5 แอสซิสต์พร้อมกับคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ แต่โชคร้ายที่นักเตะโดนอาการบาดเจ็บหนักเล่นงานในเกมกับ อาร์เซน่อล ช่วงเดือนตุลาคม 2022 ทำให้เขาต้องพักยาวถึง 7 เดือน
ดิอาซ หวนกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเดือนเมษายน 2023 แม้ว่าจะต้องเจอเรื่องสุดตึงเครียดจากกรณีที่พ่อแม่โดนลักพาตัวในเดือนพฤศจิกายน แต่เขาก็ยังมีความเป็นมืออาชีพด้วยการลงสนามช่วยสโมสร พร้อมกับทำประตูตีเสมอในเกมกับ ลูตัน ทาวน์
2023 : โคดี้ กัคโป
เดือนมกราคมปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล สร้างความฮือฮาด้วยการปาดหน้าคู่อริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดย "เดอะ เร้ดส์" สามารถบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว โคดี้ กัคโป ได้ก่อนที่ตลาดพ่อค้าแข้งฤดูหนาวปี 2023 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
สตาร์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ได้รับการยืนยันเรื่องการย้ายมาเล่นในแอนฟิลด์เมื่อช่วงปีใหม่ของปี 2023 โดยนักเตะสามารถปรับตัวกับการเล่นให้กับ "หงส์แดง" ได้ทันที และมักจะยิงประตูสำคัญๆ ให้กับต้นสังกัด
ที่สำคัญเขากลายเป็นที่รักของสาวก "เดอะ ค็อป" หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดด้วยการซัด 2 ประตูในแมตช์ถลุง แมนฯ ยูไนเต็ด เละเทะ 7-0 เมื่อเดือนมีนาคม และก็ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้ดีเยี่ยม
สำหรับตอนนี้ กัคโป ยังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญของ คล็อปป์ โดยเขาซัดไปแล้ว 16 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ให้กับ ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในการเซ็นสัญญาช่วงเดือนม.ค.
ทอมเม้ง