ลิเวอร์พูล เริ่มกลับมาทำผลงานได้ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดรังแอนฟิลด์ โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ โจ โกเมซ โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด จัดการ เออร์ลิง ฮาลันด์ จนอยู่หมัด ส่วน โม ซาลาห์ ยังคงเป็นฮีโร่ประจำทีมหลังกดประตูชัยสุดงามให้ทัพ "หงส์แดง" คว้า 3 แต้มสำคัญ
ตัวจริง
อลีสซง เบ็คเกอร์ : 8
ป้องกันจังหวะยิงประตูของ กุนโดกัน และ ฮาลันด์ ได้ดีเยี่ยมในครึ่งแรก ยังคงโชว์ฟอร์มไว้วางใจได้ แถมมีทีเด็ดแอสซิสต์ให้ ซาลาห์ ทำประตูชัยด้วย
เจมส์ มิลเนอร์ :7
ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมในการเล่นเกมรับ เข้าไปพัวพันจน โฟเด้น เล่นไม่ถนัด แม้มีบางจังหวะอาจจะดูช้าและมีอาการเหนื่อยล้าเนื่องจากอายุค่อนข้างเยอะ แต่การอ่านเกมและคุมจังหวะการเล่นยังคงยอดเยี่ยม
โจ โกเมซ : 9
ตามประกบ ฮาลันด์ ได้สุดยอด ไม่ปล่อยให้มีโอกาสได้สับไกลแบบจะๆ อ่านเกมได้ดี สกัดบอลแม่นยำ ที่สำคัญยังเล่นได้นิ่งไม่มีจังหวะเตะบอลโฉ่งฉางเลย
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 8
กลับมาทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง เป็นหัวใจในเกมรับ ไม่ปล่อยให้แนวรุกแมนฯ ซิตี้ ได้เล่นง่ายๆ จังหวะตัดบอลทั้งลูกบนดินและกลางอากาศยอดเยี่ยม และยังมีการเปิดบอลยาวจากแดนหลังให้แนวรุกได้อย่างแม่นยำ
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : 8
ต่อกรกับ ชูเอา กานเซโล่ ได้ยอดเยี่ยม เล่นเกมรับได้เหนียวแน่น ส่วนเกมรุกมีโอกาสหลุดเข้าไปเปิดบอลได้หลายครั้ง แต่ยังขาดความแม่นยำ นอกจากนี้ยังได้ยิงเต็มข้อในช่วงครึ่งแรกแต่บอลเหินข้ามคานไปนิดเดียว
ฟาบินโญ่ : 8
แข็งแกร่งในการครองบอล เก็บบอลจังหวะสองได้หลายครั้ง ไม่ปล่อยให้แดนกลางของ แมนฯ ซิตี้ ได้เล่นสบายๆ พยายามตัดเกมเร็วเพื่อไม่ให้คู่แข่งได้สวนกลับ ถือเป็นอีก 1 แข้ง "หงส์แดง" ที่เรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้ทันเวลา
ติอาโก้ อัลคันทาร่า : 7
เริ่มต้นเกมได้ดี แต่การผ่านบอลยังไม่ค่อยแม่นยำนัก อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่บอลอยู่ในเท้าของเขาคู่แข่งแย่งคืนยากมาก พยายามหาช่องเพื่อสร้างโอกาสให้กับทีม สู้ทุกจังหวะ ประสานงานกับ ฟาบินโญ่ ได้อย่างลงตัว
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ : 7
พัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง เป็นนักเตะที่พร้อมลุยทุกจังหวะ เกมรุกก็เล่นได้ดุดัน และยังพยายามวิ่งลงมาช่วยเกมรับด้วย เป็นแข้งที่มีพละกำลังเหลือเฟือ ช่วยสร้างเกมรุกได้ดี มีโอกาสหลุดเข้าไปในเขตโทษ 1-2 ครั้งแต่ยังไม่นิ่งพอ
ดีโอโก้ โชต้า : 8
ทำงานหนักในริมเส้นฝั่งซ้าย ความเร็วสร้างความปั่นป่วนให้กับ อคานจี มีโอกาสทำประตูแต่น่าเสียดายที่พลาดเป้า นอกจากนี้ยังขยันวิ่งมาช่วยเล่นเกมรับด้วย และทำหน้าทีได้ดี แต่ดันมาดวงแตกได้รับบาดเจ็บช่วงทดเจ็บครึ่งหลัง
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 9
ถูกจับมายืนตรงกลางในช่วงแรกๆ ก่อนจะขยับออกไปเล่นทางริมเส้นฝั่งขวา โดยความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาทำให้แนวรับแมนฯ ซิตี้ แทบเอาไม่อยู่ ครึ่งหลังได้หลุดเข้าไปซัดประตูแต่ติดปลายมือ เอแดร์ซอน ก่อนจะโชว์ทักษะขั้นเทพพลิกตัวหนี กานเซโล่ เข้าไปส่งบอลซุกก้นตาข่ายได้อย่างสุดยอด
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : 8
แม้ไม่มีชื่อทำประตู แต่มีส่วนกับเกมเยอะมาก ทั้งการลงมาช่วยปั้นเกมในแดนกลาง ตัดบอลจากแผงมิดฟิลด์ได้หลายครั้ง คอยคุมจังหวะเกมรุก และเชื่อมเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (แทน ฟาบินโญ่ น. 73) : 7
เอาชนะการแย่งบอลได้ตลอด ทุ่มเทสุดตัว เล่นเกมรับได้เหนียวแน่น สั่งการและกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมไม่ให้เสียสมาธิตอนที่โดนแมนฯ ซิตี้บุกกระหน่ำช่วงท้ายเกม
ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ (แทน ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ น.73) : 7
ความคล่องตัวช่วยทำให้ทีมเรียกฟาวล์ได้ตลอด แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่มั่นใจ และกล้าครองบอล
ดาร์วิน นูนเญซ ( แทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.73) : 7
ความเร็วและความกระหายของนักเตะทำให้แนวรุกของลิเวอร์พูลคึกคัก มีจังหวะกระชากหนีกองหลังแมนฯ ซิตี้ จนต้องหยุดด้วยการทำฟาวล์ สร้างโอกาสยิงประตูได้หลายครั้งแต่ยังขาดความแม่นยำ
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (แทน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.90) : ไม่มีคะแนน
มีเวลาไม่มากพอให้แสดงผลงาน
คอสตาส ซิมิคาส (แทน ดีโอโก้ โชต้า น.99) : ไม่มีคะแนน
มีเวลาไม่มากพอให้แสดงผลงาน
ทอมเม้ง