เควิน เดอ บรอยน์ เหนือมนุษย์! 5 ประเด็น แมนซิตี้ แซงชนะ นิวคาสเซิ่ล

เควิน เดอ บรอยน์ เหนือมนุษย์! 5 ประเด็น แมนซิตี้ แซงชนะ นิวคาสเซิ่ล
แมนฯ ซิตี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างสมศักดิ์ศรีของแชมเปี้ยนเมื่อระเบิดความจัดจ้านของเกมรุกบุกไปเฉือนชนะ นิวคาสเซิ่ล อย่างเจ็บแสบ 3-2 ในช่วงทดเวลาจากการร่ายเพลงเตะที่สุดยอดของ เควิน เดอ บรอยน์ (อีกแล้วครับท่าน) แม้เกมนี้เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติ เบลเยี่ยม จะลงบู๊เป็นตัวสำรองอีกนัด แต่เขาโชว์ศักยภาพทั้งยิงประตูตีเสมอ และแอสซิสต์ประตูชัยพา เรือใบสีฟ้า คว้าสามแต้มได้สำเร็จในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.

1. สาลิกา ไร้ โชลินตอน เพิ่มอีกราย

นิวคาสเซิ่ล เปิดบ้านรับมือกับแชมป์เก่าโดยปราศจาก โชลินตอน ที่เจ็บเพิ่มอีกราย และน่าจะร้างสนามร่วมหกวีกเป็นอย่างน้อย

อย่างไรก็ดี ทีมอีสานเปลี่ยนโผ 11 คนแรกตำแหน่งเดียวจากเกม เอฟเอคัพ รอบสามนัดยกพลไปถล่ม ซันเดอร์แลนด์ อริสำคัญ 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดย ลูอิส ไมลีย์ ดาวรุ่งวัย 17 ปีได้เสียบแทนดาวเตะแซมบ้า

2. เรือใบเปลี่ยนทีมครึ่งโหล

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ โรเตชั่นทีมรวมหกรายจากเกม เอฟเอคัพ รอบสามนัดขยี้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 5-0 ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ เอแดร์ซอน ได้กลับมารับภาระแทน สเตฟาน ออร์เตก้า ตามด้วย ไคล์ วอล์คเกอร์ กัปตันทีมซึ่งลงเล่นแทน มานูเอล อาคันจี ที่เดี้ยงในตำแหน่งแบ็คขวา ขณะที่ นาธาน อาเก้ เขี่ย เซร์คิโอ โกเมซ กลับไปรับบทตัวสำรอง

สำหรับแดนกลาง ริโก้ ลูอิส คืนตำแหน่งให้ โรดรี้ ขณะที่ปีกสองฝั่งเป็นหน้าที่ของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา กับ เฌเรมี่ โดกู ที่ถูกส่งลงบู๊ก่อนหน้า ออสการ์ บ๊อบบ์ กับ แจ็ค กรีลิช

ด้าน เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งหายเจ็บกลับมาลงบู๊ได้แล้วยังนั่งข้างสนามต่ออีกเกม

3. ปีชง แมนฯ ซิตี้?

ถือเป็นเรื่องโชคร้ายอย่างแรงของ เรือใบสีฟ้า ที่เสีย เอแดร์ซอน นายทวารทีมชาติ บราซิล ตั้งแต่นาทีที่ 7 จากการโดน ฌอน ลองสตาฟฟ์ เข้าปะทะในจังหวะพยายามเข้าบล็อกลูกยิงระยะประชิดของกองกลางเจ้าบ้านจนเหมือนว่าจะเจ็บเข่าซ้าย

หลังพยายามฝืนเล่น แต่อีกพักเดียว มือกาวชาวเมืองกาแฟก็ทิ้งตัวเนื่องจากไม่สามารถเฝ้าเสาต่อได้ และส่งผลให้  ออร์เตก้า ได้ลงสนามแทน แถมปรากฏว่า สาลิกาดง เข่นสองเม็ดแซงนำ 2-1 เฉยฉิบหลังจาก แบร์นาร์โด้ ซิลวา โชว์ยิงลูกไขว้ให้อาคันตุกะนำหน้าก่อนแม้จะว่าไปนายทวารมือสองของทีมเยือนไม่สมควรโดนตำหนิสักเท่าไหร่เนื่องจากทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัก และ  แอนโธนี่ กอร์ดอน จบสกอร์ได้อย่างสุดยอดทั้งคู่

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การเสีย เอแดร์ซอน ส่งผลกระทบต่อ แมนฯ ซิตี้ อย่างไม่ต้องสงสัย และหากเขาเจ็บยาวก็จะเป็นปัญหาใหญ่แน่เนื่องจาก ออร์เตก้า น่าจะทดแทนประตูมือหนึ่งในระยะยาวได้ลำบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถึงคราวที่ทีมเงินถังต้องทำศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อกเอาต์เนื่องจากการเดินเข้าอุโมงค์ทันทีของ เอแดร์ซอน หลังเดินออกจากสนามไม่ใช่สัญญาณที่ดีแม้สุดท้ายเจ้าตัวจะออกมานั่งดูเกมในซุ้มได้  แต่ก่อนจะถึงวันนั้น แมนฯ ซิตี้ มีเกมต่อไปที่ต้องออกไปเยือน สเปอร์ส ในศึก เอฟเอคัพ รอบสี่ซึ่งยังไม่แน่ว่า เอแดร์ซอน จะหายเจ็บลงเล่นได้หรือเปล่าหลังจากยอดทีมทริปเปิ้ลแชมป์กระเด็นตกรอบถ้วย คาราบาวคัพ รอบสามไปก่อนแล้วโดยถูก อิซัก ตัวแสบสวีดิชซัดประตูชัยให้ นิวคาสเซิ่ล ชนะ 1-0 ที่สังเวียนแข้ง เซนต์ เจมส์ พาร์ค แห่งเดียวกันนี้

จบครึ่งแรกซึ่ง แมนฯ ซิตี้ ตกเป็นรอง 2-1 ทั้งๆที่ได้ประตูนำก่อนมีสถิติเผยว่าพวกเขาครองบอลได้มากกว่า 69:31% ก็จริง แต่เจ้าบ้านได้บุกโต้มาส่องยิงมากถึง 7 ครั้งเข้ากรอบ 3 ครั้งซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วงแทนแชมป์เก่าไม่น้อยโดยพวกเขาได้ลุ้นคลำเป้า 11 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้งเท่ากัน

4. คิดอะไรไม่ออกบอก เดอ บรอยน์ 

"แค่ เควิน เดอ บรอยน์ วอร์มอัพ พรีเมียร์ลีก ก็ว้าวุ่นแล้ว" แม้จะพูดแบบทีเล่นทีจริง แต่ประโยคนี้ที่หลุดจากปากของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าดาวเตะทีมชาติ เบลเยี่ยม  ที่หายเจ็บแล้วเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้ ลิเวอร์พูล ผิดหวังได้เหมือนกันต่อการพยายามคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้

และในที่สุด หลังถูกปล่อยลงเล่นในช่วง 20 นาทีสุดท้าย เดอ บรอยน์ ก็คายพิษสงได้อย่างที่ กวาร์ดิโอล่า ปรารถนาที่ทั้งยิงตีเสมอ 2-2 และทั้งจ่ายบอลอย่างสุดยอดให้ ออสการ์ บ๊อบบ์ ตัวสำรองอีกรายปรี่เข้าซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาให้ แมนฯ ซิตี้ กำชัยชนะแบบเส้นยาแดงผ่าแปด 3-2 เก็บเพิ่มอีกสามแต้มขยับเป็นรองจ่าฝูงโดยมีคะแนนตามหลัง เร้ด แมชีน สองแต้มจากการลงสนาม 20 นัดเท่ากัน

ถึงตอนนี้ หลังจากลงเล่นเป็นตัวสำรองมาสองนัด เดอ บรอยน์ น่าจะมีโอกาสกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงได้เหมือนกันในเกมต่อไปที่ เรือใบสีฟ้า จะออกไปเยือน สเปอร์ส ในศึก เอฟเอคัพ รอบสี่วันที่ 26 ม.ค.ซึ่งน่าจะถือเป็นจุดเปลี่ยนของทีมมหาเศรษฐีได้ไม่น้อยในช่วงครึ่งหลังของซีซั่น

พร้อมกันนี้ หาก แมนฯ ซิตี้ ได้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยอดดาวซัลโวหายเจ็บลงเล่นได้เมื่อไหร่ ศักยภาพที่น่าเกรงขามอยู่แล้วของพวกเขาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่สำหรับทีมคู่แข่งที่หวังแย่งความสำเร็จไปจากสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่ระหว่างที่รอกองหน้าร่างยักษ์ฟิตสมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่า กวาร์ดิโอล่า มี บ๊อบบ์ ดาวเตะนอร์วีเจี้ยนอีกรายโผล่ขึ้นมาเป็นเพชรเม็ดใหม่ของสโมสรอย่างเต็มตัวแล้ว

หลังเอาชนะ สาลิกาดง ได้สำเร็จ แมนฯ ซิตี้ เพิ่มสถิติการครองบอลได้มากขึ้นเป็น 73:27% และได้ยิงทั้งหมด 27 ครั้งเข้ากรอบ 11 ครั้ง ขณะที่ เดอะ แม็กพายส์ ได้ง้างไก 12 ครั้งเข้ากรอบ 5 ครั้ง

5. สถิติที่น่าสนใจของ เดอ บรอยน์

- ประตูตีเสมอ 2-2 ของ เดอ บรอยน์ เป็นประตูที่ 100 พอดีที่ แมนฯ ซิตี้  สอยตาข่าย นิวคาสเซิ่ล ได้ในเกม พรีเมียร์ลีก โดย เรือใบสีฟ้า เป็นทีมแรกที่พังประตู สาลิกาดง ในรายการนี้ได้ครบ 100 เม็ดเช่นกัน

- เดอ บรอยน์ สร้างผลงานยิง 1 แอสซิสต์ 1 ตลอดทั้งสามเกมที่เขาลงเล่นเป็นตัวสำรองในทุกรายการของซีซั่นนี้

- ซึ่งถึงตอนนี้ เพลย์เมกเกอร์วัย 32 ปี ชาวเบลเยียม แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกแซงหน้า แฟรงค์ แลมพาร์ด (102) ขึ้นแท่น 103 แอสซิสต์เท่ากับ เวย์น รูนี่ย์ ขณะที่จอมแอสซิสต์ตลอดกาลพรีเมียร์ลีกยังคงเป็น ไรอัน กิ๊กส์ ที่ทำไว้ 162 แอสซิสต์

- 28 จาก 65 ประตูของ เดอ บรอยน์ ในเกม พรีเมียร์ลีก มาจากการง้างยิงหน้าเขตโทษ และในบรรดาพ่อค้าแข้งที่ยิงได้อย่างน้อย 50 ประตูในรายการนี้ มีแค่ เดวิด เบ็คแฮม คนเดียวเท่านั้นที่ซัดจากหน้าเขตโทษได้คมกว่าดาวเตะทีมชาติ เบลเยี่ยม (55:43%)

- เดอ บรอยน์ เป็นนักเตะคนแรกของ แมนฯ ซิตี้ ที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเดียวกันในฐานะตัวสำรองถัดจากที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ทำได้ในเกมบู๊กับ คาร์ดิฟฟ์ เมื่อเดือนม.ค.2014


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport