"หงส์แดง" คืนฟอร์มเก่งเอาใจแฟนบอลหลังรวมพลังเบียด "เรือใบสีฟ้า" 1-0 จากประตูชัยของ ซาลาห์ พาทีมหวนเฮในลีกรอบ 4 นัดเก็บเพิ่มเป็น 13 คะแนนขึ้นมารั้งอันดับ 8 ส่วนทาง แมนฯ ซิตี้ พ่ายนัดแรกของซีซั่นยังรั้ง รองฝูง แต่โดนทิ้งห่างเป็น 4 แต้มแล้ว
"บิ๊กแมตช์" พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล อันดับ 11 เปิด แอนฟิลด์ รับมือแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 2 ของตาราง
เจอร์เก้น คล็อปป์ เกมนี้ไร้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่บาดเจ็บทำให้ต้องใช้ โจ โกเมซ ยืนคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โดยส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ยืนแบ็กขวา ขณะที่สามประสานแดนหน้าเป็น ดีโอโก้ โชต้า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่
ด้านทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ทีมใดในลีก นัดนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัด เควิน เดอ บรอยน์ ปั้นเกมแดนกลาง และให้ แบร์นาโด ซิลวา, เออร์ลิง ฮาลันด์ และ ฟิล โฟเด้น ล่าตาข่ายในแดนหน้า
ต้นเกมทั้งสองทีมเล่นด้วยความระมัดระวัง โอกาสส่องเข้ากรอบครั้งแรกต้องรอถึงนาที 16 เป็นจังหวะวอลเลย์์ของ อิลคาย กุนโดกัน แต่บอลก็ยังไปตรงตัว อลีสซง เบ็คเกอร์
นาที 20 หงส์แดง ได้ลุ้นบ้างเหมือนกัน ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ เก็บได้ทางซ้ายก่อนหยอดมาให้ ดีโอโก้ โชต้า เทกตัวขึ้นโขกบอลกดลงพื้นแต่ยังเบาไปเข้ามือ เอแดร์ซอน
อีก 4 นาทีต่อมา "เดอะ ค็อป" เกือบได้เฮ หลัง ฟาบินโญ่ แทงขึ้นหน้าให้ โชต้า ป้ายออกขวาให้ มิลเนอร์ ครอสมาในกรอบ ดีโอโก้ โชต้า สอดมาโขกแต่ไม่โดน ก่อนที่ เอแดร์ซอน จะพุ่งชกออกไปเข้าทาง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งมาซัดเหินคานออกไปไกล
นาทีที่ 33 จากบอลทางฝั่งซ้าย เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ใช้ความเร็วเบียดเข้าเขตโทษเอาชนะ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้ช่องซัดเสียดายไปติด อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกมาเร็วตะปปช่วยเอาไว้ได้ทัน
5 นาทีต่อมาจากจังหวะสวนกลับ เควิน เดอ บรอยน์ พาหนีขึ้นมาทางขวายกบอลเข้าเขตโทษโค้งไปเสาไกลเข้าหัว เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ขวิดเต็มแรงก็ยังตรงตัว อลีสซง เบ็คเกอร์ เหมือนเดิม
หมดครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูล 0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0
50 นาทีผ่าน ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทอง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แทงบอลเร็วออกขวาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเดี่ยวกระชากขึ้นมาจากครึ่งสนามแต่จังหวะยิงติดปลายมือ เอแดร์ซอน ปัดถากโคนเสาสองออกหลัง
3 นาทีต่อมา "เรือใบสีฟ้า" หวิดทะยานออกนำจากจังหวะจ่ายสุดสวยของ เควิน เดอ บรอยน์ แทงเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายถึง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ สอกมาในกรอบ 6 หลาปั๊มเอาชนะ อลีสซง เบ็คเกอร์ มาเข้าทาง ฟิล โฟเด้น อัดยัดติดบล็อค โจ โกเมซ ตุงตาข่าย
แต่จากจังหวะนี้ แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ได้รับสัณญานจากห้อง วีเออาร์ ย้อนไปเช็ค เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เสียเหลี่ยมไปดึงเสื้อ ฟาบินโญ่ ร่วงลงไป ก่อนหันกลับมาเป่าฟาว์ลริบสกอร์คืน
นาทีที่ 55 "หงส์แดง" สวนคืนบ้าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เก็บหน้าเขตโทษฝั่งขวาดีดไซค์ก้อยเร็วข้ามไปให้ ดีโอโก้ โชต้า โขกล่อเป้า เอแดร์ซอน ในกรอบ 6 หลาแบบไร้ตัวประกบหลุดเข้าข้างตาข่าย
10 นาทีต่อมาคราวนี้เป็น อิลคาย กุนโดกัน แหวกขึ้นมาทางซ้ายพาเข้าเขตโทษหักย้อนตั้งให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เอียงตัวซัดก็ยังไม่ผ่าน อลีสซง เบ็คเกอร์ ล้มตัวปัดออกมาหวุดหวิด
70 นาทีผ่านทั้งสองทีมเปิดหน้าแลก "เรือใบสีฟ้า" ได้เสียวก่อนจากจังหวะหวดสวนด้วยซ้ายของ แบร์นาโด้ ซิลวา บอลโค้งหลุดออกหลัง ก่อนเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปั่นด้วยซ้ายโค้งหนีมือ เอแดร์ซอน ก็ยังไม่ตรงกรอบ
6 นาทีต่อมา "หงส์แดง" ทะยานออก 1-0 จนได้จากบอลยาวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ฉวยโอกาสเตะเร็วออกซ้ายให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พิงเอาชนะ ชูเอา กานเซโล่ พลิกหลุดเดี่ยวขึ้นมากระชากเข้าเขตโทษซัดผ่าน เอแดร์ซอน ตุงตาข่ายงามหยด
นาทีต่อมา เจ้าถิ่น กำลังได้ใจ ดาร์วิน นูนเญซ ตัวสำรองพาบอลแหวกขึ้นมาทางซ้ายได้ช่องก้มหน้าปั่นด้วยขวาหน้ากรอบ 18 หลาโค้งหนีบล็อค รูเบน ดิอาส หลุดเสาไกลออกหลัง
นาทีที่ 85 เจอร์เก้น คล็อปป์ มาโดนใบแดงจากจังหวะไปโวยข้างสนามหลัง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปโดน แบร์นาโด้ ซิลวา เหนี่ยวร่วงลงไปกองกับพื้นแต่ไร้เสียงนกหวีดจาก แอนโธนี่ เทย์เลอร์
ช่วงทดเจ็บ เจ้าถิ่น พลาดปิดกล่องหลายครั้ง ดาร์วิน นูนเญซ หลุดขึ้นมาทางซ้ายจี้เข้าเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายเลือกยัดไปเสาไกลเสียดายแรงเลย เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ออกหลังน่าผิดหวัง
หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล 1 แมนฯ ซิตี้ 0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เจมส์ มิลเนอร์, โจ โกเมซ, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - ฟาบินโญ่ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.73), ติอาโก อัลคันทารา, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ น.73) - ดีโอโก้ โชต้า (คอสตาส ซิมิคาส น.99), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ น.90), โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดาร์วิน นูนเญซ น.73)
เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์
แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน - มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, นาธาน อาเก้, ชูเอา กานเซโล่ - โรดรี, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน (ฮูเลียน อัลวาเรซ น.89) - แบร์นาโด้ ซิลวา, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์, ฟิล โฟเด้น
เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์