ลิเวอร์พูล กับ คำถามตัวโตๆ เมื่อไร้ โม ซาลาห์ รวมทั้ง เอ็นโด

ลิเวอร์พูล กับ คำถามตัวโตๆ เมื่อไร้ โม ซาลาห์ รวมทั้ง เอ็นโด
ไม่มีซาลาห์.. ไม่มีเอ็นโด..

คำถามตัวโตๆ เกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลในช่วงเวลาที่ศึกฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปเรียกทั้ง 2 คนไปรับใช้ชาติ

ซาลาห์ ไปล่าแชมป์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ กับทีมชาติอียิปต์

เอ็นโด ไปลุ้นแชมป์เอเชียน คัพ กับทีมชาติญี่ปุ่น

ทั้ง 2 คนยังไม่เคยได้สัมผัสกับแชมป์นี้มาก่อน เอ็นโด ได้รองแชมป์ 1 สมัยเมื่อปี 2019 (แพ้กาตาร์) ซาลาห์ได้รองแชมป์ 2 สมัยเมื่อปี 2017 (แพ้แคเมอรูน) กับ 2021 (แพ้เซเนกัล)

เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยเลยว่าแชมป์แห่งทวีปทั้ง 2 รายการนี้เป็นยอดปรารถนาของทั้งคู่มากแค่ไหน

เดอะค็อปมากมายส่งใจไปเชียร์อียิปต์และญี่ปุ่น แม้จะเข้าใจดีว่าลิเวอร์พูลต้องพบกับอะไรบ้างในช่วงเวลาที่ทั้งคู่ขาดหายไป แต่ทีมชาติก็คือทีมชาติ มันอยู่ในข้อยกเว้นของทุกๆ เรื่อง

นักฟุตบอลมากมายยอมตายเพื่อชาติ แข้งไม่แตกขาไม่หักหรือต้องเดินทางไกลครึ่งค่อนโลกก็ยินดี.. ขอเพียงชาติต้องการ ให้ลำบากยากเย็นแค่ไหนก็จะไปให้ถึง

แล้วด้วยสถานะของทั้ง ซาลาห์ และ เอ็นโด.. ทั้งคู่คือกัปตันทีมชาติ เป็นต้นแบบ เป็นผู้นำ เป็นความอุ่นใจให้เพื่อนร่วมทีม เป็นความหวังของคนในชาติ

ฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปที่แทรกเข้ามาขัดจังหวะการชิงชัยอันเข้มข้นของพรีเมียร์ลีกและอาจทำให้บางคนรู้สึกรำคาญ จึงไม่เคยอยู่ในสถานะที่ถูกลืมเลยในสายตาของทั้ง 2 คน.. รวมไปถึงเพื่อนร่วมทวีปคนอื่นๆ ที่ได้รับเกียรติสูงสุดจากทีมชาติในงานนี้ด้วยเช่นกัน

สำหรับลิเวอร์พูล ผมมองเห็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับเรื่องนี้ของ เจอร์เก้น คล็อปป์

ตำแหน่งของ เอ็นโด ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ การกลับมาของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มาเสียบพื้นที่เบอร์ 6 ให้พอดี และมีปัจจัยเพิ่มเติมที่การขยับเข้ามาช่วยเล่นตรงกลางของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในระหว่างการขึ้นเกม

ส่วนตำแหน่งหน้าขวาของซาลาห์ ผมเห็น ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่คล็อปป์หย่อนลงไปเล่นตรงนั้น 3-4 เกมแล้วในช่วงหลัง ผสมผสานไปกับตำแหน่งกองกลางที่ดาวเตะวัย 20 เล่นมาตลอดนับตั้งแต่ย้ายเข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์

การกลับมาฟิตสมบูรณ์ของ ดีโอโก้ โชต้า และการมีอยู่ของ โกดี้ คักโป ก็ยังทำให้พื้นที่กองหน้าฝั่งขวาของซาลาห์ไม่ได้ขาดแคลนไปเสียทีเดียว คล็อปป์ยังมีตัวเลือกให้หยิบใช้

ถ้าให้คาดเดา ผมคิดว่าพื้นที่ของซาลาห์จะเป็น เอลเลียตต์ หรือ โชต้า ที่ไปเล่นแทน ส่วน คักโป ไปแย่งพื้นที่หน้าเป้าและหน้าซ้ายกับ ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอาซ กันเอาเอง

ถามว่าทดแทนกันได้ไหม บอกได้เลยว่าไม่มีใครทดแทนซาลาห์ได้หรอก

ไม่มีใครสามารถเล่นได้อย่างเขา มีอิทธิพลต่อเกมมากเท่าเขา ขู่คู่ต่อสู้ให้หวาดหวั่นได้เท่าเขา สร้างสรรค์โอกาสอย่างเป็นธรรมชาติได้แบบเขา

ไม่มี.. ไม่มีเลย

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฟุตบอลของลิเวอร์พูลจะหย่อนประสิทธิภาพลงเมื่อไม่มีซาลาห์ แม้จะไม่มีนักเตะคนไหนทดแทนเขาได้

เพราะคนที่จะมารับผิดชอบในพื้นที่ของเขาแทนเป็นการชั่วคราวต่างก็มีความโดดเด่นของตัวเอง

เอลเลียตต์ กับ โชต้า อาจไม่ได้มีความเอกอุเท่าซาลาห์ แต่ทั้ง 2 คนก็มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่สามารถช่วยทีมได้ตามแท็กติกที่คล็อปป์คิดเอาไว้

เอลเลียตต์คล่อง เร็ว ขยัน วิ่งพล่านไปทั่ว ยิงไกลดี ช่วยเกมรับได้ มีสมาธิกับเกม อ่านเกม พร้อมขยับตัวไปเป็นตัวเลือกให้เพื่อนตลอดเวลา

แล้วยังประสบการณ์ที่มากขึ้นของเขาอีก ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ เอลเลียตต์ แสดงผลงานออกมาให้เห็นชัดเจน แทบไม่เคยสอบตกเลยเมื่อได้โอกาสลงเล่นแม้ส่วนใหญ่จะเป็นตัวสำรอง หรือในรายการที่เป็นตัวจริงอย่าง ลีก คัพ หรือ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก อดีตดาวรุ่งฟูแล่มคนนี้ก็เป็นหนึ่งในคนที่มีคะแนนเฉลี่ยดีที่สุด

ส่วน โชต้า จมูกไว มีสัญชาติญาณนักล่า พาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ทำประตูได้ราวกับมีใครมาแอบกระซิบข้างหู ยิงประตูดี ตีนซ้ายหนัก ตีนขวาโหด ลูกโหม่งก็เปี่ยมด้วยคุณภาพ

อันที่จริงความสามารถของโชต้านั้นแทบไม่มีใครสงสัย เขาพิสูจน์ตัวเองได้หมดจดแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบคำถามทั้งหลายที่ผู้คนเคยสงสัยกันว่าลิเวอร์พูลซื้อเขามาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ทำไม

โชต้าเป็นคำตอบระดับเกรดเอในเกมรุก ยิงคม รอบจัด ปราดเปรียว ฉลาดเล่น มีไหวพริบ การตัดสินใจดี อ่านเกมเก่ง เข้าใจเกม และไม่เห็นแก่ตัว

ผมไม่คิดว่ามันจะแย่เกินไปนักหรอกครับกับการเสียซาลาห์ การหย่อนเอลเลียตต์ลงไปเล่นตำแหน่งหน้าขวาในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาของคล็อปป์แสดงให้เห็นว่าเขาเตรียมรับมือกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว

ถ้าเอาแต่จดจ่อกับมันว่าเป็นความเสียเปรียบ ไม่มีซาลาห์ต้องแย่แน่ๆ ตายแน่ๆ เราก็จะเห็นแต่เรื่องชวนหดหู่อยู่ร่ำไป จริงๆ แล้วในทุกปัญหาไม่เพียงมีทางออกหากแต่บางครั้งมันยังเปิดโอกาสให้เรื่องดีๆ ได้เกิดขึ้นด้วย

เป็นโอกาสของ เอลเลียตต์ ที่เริ่มบ่มสุกงอมได้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองถนัดที่สุด เขาเล่นหน้าขวาเมื่อครั้งโลดแล่นอยู่ใน คราเวน ค็อตเทจ ของฟูแล่ม

เช่นเดียวกับโชต้า เขาจะได้เล่นตัวจริงร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆ ในเกมรุก ด้วยประสิทธิภาพส่วนตัวที่เล่นงานเกมรับคู่แข่งได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

และบอลของลิเวอร์พูลยามไม่มีซาลาห์ อาจจะอันตรายไปอีกแบบหนึ่งก็ได้ เมื่อบอลถูกกระจายไปยังพื้นที่ส่วนต่างๆ กว้างกว่าเดิม

แล้วเมื่อถึงวันที่ซาลาห์กลับมา คล็อปป์กับลิเวอร์พูลก็อาจจะมีรูปแบบสำรองที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น มันอาจส่งผลสำคัญต่อการชิงชัยช่วงท้ายฤดูกาลก็ได้

ไม่เคยมีทีมไหนยอมแพ้เพียงเพราะเสียนักเตะสำคัญไปสัก 1-2 คนโดยไม่ลองลงเตะดูก่อนหรือได้ลองแก้ปัญหาดูก่อนหรอก ฟุตบอลมันก็เตะฝั่งละ 11 คนเท่ากัน ป่วยการที่จะตีโพยตีพายถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แถมยังเป็นสิ่งที่ผู้จัดการทีมเตรียมการรับมือกับมันเอาไว้แล้ว

ลองดูสักตั้ง ที่คิดว่าร้ายมันกลายเป็นดีมาแล้วมากมาย ประวัติศาสตร์บอกกับเราอย่างนั้นมาตลอด.. ไม่ต้องย้อนไปไกลหรอก เอาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงเลยก็ได้

แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2021 ฟาดแข้งกันระหว่างวันที่ 9 มกราคม ถึง 6 กุมภาพันธ์ ปี 2022..

ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วแอนฟิลด์เพราะ ซาลาห์ ต้องไปเล่นให้ทีมชาติอียิปต์ และ ซาดิโอ มาเน่ ต้องไปเล่นให้ทีมชาติเซเนกัล แถม นาบี เกอิต้า ที่ต้องไปช่วยทีมชาติกินีอีกคน

ลิเวอร์พูลเวลานั้นทำท่าว่าจะขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผลงานครึ่งฤดูกาลแรกผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งยังไปได้สวยในฟุตบอลถ้วยทั้งลีก คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ซาลาห์ กับ มาเน่ ลงช่วยลิเวอร์พูลในเกมลีกที่ไปเยือนเชลซีเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2022 เป็นเกมสุดท้ายก่อนเดินทางไปร่วมทัพทีมชาติ ที่สำคัญดันหายหน้าไปด้วยระยะเวลายาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะทั้ง เซเนกัล และ อียิปต์ ตะลุยไปถึงวันสุดท้ายทั้งคู่ (เซเนกัลคว้าแชมป์ด้วยการชนะจุดโทษอียิปต์)

เต็มแม็กซ์.. ลิเวอร์พูลเสียนักเตะสำคัญที่สุดในเกมรุก 2 คนไปแบบเต็มแม็กซ์

แย่แน่ๆ ไม่มีมาเน่.. ตายแน่ๆ ไม่มีซาลาห์.. แล้วนี่ทั้งมาเน่และซาลาห์ยังหายไปนานจนลืมด้วยกันทั้งคู่ พังพินาศหมดแล้ว..

ไม่ใช่เลย.. ยังจำผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างนั้นได้ไหมครับ

ก่อนจะเสียมาเน่กับซาลาห์ไปศึกเนชั่นส์ คัพ ลิเวอร์พูลอยู่ในช่วงหัวทิ่มเก็บได้แค่ 2 คะแนนจาก 3 เกมในลีก

เสมอ สเปอร์ส แพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ และ เสมอ เชลซี

มาเน่ กับ ซาลาห์ ลงตัวจริงทั้ง 3 เกมนั้น ซาลาห์เล่นเต็มเกมทั้งหมด มาเน่เล่นเต็มเกม 1 นัด ถูกเปลี่ยนตัวออกนาที 82 หนึ่งนัด และถูกเปลี่ยนตัวออกนาที 90 อีกหนึ่งนัด

เป็นช่วงเวลาที่เดอะค็อปใจคอไม่ดี ผลงานของทีมกำลังแผ่ว อันดับหล่นจากรองจ่าฝูงมาอยู่ที่สาม สถานการณ์แบบนี้ยังต้องมาเสียทั้ง มาเน่ และ ซาลาห์ ไปแอฟริกาอีก ฤดูกาลนี้จะจบเห่ไหม

ถ้ายังจำความรู้สึกกันได้นะครับ มันก็เป็นอารมณ์ประมาณนี้เลย กังวลล่วงหน้าไปถึงเรื่องที่แย่ที่สุดกันแล้ว ถึงขั้นคงจะหลุดวงโคจรเอาก็ช่วงมกราคมที่มีเตะแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ กันนี่แหละ

แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ กลับเป็นแบบนี้..

ลิเวอร์พูล ชนะ 5 เสมอ 1 จาก 6 เกมที่ลงเตะตลอดช่วงที่ ซาลาห์ และ มาเน่ ไม่อยู่

ไม่แพ้ใครเลย..

ใน 6 เกมนั้นแบ่งเป็นพรีเมียร์ลีก 2 เกม เอฟเอ คัพ 2 เกม และลีก คัพ รอบตัดเชือกอีก 2 เกม

โชต้า กับ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน คือ 2 คนที่ก้าวเข้ามารับหน้าที่แทน ซาลาห์ และ มาเน่ ในการเล่นแดนหน้าร่วมกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

มี เคด กอร์ดอน เคอร์ติส โจนส์ และ ทาคุมิ มินามิโนะ สลับมาลงเล่นในฟุตบอลถ้วย

แต่ในศึกลีก คัพ คล็อปป์ยังต้องจัดตัวแบบเน้นๆ ด้วยความที่ทีมทะลุเข้าไปถึงรอบตัดเชือกแล้ว อีกด่านเดียวก็จะเข้าชิงที่เวมบลีย์แล้ว แถมคู่ต่อสู้เหย้า/เยือนในรอบรองฯ ยังเป็นอาร์เซน่อล

ผลที่ออกมาคือ ลิเวอร์พูล เสมอ อาร์เซน่อล ในรอบรองฯ นัดแรกแค่เกมเดียว ที่เหลืออีก 5 เกมในทุกรายการชนะรวดทั้งหมด

ชนะ ชรูว์สบิวรี่ ทาวน์ (เหย้า) 4-1 เอฟเอ คัพ รอบสาม

เสมอ อาร์เซน่อล (เยือน) 0-0 ลีก คัพ รอบรองฯ นัดแรก

ชนะ เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า) 3-0 พรีเมียร์ลีก

ชนะ อาร์เซน่อล (เยือน) 2-0 ลีก คัพ รอบรองฯ นัดสอง

ชนะ คริสตัล พาเลซ (เยือน) 3-1 พรีเมียร์ลีก

ชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ (เหย้า) 3-1 เอฟเอ คัพ รอบสี่

เตะ 6 ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 0 ยิงได้ 15 เสีย 3 ประตู

โชต้ายิง 3.. มินามิโนะยิง 2.. อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนยิง 2..

เอลเลียตต์ยิง 1.. ฟีร์มิโน่ยิง 1.. กอร์ดอนยิง 1.. เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ยิง 1

ตัวแทนโดยตรงของซาลาห์และมาเน่อย่าง โชต้า กับ อ๊อกซ์ ทำประตูรวมกันได้ 5 ลูก ตัวแทนโดยอ้อมทั้ง มินามิโนะ กอร์ดอน รวมทั้ง เอลเลียตต์ ก็ยิงได้เช่นกัน มันก็ไม่ได้เลวร้ายเลย

แต่ที่ทะลุขึ้นมาคือตัวละครลับซึ่งไม่มีใครคาดคิด โผล่ขึ้นมามีบทบาททำประตูในช่วงที่ไร้ ซาลาห์-มาเน่ อย่างน่าตกตะลึง.. เขาคือ ฟาบินโญ่

ฟาบินโญ่ยิงไป 4 ประตู เป็นดาวซัลโวของทีมในช่วง 6 เกมนั้น

ก่อนการจากไปแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ของซาลาห์และมาเน่ ฟาบินโญ่ลงเล่น 20 จาก 29 เกมของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนั้น สถิติการทำประตูคือ 0

20 เกมแรกที่ยังมี ซาลาห์ กับ มาเน่.. ฟาบินโญ่ยิง 0

6 เกมที่ไม่มี ซาลาห์ กับ มาเน่.. ฟาบินโญ่ยิง 4

และเมื่อ ซาลาห์ กับ มาเน่ กลับมาร่วมทีมอีกครั้งหลังเสร็จศึกเนชั่นส์ คัพ ฟาบินโญ่ ลงเล่นอีก 24 เกมทุกรายการจนกระทั่งจบซีซั่นในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เรอัล มาดริด ที่ปารีส เขายิงเพิ่มได้อีกเพียง 3 ประตูเท่านั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้บอกอะไรเรา.. มันบอกกับเราว่าคล็อปป์และทีมของเขาไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่หาวิธีการที่จะไปต่อกันให้ได้ในช่วงที่ไม่มีซาลาห์-มาเน่

สถิติทำประตูของฟาบินโญ่ที่พรวดพราดขึ้นมาอย่างมีนัยยะ ทำไมมันถึงเกิดขึ้นในช่วงที่ทั้ง 2 คนหายไปพอดี เป็นความตั้งใจใช่ไหม

มันบอกกับเราว่า จงเชื่อในทีมตัวเอง เชื่อในนักเตะของตัวเอง และเชื่อในผู้จัดการทีมของตัวเอง

พวกเขาล้วนคู่ควร.. ไม่มีใครไม่คู่ควรกับการเป็นคนของทีมหรอก ไม่มีใครกระจอกหรอก

เพราะต่อให้ต้องลงเล่นแทนคนที่ไม่อาจทดแทนได้ เขาที่ได้รับมอบหมายคนนั้นก็จะพยายามอย่างสุดชีวิต ทุ่มเทเล่นอย่างถวายหัว เพื่อลดช่องว่างที่เกิดขึ้นให้เหลือแคบที่สุด

หลายครั้ง.. ความพยายามอย่างเต็มที่นั้นก็มอบผลดีเกินคาดให้เรา

ยังไม่รวมถึงการปรับเปลี่ยนแท็คติกบางอย่างที่ผู้จัดการทีมมองเห็นด้วย เพราะเขาคงไม่งอมืองอเท้ารอรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นจากการเสียนักเตะคนสำคัญไปหรอก

เขาก็ต้องสู้เหมือนกัน หาทุกวิถีทางที่จะแก้ปัญหาให้ราบรื่นที่สุด และเขาไม่ได้มองเห็นทีมของเขาด้วยการโฟกัสไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่มองเห็นทีมของเขา.. ทั้งทีม

เขามองเห็นลูกทีมของเขาทุกคน และรู้ดีว่าจะหยิบใช้ใครอย่างไร ให้คนอื่นๆ คอยช่วยเหลือกันอย่างไร

เพราะฟุตบอลเล่นกัน 11 คน หัวใจของมันอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ฝากอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง

11 คนที่ช่วยกันเล่นเป็นทีม มีหัวใจเพียงดวงเดียวซึ่งก็คือหัวใจของทุกๆ คนมัดรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

อย่าเพิ่งกลัว อย่าเพิ่งกังวล อย่าเพิ่งวิตกเกินไปกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น

จงเชื่อในทีมตัวเอง

เชื่อในนักเตะของตัวเอง

เชื่อในผู้จัดการทีมของตัวเอง

แล้วกระทั่งคนที่ไม่สามารถทดแทนได้ ก็อาจจะถูกทดแทนได้จริงๆ ด้วยคนที่ไม่น่าจะทดแทนกันได้นั่นแหละ

ซาลาห์.. เอ็นโด.. ไปให้สุดกับภารกิจของคุณ ขอให้คุณโชคดีและมีทัวร์นาเมนต์ที่ดี เราจะสู้สุดใจและรอแสดงความยินดีกับคุณอยู่ทางนี้

แล้วเมื่อคุณทั้งคู่กลับมาอีกครั้ง เราจะมีหัวใจที่พองโตยิ่งกว่าเดิม พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ 3-4 เดือนสุดท้ายด้วยความมั่นคง..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport