เกือบ 1 ทศวรรษหลังทำประตูแรกบนเวที พรีเมียร์ลีก ในนามนักเตะ เชลซี เมื่อปี 2014
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปลี่ยนจากนักเตะที่มีแต่ความเร็วไปสู่การเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถครบเครื่อง
สำหรับเด็กที่เกิดในเมืองที่มีประชากรราว 15,000 คน ทางตอนเหนือ ประเทศอียิปต์ อย่าง นากริก ซาลาห์ ไม่เคยแม้แต่วาดฝันว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้รางวัลรองเท้าทองคำของ พรีเมียร์ลีก มาครอบครอง
"พูดกันตามตรงนะ สมัยเป็นเด็ก ผมฝันได้เป็นแค่นักเตะที่พอเป็นที่รู้จักเท่านั้น" ซาลาห์ ให้สัมภาษณ์กับ บีอิน สปอร์ตส์ ไม่นานมานี้
หลังคว้ารางวัลส่วนตัวมากมายในซีซั่นแรกกับ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาล 2017/18 ซาลาห์ ก็มีโอกาสได้เจอกับสองนักแสดงแนวตลกเพื่อนร่วมชาติ ฮีแชม มาเก็ด และ ชิโก้ ที่กรุงลอนดอน เพื่อให้สัมภาษณ์แบบเป็นกันเอง
คำถามข้อสองที่ ซาลาห์ ตอบกับทั้งคู่คือคำถามที่ว่า -เขาคิดจะเอารองเท้าทองคำที่ได้จากรางวัลดาวซัลโวไปหลอมเป็นทองเพื่อเอามาขายแล้วกลับไปอยู่ที่ อียิปต์ พร้อมกับแขวนสตั๊ดไปเลยหรือเปล่า?-
"นั่นเป็นอันเดียวที่ถือว่าแตะต้องไม่ได้เลยนะ" ซาลาห์ ตอบกลับ
"ส่วนที่เหลือจะเอาอะไรก็เอาไปเถอะ"
มาถึงปัจจุบัน ซาลาห์ ไม่ได้แค่คว้ารองเท้าทองคำแค่หนเดียว แต่เขารับไปประดับโปรไฟล์แล้ว 3 ครั้ง แถมแต่ละประตูที่ทำได้ส่งให้เขาค่อย ๆ ทำลายสถิติแทบทุก ๆ สัปดาห์
ประตูพิเศษสำหรับ ซาลาห์ คือลูกที่ 129 ใน พรีเมียร์ลีก กับ ลิเวอร์พูล
มันคือเกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0 เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ลูกดังกล่าวทำให้เขาทำลายสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลสโมสร ยุค พรีเมียร์ลีก ที่เคยเป็นของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
"นั่นเป็นประตูที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดเลย" ซาลาห์ เปิดใจถึงลูกนั้น
การทำลายสถิติเป็นแรงกระตุ้นให้ ซาลาห์ ทำงานหนักมากขึ้น
แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาบรรลุเป้าหมายอย่างหนึ่ง เขาก็จะตั้งเป้าหมายใหม่อยู่เสมอ
"แน่นอนว่าผมคิดเกี่ยวกับการทำลายสถิติ แน่นอนว่าผมต้องการทำแบบนั้นให้ได้"
"แต่ผมตั้งเป้ากับตัวเองว่าต้องทำงานให้หนักขึ้นเช่นกัน"
"ตราบใดที่มีเป้าหมายในงานที่คุณทำ มันจะเป็นการผลักดันให้คุณทำงานให้ดีขึ้นไปอีก"
.
.
.
สิ่งที่ ซาลาห์ ได้จากตอนอยู่ที่ อิตาลี กับ ฟิออเรนติน่า และ โรม่า คือการได้เรียนรู้เกมการเล่นโดยรวมมากขึ้น หลังเคยมีช่วงเวลาไม่น่าจดจำตอนมาปักหลักเมืองผู้ดีครั้งแรก
การกลับมา อังกฤษ อีกครั้งก็เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นศักยภาพใหม่ของตัวเขาเอง
แต่ด้วยทีมที่ย้ายมาเป็น ลิเวอร์พูล ความคาดหวังย่อมมีมาก แรงกดดันจึงมีมาตั้งแต่นัดแรก
นัดเปิดสนามฤดูกาล 2017/18 ที่ วิคาเรจ โร้ด ลิเวอร์พูล เสมอ วัตฟอร์ด 3-3 ซาลาห์ ทราบดีว่าช่วงครึ่งแรกผลงานส่วนตัวไม่ได้เท่าไหร่
ทว่าสุดท้ายเขาพอโล่งใจได้บ้างเมื่อเป็นคนเรียกจุดโทษ และมีประตูตอนครึ่งหลัง
นับจากวันนั้น ซาลาห์ ทำประตูให้ทีมได้เรื่อย ๆ แต่อีกส่วนสำคัญที่ทำให้เขามาถึงวันนี้กับ ลิเวอร์พูล ได้คือการที่ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการกีฬา, เดฟ ฟัลโลว์ส หัวหน้าฝ่ายสรรหาบุคลากร และ แบร์รี่ ฮันเตอร์ หัวหน้าแมวมองที่โน้มน้าวใจ เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้เชื่อว่า ซาลาห์ คืออีกทางเลือกหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ
เพราะว่าตอนนั้น คล็อปป์ อยากได้ ยูเลี่ยน บรันด์ท มาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
แล้ว ซาลาห์ ก็เอาชนะใจทุกคนได้หมด และยังพัฒนาเกมการเล่นของตัวเองให้ดีขึ้นไปอีก
"ผมเคยดูเขาตอนเล่นให้ โรม่า และผมรู้ดีว่าเขาจะเป็นคนที่สำคัญมาก ๆ รวมถึงจะช่วยเราได้ดี" คล็อปป์ บอกกับ บีอิน สปอร์ตส์ เมื่อตอนเดือนตุลาคม
"แต่ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าเขาจะกลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูแบบนี้ได้ และ โม เองก็อาจจะคาดไม่ถึงเหมือนกัน"
"ผมประทับใจในตัวเขาอย่างรวดเร็ว และทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ เขาอยากพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ นั่นเป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดเกี่ยวกับเขา"
"ความขยันและความกระหายที่จะพัฒนาตัวเองทำให้เขามีทักษะการเล่นเกมรุกที่ดีขึ้น และจำนวนประตูที่เขาทำได้ก็เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด"
.
.
.
จำนวน 150 ประตูที่ทำได้ใน พรีเมียร์ลีก มาจากลูกจุดโทษ 23 หน และมีอยู่ 5 ครั้งที่เขายิงไม่เข้า
เดิมที ซาลาห์ ไม่ได้ถูกวางเป็นคนยิงลูกจุดโทษตัวหลักของ ลิเวอร์พูล แล้วจุดโทษครั้งแรกกับทีม เขายิงไม่เข้าในเกมกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ตอนเดือนตุลาคม ปี 2017
อย่างไรก็ตามเกมกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ อีก 3 เดือนหลังจากนั้น ซาลาห์ ต้องการทำประตูจากลูกจุดโทษมาก ๆ เพื่อเป็นการแก้ตัวและไล่ตาม แฮร์รี่ เคน กับการแย่งตำแหน่งดาวซัลโว
"มันมีเกมเยือน ฮัดเดอร์สฟิลด์ ตอนนั้น เคน ยิงไปแล้ว 21 หรือ 22 ลูก ส่วนผมทำได้ 20 หรือ 21 ประตูนี่แหละ ผลงานของเราต่างกันแค่ลูกเดียว"
"ตอนนั้น มิลลี่ (เจมส์ มิลเนอร์) อยู่ในสนามด้วย แต่ผมบอกประมาณว่า -โอเค ฉันจะเป็นคนยิงเอง- ผมขอเขาแบบดี ๆ"
"จริง ๆ มีนักเตะบางคนเดินเข้ามาเหมือนกัน แต่ผมบอกไปว่า -พวก ฉันอยากยิง ฉันจำเป็นต้องทำประตูให้ได้ เรานำตั้ง 2-0 อยู่แล้วนะ (เตะไปแล้ว 77 นาที)-"
สุดท้าย ซาลาห์ สังหารเข้าไป และเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะยิงจุดโทษ เขามักศึกษาผู้รักษาประตูคู่แข่งอยู่เสมอ
นอกจากนั้น ซาลาห์ ยังตามย้อนดูภาพช้าตอนที่ตัวเองยิงพลาดในจังหวะโอเพ่นเพลย์เพื่อดูว่าตรงไหนที่เขาสามารถทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เขามีแนวคิดแบบนั้นเมื่อพิจารณาถึงครั้งสมัยเป็นดาวรุ่งกับ อัล โมคาวลูน ทีมในกรุงไคโร เขาก็เคยถามคนอื่น ๆ อยู่เรื่อย ๆ ตอนขึ้นมาอยู่ทีมชุดใหญ่
ซาลาห์ พัฒนาเรื่องจบสกอร์ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ สมัยที่อยู่กับอะคาเดมี่ของ อัล โมคาวลูน ฮัมดี นูห์ โค้ชอะคาเดมี่เคยช่วยฝึก ซาลาห์ ยิงประตูแม้เพิ่งผ่านพิธีละหมาดตอนช่วงเช้าตรู่ก็ตาม
หลายปีที่ผ่านมา ซาลาห์ พัฒนาการเล่นทุก ๆ ด้าน อย่างที่ทุกคนเห็นกันมาตลอด
"เขามีเรื่องใหม่ ๆ ให้เราเห็นในทุกปี" คล็อปป์ ย้ำถึงเรื่องนี้
.
.
.
ย้อนไปตอนที่ ซาลาห์ คุยกับ ฮีแชม มาเก็ด และ ชิโก้ เมื่อราว 5 ปีก่อน
คำถามแรกที่ ซาลาห์ ตอบคือ -เขาจะทำอะไรหากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่บนรถสาธารณะที่กำลังตรงไปยัง อัล โมคาวลูน เพราะทีมมีเกมรออยู่ ?-
"ผมก็จะทำในสิ่งที่ตัวเองเคยทำอีกครั้งไง"
เรียบเรียงจาก The Athletic
HOSSALONSO