ไม่น่าเชื่อว่า ได้เข้าไปเห็นฟอร์ม ลิเวอร์พูล ที่แย่ที่สุดนัดหนึ่งในซีซั่นนี้ ผ่านไปกว่า 70 นาทีแล้ว ก็ยังไม่สามารถหาจังหวะ “ยิงตรงกรอบ” ได้
สุดท้ายพอผ่านนาที 90 + ทดเจ็บอีกสิบห้า บ้าไปแล้ว ทีมเจอร์เก้น คล็อปป์ มี Shots on target 2 ครั้ง เป็นสองประตูที่ทำให้พวกเค้า ได้ทั้งชัยชนะ (เฉย) และขึ้นไปเป็น “จ่าฝูง” ของพรีเมียร์ลีก
ไปครับ จับประเด็นในมุมของใครคนนี้ เอิ่ม … ขออนุญาตใช้ ชื่อหน้ามั่นไส้ว่า “โจ้ จ่าฝูง” แทนก็แล้วกันฮะ !
1.)VAR แล้วแต่โชคชะตา
ว่าจะเว้นๆ ไม่พูดถึงแต่จากเกมที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ก็อดไม่ได้ครับ
ผู้ตัดสิน แอนดี้ แมดลี่ย์ ไม่เห็นจำเป็นต้องวิ่งไปจอมอนิเตอร์ ในศูนย์ควบคุมวีเออาร์ ดูจังหวะก่อนหน้า รีเพลย์นิดเดียวก็ต้องบอกว่า วาตารุ เอ็นโด โดนฟาวล์, จะเล่นช้างกเงิ่นไปหน่อย แต่ก็บังบอลได้ คนทำหน้าที่ลูกตั้งเตะพาเลซ วิลล์ ฮิวจ์ส เข้าไปกระแทกด้านหลังครับ เบายังงัยก็เป็นฟาวล์, ที่น่าขันคือ พอคุณแมดลี่ย์ ต้องไปดูจอ เสียเวลาเป็น 4 นาที เพื่อตัดสินในสิ่งที่ โจ้ จ่าฝูง และเพื่อนนักข่าวมองจอครั้งแรก ก็ลงความเห็นกันได้แล้ว
พาเลซได้จุดโทษก็น่าขันอีก หะแรก ผมก็ไม่แน่ใจว่า ไอ้หนูวัย 20 ปี จาเรลล์ ควอนซาห์ หรือเปล่า แต่เห็นอาการผู้เล่นเจ้าบ้านในสนาม ก็เล่นต่อ ไม่ได้โวยอะไรมากนี่หน่า
ผ่านไปสักพัก เกมต้องหยุดเพื่อเช็ค และพาเลซ ได้จุดโทษ ในจังหวะที่ยากจะตัดสิน เคลียร์ penalty หรือเปล่า ?
อย่าหาว่า โจ้ จ่าฝูง ลำเอียงเลย (ถึงแม้บ่อยครั้งจะเป็นเช่นนั้น)
คือคุณลองมองภาพในวันเดียวกัน คู่เย็น แอสตัน วิลล่า - อาร์เซน่อล, กาเบรียล เชซุส ไม่ได้จุดโทษ เมื่อ ดั๊กลาส ลุยซ์ ก็แหย่ขาโดน และถ้าจับภาพช้า อาจจะชัดกว่า ควอนซ่าห์ ด้วยซ้ำ
แต่ โจ้ จ่าฝูง อยากให้ฟุตบอลเป็นเช่นนี้ครับ ไม่ใช่ทุกการสัมผัสในเขตโทษ ถ้าฝ่ายรับโดนตัวคู่แข่ง ต้องเช็ควีเออาร์ ต้องเป็นจุดโทษหมด —- คุณต้องดูต้องจังหวะ การตั้งใจเล่นบอลกันด้วย อันไหนในห้องควบคุมดูแล้วสัก 2 ครั้ง (พอ) ยังตัดสินเองไม่ได้ เห็นไม่ชัด ปล่อยผ่านตามผู้ตัดสินไปเหอะ
ทั้ง วีเออาร์ และผู้ตัดสิน นี่ แต่ละทีมต้องโดน ก็ลุ้นๆ กันไปแต่ละแม็ตช์แล้วกัน
อย่างกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โจ้ จ่าฝูง ก็มองว่า ดาร์วิน นูนเญซ พุ่งเข้าไปแย่งบอลด้านหลังแบบนั้น แม้จะได้บอลมาปั้นให้เพื่อนยิงได้ ตามกฎปัจจุบัน ก็ต้องฟาวล์ และใบเหลือง ฮะ, ซึ่งเกมกับเชฟฯยูฯ ดาร์วิน ก็มีได้ใบเหลืองไปก่อนหน้าแล้วนะ ดังนั้นก็ต้อง เหลือง-แดง พักแข้งในนัดนี้
2.)ซีซั่นนี้ ตัวสำรองเปลี่ยนชีวิตได้
พอนั่งฟัง เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ในห้องนักข่าวหลังเกม “วันนี้ไม่ใช่เกมที่ดีสำหรับเรา เป็น 76 นาที เล่นกันได้แย่นักเชียว”
โจ้ จ่าฝูง ก็เลยมาเพ่งเหตุการณ์ช่วงสำคัญช่วงนั้น และปลายเกมฮะ
หลังจากพักครึ่งส่ง โจ โกเมซ มาเป็นแบ๊คขวา แล้วตามด้วย โคดี้ กัคโป กับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ในช่วงพาเลซได้ยิงจุดโทษขึ้นนำ พยายามจะลองแท็คติกใหม่ เชปใหม่ ก็ไม่เห็นว่าอะไรจะดีขึ้น
ลิเวอร์พูล ในความคิดของคล็อปป์ ค่อยมาดีในช่วงนาที 76-105 , เรื่องทดเวลาบาดเจ็บนานเป็น 15 นาทีนี่ ก็แล้วแต่ดวงอีกเหมือนกัน หามาตรฐานลำบาก แต่วันนี้ หลังเกมรถไฟไม่มีวิ่งสัก 2 ชั่วโมง จะทดไปเป็นชั่วโมง ก็ยังได้ แหม แหม ..
นาที 74 เจอร์เก้น คล็อปป์ ทิ้งไพ่สุดท้าย ส่ง เคอร์ติส โจนส์ กับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต ลงไป ถึงตอนนั้นต่อให้ โซโบ กับ ดาร์วิน ต่างเล่นแย่, หากพอเปลี่ยนแบบนี้ เอาตามตรงก็ยากจะมั่นใจว่า 2 คนนี้ จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
เพียงนาทีถัดมา จอร์แดน อายิว โดนไล่ออกแบบน้ำหนักอ่อนๆ ได้ใบเหลืองแรกเพราะไปขวางการเตะฟรีคิก เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แล้วก็มาเข้า ฮาร์วี่ย์ จังหวะนี้ ซึ่งก็เข้าใจหล่ะครับ ถ้าปู่รอย จะฉุนเฉียวหนัก ฟุตบอลทุกวันนี้ แตกต่างจากหลายสิบปีที่ปู่เขาคุมทีมจริงๆ
ฟาวล์มั้ย ? เอาตรงๆ โจ้ จ่าฝูง มองลงไปนี่ คิดว่าเป็นการจงใจฟาวล์ตัดเกม หากมามองภาพช้า เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ฟาวล์หรือเปล่าวะ หรือถ้าฟาวล์ก็ฟาวล์อ่อน ผู้ตัดสินควรเตือนว่า “อีกครั้ง ไม่ได้แล้วนะ” อันนั้นก็จะเมคเซนส์กว่า เพราะเหตุการณ์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นหน้าประตู หรือกลางแดนพาเลซ
95 วินาที หลังจากใบแดง ตัวสำรองอีกราย โคดี้ กัคโป โยนไปเสาไกล แล้ว โจนส์ แตะบอลตั้งให้ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ยิงไปชน เนธาเนี่ยล ไคลน์ เปลี่ยนทางตุงตาข่าย, ประตูที่ 200 จากทุกรายการที่ โม ยิงให้หงส์แดง
จากนั้นนาทีแรกของช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ไอ้หนู ฮาร์วี่ย์ (เพิ่งจะ 20 เท่านั้น) ตะบันอีกซ้าย ลูกพุ่งวาบเสียบเสาแรกสวยสด ทำให้หงส์แดง ได้สามแต้มในวันที่เล่นกันไม่เอาอ่าว หรืออยากจะสบถอย่างไรก็แล้วแต่ (เคยเขียนถึงเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ลิเวอร์พูลชนะยังงัย ก็ไม่เคยพอใจแฟน)
3.)แล้วเดือนหน้า ไม่มี โม - 200 , หงส์จะกระทบหนักมั้ย ?
ในวันที่การสร้างเกมเข้าคุกคามคู่แข่งดูน่ากดดัน จะล้าหน้าอะไรกันนักเนี่ย มีอยู่ครั้งในครึ่งแรก อลีสซน เบ๊คเกอร์ ที่ฟิตกลับมาเล่น เร็วกว่าที่คาด 1 สัปดาห์ และแสดงฝีมือ เซฟสำคัญจาก เจ๊ฟเฟอร์สัน เลอร์ม่า ในครึ่งแรก และท้ายเกมเซฟจากเซ็นเตอร์แบ๊ค โยอัคคิม แอนเดอร์สัน … เปิดเร็วให้ ดาร์วิน นูนเญซ ที่วิ่งฉีกออกไปรับบอลทางขวา
เล่นกันไม่ดี ก็ต้องอาศัยจังหวะฉกฉวยบ้าง หาก ดาร์วิน โดนยกธงล้ำหน้า บ๊ะ แบบนี้กองเชียร์ก็สมควรหงุดหงิดหล่ะครับ
หากคุณภาพ โม ซาล่าห์ ยังมีอยู่ เป็นคนตีเสมอ ยิงประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ พร้อมกับมีแอสซิสต์เพิ่มเป็น 7 ประตู ขึ้นไปนำร่วมกับ เปโดร เนโต้ (วูล์ฟส์) และ คีแรน ทริปเปียร์ (นิวคาสเซิ่ล)
ทั้งยิง ทั้งจ่ายแบบนี้ พอคิดถึงว่า บังโม จะเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลคนเดียว ที่ต้องไปร่วมศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2023 , แต่เลื่อนมาแข่งระหว่าง 13 ม.ค. -14 ก.พ. ปีหน้า โจ้ จ่าฝูง ก็มีหวั่นๆ ล่วงหน้าเหมือนกันฮะ
แม็ตช์ในแอนฟิลด์ ไม่ค่อยห่วงหรอก ห่วงก็เกม Away แบบนี้แหล่ะ ต้องไปเยือน บอร์นมัธ (อาทิตย์ 21 มกราคม) ที่เพิ่งไปถล่มทีมอะไรนะ ที่เพิ่งคว้า 3 รางวัล ซะ 3-0 , จริงลูกที่สี่ก็น่าได้นะ กฎใหม่บ้าจริงเชียว โดนมือแบบไม่ได้ตั้งใจก็ไม่ได้
แล้วก็ตามด้วย หนึ่งในเกมสำคัญของทีมลุ้นแชมป์ ไปเยือน อาร์เซน่อล สุดสัปดาห์แรกเดือนแห่งความรัก เดี๋ยววันเวลาเตะแน่ ทีวีเค้าจะเลือกคู่ถ่ายทอดแล้วยืนยันอีกที
*************
หากถึงตอนนี้ พอมอง นิวคาสเซิ่ล มองสเปอร์ส ที่ผู้เล่นชุดใหญ่เจ็บเพียบ มอง แมนฯ ซิตี้ ที่ไร้ เควิน เดอ บรอยน์ ยาว ถ้าโม ต้องไปทำหน้าที่เพื่อชาติ อาจจะเป็นเดือน หรือน้อยกว่า ถ้าคุณจะลุ้นแชมป์ ก็ต้องมีตัวอื่นคอยยิง , แอสซิสต์ ทดแทนได้
และบางที มันก็มีสถิติให้อุ่นใจอยู่บ้าง ..
ผ่านไป 16 นัด ขึ้นไปยืนเป็น “จ่าฝูง” อยู่ด้วยคะแนน 37 แต้ม นี่ เกือบครึ่ง (18 แต้ม) พลิกจากตำแหน่งผู้แพ้ กลับมาชนะได้นะครับ สถิติแบบนี้ ไบรท์ตัน พลิกได้ 12 แต้ม, เวสต์แฮม 10 และ ท็อตแน่ม 9 คะแนน
สุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูลในช่วงนี้ไม่ได้เล่นดีทุกเกม เล่นในบ้านกับฟูแล่ม ก็โดนยิงถึง 3 เม็ด หากพอเห็นโปรแกรมเตะถี่แล้ว โจ้ จ่าฝูง ก็ว่า อย่าไปวิจารณ์เยอะเลย
ขนาดช่วงซัมเมอร์ กลับมาพักที่ไทย คุณเฉียบ - พี่โอฬาร เชื้อบาง ชวนไปเตะทีมสตาร์ ซอคเก้อร์ 2 นัด ในสามวัน ปกติลงไป “ใช้เสียง มากกว่าวิ่ง” และเดินอยู่ในสนามสัก 15-20 นาที สามารถเปลี่ยนตัวเองออกได้
แม็ตช์ 2 ในสามวันนั้น ลงไปยืนแปล๊บเดียว ได้บอลไม่ถึงสามครั้งมั้ง … ตะคริวขึ้นเฉย แฮ่!
โจ้ จ่าฝูง