แมนฯ ยูไนเต็ด กลับคืนสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกหนจนได้ และเป็นการเก็บสามแต้มด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจไม่ใช่กระท่อนกระแท่นเหมือนหลายๆเกมที่ผ่านมาเมื่อพวกเขาเปิดสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ เชลซี ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันพุธที่ 6 ธ.ค. พร้อมทั้งจัดการเผด็จศึก สิงห์บลูส์ ลงได้ด้วยสกอร์ 2-1 จากการเหมาซัดสองประตูของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งทำให้ ผีแดง เรียกศรัทธากลับคืนมาจากสาวกได้สำเร็จแม้ว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะสร้างความหวาดเสียวให้เล็กๆเนื่องจากสังหารลูกโทษในช่วงต้นเกมได้อย่างเลวร้าย
1. ผีดร็อป แรชฟอร์ด ตามคาด
แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับโผตามความคาดหมายด้วยการดร็อป มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ยังเล่นได้อย่างน่าผิดหวังลงไปเป็นตัวสำรองเช่นเดียวกับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
นอกจากนี้ อีกสองรายที่หลุดโผตัวจริงจากเกมออกไปแพ้ นิวคาสเซิ่ล 1-0 ได้แก่ อารอน วาน บิสซาก้า และ ค็อบบี้ ไมนู โดย เอริค เทน ฮาก เลือกส่ง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ , โซฟียาน อัมราบัต , ราสมุส ฮอยลุนด์ และ อันโตนี่ ออกสตาร์ต
ด้าน ราฟาแอล วาราน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเฟรนช์แมนไม่มีชื่อติดโผเกมนี้เนื่องจากเจ็บหลัง แต่กุนซือดัตช์ได้ จอนนี่ อีแวนส์ ที่หายเจ็บแล้วนั่งอยู่ข้างสนาม
2. สิงห์ไร้ กัลลาเกอร์ ติดโทษแบน
เชลซี บุกมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยปราศจาก คอเนอร์ กัลลาเกอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติ อังกฤษ ที่ติดโทษแบนหลังโดนไล่ออกจากเกมเฝ้าบ้านคว่ำ ไบรท์ตัน 3-2
รวมแล้ว เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ปรับทัพสองตำแหน่งให้ โคล พาลเมอร์ เสียบแทน กัลลาเกอร์ ขณะที่ มาร์ค กูกูเรย่า เขี่ย เบอนัวต์ บาเดียชิล ลงไปนั่งข้างสนาม
สำหรับ รีซ เจมส์ ฟูลแบ็คทีมชาติ อังกฤษ แม้จะพ้นโทษแบนลงบู๊ได้ แต่ พอช ยืนยันว่าต้องการให้ทีมมีความต่อเนื่องจึงใส่ชื่อเขาเป็นตัวสำรอง
3. แฟร์นันด์ส ทำแฟนผีผวา
ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมได้อย่างดุดัน และน่าจะออกนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 8 จากจังหวะที่ อันโตนี่ โดน เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ทำฟาวล์ แต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สังหารได้อย่างย่ำแย่ และถูก โรเบิร์ต ซานเชซ ปัดป้องได้ไม่ยาก ดีที่ว่าเจ้าบ้านมาได้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ซัดให้ทีมออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 19
หากจะนับตั้งแต่ประเดิมสนามในเกม พรีเมียร์ลีก เดือนก.พ.2020 กองกลางโปรตุกีสได้สังหารลูกโทษมากที่สุดรวม 20 ครั้ง แต่หลังจากถูกมือกาวทีมชาติสเปนเซฟได้ แฟร์นันด์ส จึงตะบันพลาดเป็นครั้งที่สี่โดยมี อเล็กซานเดอร์ มิโตรวิช รายเดียวที่ยิงพลาดมากกว่าเขา (5ครั้ง)
อย่างไรก็ดี แม้จะเล่นได้ดีกว่าหลายๆเกมในซีซั่นนี้ ผีแดง ก็ไม่วายเสียท่าให้ โคล พาลเมอร์ ยิงตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 45 จนได้โดยเขาได้ชื่อว่าเป็นดาวเตะทีม สิงห์บลูส์ อายุน้อยที่สุดที่กระทุ้งประตูเกมลีกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ในวัย 21 ปี 214 วัน เป็นรองแค่ ไมเคิ่ล ดูเบอร์รีย์ รายเดียวในปี 1996 (21 ปี 19 วัน)
หลังบู๊กันครบ 45 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ยังครองบอลได้แย่เนื่องจากเป็นรอง เชลซี ในสัดส่วน 52:48% แต่เรื่องที่น่าประทับใจคือ ผีแดง ได้ส่องยิงมากถึง 18 ครั้ง และเข้ากรอบ 7 ครั้ง ขณะที่ สิงห์บลูส์ ได้ลุ้น 5 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้ง
จากโอกาสได้ส่องยิง 18 ครั้งของ ผีแดง ถือเป็นค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดของสโมสรในเกมลีกซีซั่นนี้ด้วย แต่ไม่ดีพอที่จะทำให้พวกเขารักษาสกอร์นำเอาไว้ได้
ในทางกลับกัน เชลซี โดนส่องยิงในเกมลีกครึ่งแรกมากที่สุดด้วย 18 ครั้งนับตั้งแต่ซีซั่น 2003/04 เป็นต้นมา
พร้อมกันนี้ ผีแดง มีสถิติที่ยอดเยี่ยมชนะเกมลีกในบ้านตลอด 19 นัดหลังหากเป็นฝ่ายได้ประตูนำหน้าก่อน และมันเกิดขึ้นในยุคของ เทน ฮาก มากถึง 15 นัด
4. แม็คโทมิเนย์ น่าแฮททริค
แม้จะประสบกับปัญหากองหน้านัดกันฟอร์มทื่อ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ แม็คโทมิเนย์ กระทุ้งประตูที่สองในนาทีที่ 69 พาทีมเจ้าบ้านขยับนำอีกหน 2-1 และสุดท้ายมันเป็นประตูชัยพาทีมคว้าสามแต้มได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี จากโอกาสที่มีหลายต่อหลายครั้งในเกมนี้ อันที่จริงกองกลางทีมชาติ สกอตแลนด์ น่าจะทำแฮททริคได้ด้วยซ้ำเนื่องจากเขามีโอกาสพังประตูมากกว่าใครเพื่อนรวมทั้งสิ้นเจ็ดครั้งซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดของเขาในเกม พรีเมียร์ลีก และได้มาสองประตู รวมแล้วเป็นการยิงได้ห้าประตูจากเกมลีกแปดนัดหลังของเขา
ครบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถครองบอลเหนือกว่า เชลซี ได้จากสัดส่วน 44:56% แต่มันเป็นเกมที่พวกเขาหาโอกาสคลำเป้าได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ 28:13 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่าทีมเยือน 9:3 ครั้ง
5. สิงห์บลูส์ ขยาดโรงละคร
หลังบุกมาแพ้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เท่ากับว่า เชลซี ไม่ถูกชะตากับการบุกมาเยือน ผีแดง ในเกมลีกอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากพวกเขายืดสถิติที่ไม่น่าจดจำโดยไม่เคยได้เฮที่ เธียเตอร์ ออฟ ดรีม เลยนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2013 ซึ่ง ฆวน มาต้า ตะบันให้ทีมเมืองกรุงซิวชัย 1-0 โดยเกมที่ว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังเป็นนายใหญ่ ผีแดง อยู่เลย
รวมแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ เชลซี ในเกมลีกติดต่อกัน 12 นัดแล้วนับตั้งแต่พวกเขาบุกไปแพ้ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-0 เมื่อเดือนพ.ย.2017 จากสถิติชนะ 5 เสมอ 7
จากความปราชัยในเกมล่าสุด ทำให้ เชลซี เพิ่มสถิติแพ้เกมลีกนับตั้งแต่ปี 2023 เป็น 17 จาก 38 นัด ขณะที่สถิติที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาใน พรีเมียร์ลีก คือปี 1993 ที่แพ้เกมลีกมากถึง 20 นัด