ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีอัตราความ "ไดฮาร์ด" สูงส่งจริงๆ นะครับ ตอนเหลือเวลาไม่ถึง 5 นาที พวกพรี่ๆ เขายังตามหลัง ฟูแล่ม 3-2 อยู่เลย
ฉับพลัน !!!...สกอร์พลิกกลับมานำเป็น 4-3 ซะอย่างนั้น และต่อไปคือความเห็นของผม
1. 3 ประตูแรกจาก 4 ประตูของหงส์แดง คือการยิงที่สวยสดงดงามระดับต้นหญ้าทุกต้นที่ แอนฟิลด์ ยังต้องโค้งคำนับให้อย่างนอบน้อม
ส่วนประตูชัยก็จัดเป็นการยิงที่กระชากอารมณ์และความรู้สึกสุดๆ
ชนะบนความดราม่าแบบนี้ แม้จะบวกแค่ 1 ประตู แต่มันมีคุณค่า และเป็นที่โจษจันมากกว่าชนะด้วยสกอร์ 3-0 อีกนะครับ ขอโทษ !!!
2.ลิเวอร์พูล เสียง่ายๆ ทั้ง 3 ประตูเลยนะครับ แถมยังเสียดื้อๆ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยไม่จำเป็นต้องถูกคู่แข่งกดดัน อันสะท้อนว่าเกมรับของพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย และพร้อมที่จะผิดพลาดเช่นกัน
ผู้รักษาประตูมือ 2 อย่าง ควิวีน เคลเลเฮอร์ ก็ดูเหวอๆ ชอบกล หากเป็น อลิสซง เบ็คเกอร์ เฝ้าเสาคงไม่โดนไปถึง 3 ดอกแน่ๆ
แม้เกมรับจะดูมีปัญหา แต่ ลิเวอร์พูล 2.0 ชุดนี้ถือคติเสียเท่าไหร่ก็ต้องยิงให้ได้มากกว่า ซึ่งมันคือ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคเรืองอำนาจชัดๆ
คิดแล้วก็...นะ !!!
3.อยากบอกว่าประตูนำ 3-2 ของ ฟูแล่ม นั่นแหละที่ทำให้พวกเขาหลงระเริงจนย่ามใจมากเกินไป
ถ้าไม่ทะลึ่งขึ้นนำพลางยื้อสกอร์ 2-2 ไปเรื่อยๆ
บางที ลิเวอร์พูล อาจไม่ชนะ...ก็...เป็น..ได้ !!!
4.เชื่อไหมครับ ???
เมื่อคืน ผมดูเกมนี้อยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็น "เด็กหงส์"
ตอนที่ผู้มาเยือนขึ้นนำ 3-2
สาบาน...ผมไม่ได้ขัดคีย์บอร์ดรอล้อเลียน แต่ผมบอกกับคุณพรี่เขาที่กำลังทำหน้าเหมือนอมชักโครกว่า...
"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ลิเวอร์พูล ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้...เดี๋ยวคอยดู กู เอ๊ย ผมเห็นมาเยอะแล้ว เดี๋ยวหงส์จะกลับมา" 5555555555
5.ตอน เจอร์เก้น คล็อปป์ ส่ง วาตารุ เอ็นโด ลงมาในช่วงท้ายเกม
ผมพูดกับตัวเองในใจว่า "สถานการณ์แบบนี้จะส่งมิดฟิลด์ตัวรับลงมาทำแมวน้ำอะไรวะ ???"
ไม่กี่นาทีต่อมา
นักเตะชาวอาทิตย์อุทัยผู้นี้ก็ตะบันเต็มตีนเตี่ยตุงตาข่ายซะอย่างนั้น
บัดดลเดียวกันจิ้งจกตัวหนึ่งที่เกาะบนข้างฝาก็อุทานออกมาเป็นภาษาเจแปนนิส
เจสสสสสส...เข้ !!!
บอ.บู๋