การประเมินถึงเรื่องที่ว่าอะไรคือสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ทำพลาดในเกมเยือน ลูตัน ทาวน์
"เราต้องจบสกอร์ในตอนที่มีโอกาสให้ได้" เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ พูดแบบนั้นหลังจบเกม
อย่างไรก็ตาม มุมมองของคนเป็นผู้จัดการทีม มันต่างออกไปเล็กน้อย
"แม้ว่าเราควรจบสกอร์ได้ดีกว่านี้ แต่ปัญหาของเราไม่ได้อยู่ที่เรื่องนั้น"
"เราควรสร้างโอกาสได้มากกว่านี้ แล้วจากนั้นขอให้เข้าสักลูกสองลูก"
เจอร์เก้น คล็อปป์ รู้สึกว่าเคาน์เตอร์-เพรสซิ่งของลูกทีมมันขาดหาย
ท้ายที่สุดแล้วนั่นทำให้ทีมของเขาต้องทำเรื่องต่าง ๆ เยอะเกินไปในการเจอกับคู่แข่งที่ทั้งมีความฮึกเหิมในการเล่นสูง รวมถึงมีเสียงเชียร์จากแฟนบอลหนุนหลังอีก
คำถามคือ คำตอบของใครที่ตรงกว่ากัน? ของ ฟาน ไดค์ หรือ คล็อปป์
"หากเราทำประตูได้ก่อน เกมมันจะเปลี่ยนไป เรามีโอกาสหลายครั้ง พวกเขาต้องการแค่ครั้งเดียวเท่านั้น"
การวิเคราะห์ของ ฟาน ไดค์ ไม่ได้ผิดไปเสียทีเดียว
ลิเวอร์พูล มีโอกาสสี่ครั้งตอนต้นเกมจาก ดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งในนาทีที่ 13 มันจะแจ้งสุด ๆ ที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จ่ายมาให้แต่เขาซัดไปชนคาน
7 นาทีต่อมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ยิงในกรอบเขตโทษ และนาที 33 ดีโอโก้ โชต้า ส่งบอลไม่ผ่านมือ โธมัส คามินสกี้
ครึ่งหลัง โคดี้ กัคโป ตัวสำรองจะตวัดหลังเท้าแต่พลาดพลิกเหลี่ยมไปเยอะ
จากนั้น ซาลาห์ โขกตั้งให้ นูนเญซ หมูหกระยะ 2 หลาแบบยากจะเชื่อสายตา
และอีกครั้งที่ ดาวยิงอุรุกวัย หาจังหวะจบแต่ติดเซฟ คามินสกี้
นั่นคือ 6 โอกาสทองทั้งหมดตามที่ Opta บอกไว้ ก่อนที่ หลุยส์ ดิอาซ จะโหม่งตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ก็ต้องบอกว่า ฟาน ไดค์ เข้าใจบางประเด็นได้ตรง
แต่จากที่ คล็อปป์ บอกว่า "ปัญหาของเราไม่ใช่จบสกอร์ เราควรสร้างโอกาสได้มากกว่านี้"
ซึ่งเขาชื่นชมแผนการเล่นของ ลูตัน แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกันที่ ลิเวอร์พูล เจอปัญหาเข้าทำ
โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า "ทั้งทีมไม่ได้อยู่ในโหมดพยายามทำประตู"
เกมนี้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิง 24 ครั้ง เป็นตัวเลขมากสุดกับการเล่นเป็นทีมเยือนในฤดูกาลนี้
และมีแค่สองเกมเท่านั้นที่สร้างโอกาสยิงได้มากกว่านัดเจอ ลูตัน นั่นคือเกมที่ชนะ บอร์นมัธ (26) กับ เอฟเวอร์ตัน (26) ที่เล่นใน แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล ยังยิงเข้ากรอบ 6 ครั้งเป็นตัวเลขมากสุดยามเล่นเกมเยือนเท่ากับวันที่ออกไปชนะ วูล์ฟส์ 3-1 ที่ โมลินิวซ์
อีกทั้งยังพลาดโอกาสทองมากกว่านัดไหน ๆ ในฤดูกาลนี้
สิ่งที่พวกเขาทำได้ไม่ดีพอคือตอนที่มีโอกาสขึ้นนำไปก่อน
เพราะจากการยิง 5 ครั้งนั้น ไม่มีหนไหนเลยที่เป็นการยิงตรงกรอบ และการทำได้เพียงลูกเดียวจากค่าเฉลี่ยประตูที่น่าจะเป็นถึง 2.85 ลูก
มันอธิบายให้เห็นว่าอะไรที่มันผิดพลาด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาขาดความสร้างสรรค์ในการเล่น
"สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือครึ่งแรก เราเล่นเคาน์เตอร์ เพรสซิ่ง เท่ากับศูนย์ ผมไม่ชอบเป็นการส่วนตัว"
คล็อปป์ บอกแบบนั้นเพราะเขารู้จักทีมของตัวเองมากกว่าใคร ๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาเห็นจากช่วง 45 นาทีแรก และบางจังหวะในช่วงครึ่งหลังที่น่าผิดหวัง
ลิเวอร์พูล เสียการครองบอลถึง 158 ครั้ง ถือว่ามากกว่าทุกนัดที่พวกเขาลงเล่นในฤดูกาลนี้
เมื่อพวกเขาเสียบอล ดูใช้เวลานานกว่าเดิมกว่าที่จะแย่งกลับมาได้
ซึ่งมันก็ตรงกับที่เขาวิเคราะห์ และนั่นทำให้ ลูตัน มีความมั่นใจในการเล่น
ลิเวอร์พูล บีบให้คู่แข่งเสียบอลตั้งแต่ในแดนรับ หรือการเล่นในจังหวะโอเพ่นเพลย์ที่นับจากหน้าปากประตูของคู่แข่งเป็นระยะทาง 40 หลาหรือน้อยกว่านั้น ได้แค่ 8 ครั้งเท่านั้น
ทำให้นี่เป็นเกมที่พวกเขาทำตัวเลขด้านนี้ได้น้อยที่สุดเท่ากับวันที่เจอ สเปอร์ส
แต่ที่ต่างกันคือตอนนั้น ลิเวอร์พูล เหลือผู้เล่นน้อยกว่า 2 ราย ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่พวกเขาจะดันแนวรับขึ้นสูงใส่ "ไก่เดือยทอง"
แล้วทำไมการเพรสซิ่งใส่ ลูตัน ถึงทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ?
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่โดนใบเหลืองครบ 5 ใบจนติดโทษแบนเกมหน้า ดูจะเล่นไม่เข้ารอย
เขากะจังหวะจ่ายบอลพลาด 2-3 ครั้ง และจบเกมด้วยการผ่านบอลแม่นยำ 85 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในซีซั่นนี้
ขณะที่ คู่หูแดนกลางอย่าง โดมินิค โซโบซไล ที่โดนเปลี่ยนตัวออกเป็นครั้งแรกบนเวที พรีเมียร์ลีก ก็ทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานเช่นกัน
ดาวเตะฮังการีผ่านบอลสำเร็จแค่ 83 เปอร์เซ็นต์ และมีโอกาสไม่มากในการเล่นพื้นที่แดนสาม
เมื่อเป็นเช่นนั้น หมายความว่า ลูตัน สามารถเล่นตามแนวทางของตัวเองได้ตั้งแต่ในแดนหลังด้วยการใช้ความเร็วและมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
แม้ว่าลูกทีมของ คล็อปป์ จะทำได้ดีขึ้นหลังจากพักครึ่งไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็รู้สึกว่า ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องทำให้ดีกว่านี้เพื่อที่จะเป็นฝ่ายชนะ
"ผมบอกกับลูกทีมไปว่า -นี่มันไม่โอเคเลย-" คล็อปป์ เผย
แน่นอน มันไม่ได้เสียหายเท่าไหร่ที่ ลิเวอร์พูล ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงเพียง 3 แต้มหลังจากสะดุดในนัดล่าสุด
อย่างไรก็ตาม เท่ากับว่าตอนนี้ ลิเวอร์พูล ไม่ชนะเกมเยือน 3 นัดติดต่อกันแล้ว
มันจำเป็นต้องมีการแก้ไขในเรื่องนี้หากทีมของ คล็อปป์ อยากจะเดินหน้าไล่ล่าแชมป์ต่อไปในฤดูกาลนี้
แต่อย่างที่เคยบอกไว้ล่ะครับ เป้าหมายตั้งแต่ต้นคือ พื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนการลุ้นโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก คือโบนัสล้วน ๆ สำหรับ ลิเวอร์พูล 2.0 ปีแรก
HOSSALONSO