สาวก เดอะ ค็อป เกือบช็อกกันโดยถ้วนหน้าเมื่อยอดทีมอย่าง ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายบุกไปไล่ตีเสมอทีมรองบ่อนอย่าง ลูตัน ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เคนิลเวิร์ธ โร้ด ด้วยสกอร์ 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ย.โดย ทาฮิธ ชอง ตัวสำรองของเจ้าบ้านทำแสบเช็กบิลได้ก่อนในนาทีที่ 80 แต่ หงส์แดง มาได้ตัวสำรองเช่นกันอย่าง หลุยส์ ดิอาซ โขกตีเสมอในนาทีที่ 95 พาทีมรอดพ้นจากการขายหน้าได้แบบเหลือเชื่อในวันที่ปีกทีมชาติ โคลอมเบีย มีสภาพจิตใจไม่สู้ดีเนื่องจากคุณพ่อของเขายังไม่ได้รับการปล่อยตัวอย่างที่กลุ่มก่อการร้ายให้สัญญา
1. ลูตัน ส่งจอมเก๋าประเดิมสนาม
ลูตัน ตัดสินใจใช้งาน แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ที่เซ็นสัญญาระยะสั้นกับสโมสรประเดิมสนามเป็นตัวจริงเกมลีกนัดแรกเจองานช้างรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล
นอกจาก ทาวน์เซนด์ ที่ได้ลงเล่นก่อนหน้า เจค็อบ บราวน์ ที่หล่นไปนั่งเป็นตัวสำรองแล้ว เจ้าบ้านใช้ทีมชุดเดิมที่บุกไปแพ้ แอสตัน วิลล่า 3-1 ลงเล่นเป็นตัวจริงครบครัน
2. หงส์จับ โกเมซ ยืนแบ็คซ้าย , ดิอาซ นั่งสำรอง
ลิเวอร์พูล วางหมากให้ โจ โกเมซ ทำหน้าที่แบ็คซ้ายซึ่งเป็นนัดแรกของเขาที่ลงเล่นตำแหน่งนี้นับตั้งแต่เกมบุกชนะ เบิร์นลีย์ ในเดือนม.ค.2018 แม้ทีมเยือนจะมี คอสตาส ซิมิคาส อยู่ในโผโดยสตาร์ทีมชาติ กรีซ ถูกจับนั่งข้างสนาม นอกนั้นล้วนเป็นโผที่ดีที่สุดของทีม
นอกจากนี้ หลุยส์ ดิอาซ มีชื่อติดทีมมาด้วยโดยเป็นตัวสำรองแม้คุณพ่อของเขาที่ถูกลักพาตัวจะยังไม่ถูกกลุ่มก่อการร้ายปล่อยเป็นอิสระอย่างที่ให้สัญญากับรัฐบาลโคลอมเบียก็ตาม
รวมแล้ว หงส์แดง ปรับทัพหนึ่งตำแหน่งเช่นกันจากนัดเปิดบ้านทุบ ฟอเรสต์ 3-0 โดย โกเมซ ได้ลงเล่นแทน ซิมิคาส ขณะที่ เคอร์ติส โจนส์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากเจ็บระหว่างซ้อมเมื่อวันศุกร์
3. นูนเญซ คืนฟอร์มทื่อ
หลายเกมหลัง ดาร์วิน นูนเญซ เริ่มได้รับการยกย่องถึงผลงานของเขากับ ลิเวอร์พูล ซึ่งมีสัญญาณที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
อย่างไรก็ดี เกมในช่วง 45 นาทีแรกที่ เคนิลเวิร์ธ โร้ด น่าจะมีดาวยิงทีมชาติ อุรุกวัย รายเดียวที่เป็นไฮไลต์เนื่องจากเขามีโอกาสสับไกมากที่สุด แต่ไม่วายใช้โอกาสเปลืองอีกตามเคย
นอกจากจะยิงบอลชนกรอบประตูสองหนซึ่งมากกว่านักเตะทุกรายใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้รวมสี่ครั้งแล้ว นูนเญซ ยังได้ส่องยิงรวมทั้งสิ้น 6 ครั้งซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของเขาในหนึ่งเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ด้วย แต่ไม่อาจฉีกตาข่ายฝ่ายตรงข้ามได้
สำหรับ ลูตัน พวกเขามีผลงานเลวร้ายเช่นกันเนื่องจากเป็นเกมที่ 10 จาก 11 นัดหลังจบครึ่งแรกที่ เดอะ แฮ็ตเตอร์ส คลำเป้าไม่ได้ซึ่งแย่กว่าทุกสโมสรใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้
ครบ 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ได้ครองบอลมากกว่าในสัดส่วน 74:26% และได้ยิง 11 ครั้งเข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่เจ้าบ้านได้ยิง 4 ครั้งเข้ากรอบ 1 ครั้ง
4. ดิอาซ ปั๊มหัวใจหงส์
สุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูล เอาตัวรอดกลับเมอร์ซีย์ไซด์ไปได้อย่างหวุดหวิดในช่วงทดเวลาโดยมี ดิอาซ เป็นฮีโร่โขกตีเสมอแบ่งแต้มไปจากทีมน้องใหม่จนได้
แต่ก่อนจะโล่งอก เร้ด แมชีน เสียหายจากจังหวะโดนเจ้าบ้านโต้กลับ และเป็น ชอง ที่ปรี่เข้าฮอสพาทีมนำหน้า 1-0 ซึ่งหากเกมจบลงด้วยสกอร์นี้ก็เท่ากับว่าอดีตดาวเตะทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ยัดเยียดความปราชัยให้ทีมจากแอนฟิลด์ได้สำเร็จ
สำหรับผลงานของ ชอง นอกจากจะเป็นประตูแรกสุดของเขาในเกม พรีเมียร์ลีก แล้ว อิสซ่า กาบอเร่ ก็แอสซิสต์เป็นลูกแรกในเกม พรีเมียร์ลีก ของเขาเช่นกัน แต่มันไม่ดีพอที่จะทำให้ทีมได้รับชัยชนะโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องจักรสีแดง ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้วว่าพร้อมสอยตาข่ายทุกนาทีหากเสียงนกหวีดสุดท้ายยังไม่ดังขึ้น และ ดิอาซ แสดงให้ นูนเญซ ได้เห็นว่าการใช้โอกาสไม่เปลืองคือคุณสมบัติที่สำคัญของนักเตะตัวรุกแม้ดาวเตะละตินจะอยู่ในช่วงกินไม่ได้ นอนไม่หลับก็ตาม
พร้อมกันนี้ มีการยืนยันว่า หงส์แดง สามารถกระซวกประตูเจ้าบ้านจนได้จากโอกาสหนสุดท้ายของเกม (24 ครั้ง) ในนาทีที่ 94.40 ซึ่งเป็นประตูตีเสมอในเกม พรีเมียร์ลีก ของพวกเขาที่รอเวลานานที่สุดรองจากประตูของ ดิว็อค โอริกี้ ในเกมบู๊กับ เวสต์บรอมวิช เดือนธ.ค.2015 (95.24 นาที)
สรุปแล้ว แม้จะเป็นเกมที่เล่นได้ไม่น่าประทับใจ แต่ ลิเวอร์พูล สามารถเอาตัวรอดจากความปราชัยไปได้จากสถิติครองบอลมากกว่า 74:26% และได้ยิงมากถึง 24 ครั้งเข้ากรอบ 6 ครั้ง ขณะที่ ลูตัน ได้ยิงเพิ่มขึ้นเป็น 8 ครั้งเข้ากรอบมากถึง 5 ครั้งซึ่งเป็นผลงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของทีมเจ้าบ้าน
กระนั้นก็ดี นัดต่อไป เดอะ แฮ็ตเตอร์ส ต้องบุกไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันเสาร์หน้า และน่าสนใจว่าพวกเขาจะสร้างความหนักใจให้กับ ปีศาจแดง ได้เหมือนเกมต้อนรับ หงส์แดง หรือเปล่า?
5. น้องใหม่ของแสลงหงส์แดง
จนถึงวันนี้แล้ว ลิเวอร์พูล ยังมีประวัติไม่สู้ดีกับทีมน้องใหม่ไม่เลิก อีกทั้งพวกเขาไม่อาจบุกไปเก็บสามแต้มจาก ลูตัน ในเกมลีกได้เป็นนัดที่ห้าติดต่อกันแล้วนับตั้งแต่พวกเขาคว้าชัยได้ 1-0 ในเกมเมื่อวันที่ 24 ต.ค.1987 (ลูตัน ชนะ 2 เสมอ 3)
รวม 11 นัดหลังในทุกรายการ ลิเวอร์พูล บุกชนะ ลูตัน แค่สองครั้งเท่านั้น และเสมอห้า แพ้สี่
และที่สำคัญ หงส์แดง ไม่ถูกโฉลกกับทีมน้องใหม่เอาซะเลยโดยซีซั่นก่อนในเกมบุกไปเยือนสามเฟรชชี่ ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่อาจคว้าชัยได้เช่นกันจากผลลัพธ์ดังนี้
ฟูแล่ม 2- ลิเวอร์พูล 2
ฟอเรสต์ 1- ลิเวอร์พูล 0
บอร์นมัธ 1- ลิเวอร์พูล 0