ลิเวอร์พูล - ฟอเรสต์ เคยเป็นคู่ต่อกรแย่งแชมป์ลีกสูงสุดกันมาช่วงต้นยุค 80 รวมทั้งเจ้ายุโรปที่ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ของผ.จ.ก. ปากตะไกร ไบรอัน คลัฟ เขี่ย "แชมป์เก่า" ลิเวอร์พูลตกรอบยูโรเปี้ยน คัพ เดิม จนเป็นตำนานให้ลูกหลานโรบินฮู้ด ได้ภูมิใจ
ยุคพรีเมียร์ลีก ฟอเรสต์ ถดถอยลงเยอะ ถึงขั้นตกชั้นและหายไปนานกว่า 2 ทศวรรษ ก่อนกลับขึ้นมาในระดับที่เป็นทีมที่ลุ้นว่าอยู่รอดหรือไม่ เรียกว่าคนละเลเวลกับหงส์แดงไปแล้ว
เกมนี้ก็เช่นกัน...มาตรฐานฟุตบอลที่แตกต่าง แม้ใช้แทกติกช่วยแต่อย่างว่าแหละคุณภาพของนักเตะบางเกมก็ได้ แต่อีกหลายเกมนั้นไม่ได้
ย้อนไปเมื่อ 22 เม.ย. ท้ายซีซั่นที่แล้ว เล่นในแอนฟิลด์ ปรากฏว่าเป็นเกมที่สุดเครียดสำหรับเด็กหงส์ นำก่อน 1-0 โดยโชต้า โดนตีเสมอ 1-1 โดยเด็กเก่า เนโก้ วิลเลียมส์ นำอีกครั้ง 2-1 จาก โชต้า มอร์แกน กิ๊บ-ไวท์ ตีเสมอ ก่อนที่ โม ซาลาห์ จะยิงนำ 3-2 แต่เหลือ 20 นาทีที่แฟนหงส์หัวใจจะวายยยย
เข้าใจกันได้สำหรับทีมชุดโรยรา ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องถ่ายเลือดครั้งใหญ่ อะไรมันก็ไม่นิ่ง ไม่แน่นอน
มาถึงยุค เจเค 2.0 เวอร์ชั่นที่มีนักเตะเก่าโครงสร้างเดิมแค่กองหลัง ส่วนแดนกลาง, และแดนหน้าเปลี่ยนโฉมไปจากเดิม เหลือแค่ โม ซาลาห์ คนเดียว ขณะที่ โชต้า และ ดาร์วิน นูนเญซ มันคือช่วงปรับตัวกับทีมชุดนี้ เหมือนเมื่อครั้ง ซาลาห์ , ฟีร์มีโน และ มาเน ร่วมเล่นด้วยกัน
แน่นอน...ด้วยคุณภาพของนักเตะก็พอบอกได้ว่าโอกาสของลิเวอร์พูลในแอนฟิลด์ เกมนี้ น่าจะมีความยากน้อยกว่าเกมเมื่อเมษายนที่ผ่านมา
มันเป็นเช่นนั้น....จริงๆ
ก่อนแข่งมีข่าวไม่ดีมาตั้งแต่ช่วงเช้าวันอาทิตย์ เมื่อรายงานข่าวจากสื่อโคลอมเบีย และสื่อหลักทั่วโลกบอกว่า คุณพ่อและคุณแม่ของ หลุยส์ ดิอาซ โดนลักตัวไปเรียกค่าไถ่ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นในโคลอมเบียเป็นปกติ อยู่แล้ว
ช่วงสายๆ สื่อรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกับทหาร แล้วช่วยคุณแม่ อย่างปลอดภัย ส่วนคุณพ่อ รายงานบอกว่ายังค้นหากันอยู่
นั่นเองที่ทำให้ เจเค ต้องปรับทีมของเขา สโมสรแถลงการณ์ และทุกคนเป็นกำลังใจให้ หลุยส์ ดิอาซ อย่างเต็มที่
เจ้าป่าขาดอาวุธ
นี่ไม่ใช่คนป่าได้ปืน แต่เป็นเจ้าป่าไร้อาวุธมาสู้ ก่อนแข่ง สตีฟ คูเปอร์ อดีตโค้ชเยาวชนหงส์แดงชุด 18 ปี ที่ไปพาเยาวชนอังกฤษคว้าแชมป์โลก ไม่มีกองหน้าให้เลือก อโวนียี เด็กเก่าหงส์ สำรอง เพราะไม่ฟิต คริส วูด ที่พอฝากความหวังก็เดี้ยง ขณะที่ ดิวอค โอริกี เทพของเดอะ ค็อป เจ็บอีกคน นั่นทำให้ คูเปอร์ ต้องใช้ มอร์แกน กิ๊บ-ไวท์ เล่นหน้าปลอมๆ กับ เอลังก้า เด็กเก่าผีแดง ในระบบ 5-4-1 เน้นตั้งรับเต็มพิกัด
รอโอกาสจากการสวนกลับเผื่อใช้ความเร็วของ เอลังกา และ กิ๊บ-ไวท์
หงส์ "ฆ่า" ด้วยเกมสวนกลับ
กลายเป็นเด็กหงส์ยิงสองประตูใน 4 นาทีจากการโต้กลับ แทนที่จะเป็นฟอเรสต์ วางแทกติกมาแล้วทำแบบนั้น ด้วยเพราะ 30 นาทีแรก ฟอเรสต์ เหนียวแน่น รับลึกในแดน รับลึกตรงเส้น 18 หลา เปิดโอกาสให้เด็กหงส์เดินเข้ามาหา
พวกเขายืนกันแน่นแทบไม่มีช่องให้เจาะค่อนข้างยาก แถมความผิดพลาดส่วนตัวมีครั้งเดียวคือลื่นล้มให้ ดาร์วิน หลุดเข้าไปยิงติดเซฟ แมตต์ เทอร์เนอร์ เด็กเก่าปืนใหญ่ นอกนั้นยากมาก
สถิติบอกยิง 5 เข้ากรอบ 2 ครองบอล 80%
กระทั่งฟอเรสต์ เริ่มเดินเกมเข้ามาในแดนลิเวอร์พูลแล้วดันพลาดเสียบอล แม็คก้า แย่งได้ ให้ ซาลาห์ เข้าแดนฟอเรสต์ ก่อนถึงหน้าเขตโทษไหลให้ ดาร์วิน นูนเญซ แตะบอลแล้วยิง ติดมือ เทอร์เนอร์ เข้าทาง โชต้า ซ้ำง่ายๆ 1-0
ยิงเสร็จก็ไปข้างสนามเอาเสื้อ luis Diaz เบอร์7 โชว์เพื่อให้กำลังใจจากเหตุการณ์ ลักพาตัวพ่อแม่โดยโจรโคลอมเบีย
ยิงนาทีที่ 31 จากนั้น 4 นาทีต่อมา ฟอเรสต์ ได้โอกาสบุกถึงแดนสามลิเวอร์พูล แต่ เอลังก้า เสียบอล โดยตัดได้ โชต้า อยู่ริมเส้นด้านซ้าย จ่ายเข้ากลางให้ โซโบซไล ทิ่มต่อให้ ซาลาห์ หน้าเขตโทษ ก่อนตัวเองเคลื่อนที่ไปรับบอลในเขต แล้ว ตวัดสุดเส้นหลัง ที่นั่นมี ดาร์วิน นูนเญซ ชาร์ตเผาขนตุงตาข่ายเป็น 2-0
เป็นครึ่งแรกที่เล่นสบายๆ บุกทำไม่ได้ แต่พอโดนบุกสวนกลับแล้วลงโทษ ฟอเรสต์ทันที
จบครึ่งแรก หงส์ยิง 13 เข้ากรอบ 6 ครองบอล 75%
ฟอเรสต์ ยิงสองไม่เข้ากรอบ ครองบอล 25%
ครึ่งหลังเล่น 4-4-2 ไดมอนด์
ครึ่งหลัง ผ่านไป 15 นาที เจเค ปรับรูปแบบการเล่น ด้วยการเปลี่ยนตัว 2 คน
โคดี กัคโป แทน โชต้า และ เอลเลียตต์ แทน กราเฟนแบร์ก แล้วโยกเอา โซโบซไล มาเล่นกลางด้านซ้าย เอลเลียตต์ ขวา กัคโป คือหน้าต่ำ ให้ ซาลาห์ กับ ดาร์วิน นูนเญซ หน้าคู่ ไม่มีปีกซ้าย....ใช้ ซิมิกาส เติม
เกมครึ่งหลังดูฟอเรสต์ เริ่มเปิดมากขึ้น เพื่อลุ้นประตูตีไข่แตก กดดันหงส์แดง มีบ้างบางจังหวะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เกมยังคงเป็นของลิเวอร์พูลที่คุมจังหวะการเล่นได้เหนือกว่า
3-0 ก็จังหวะสวนกลับ
นัดก่อนจำกันได้ลูกทุ่มไกลของ มองกาลา ทำให้ลิเวอร์พูล เสียประตู เกมนี้ ลูกทุ่มไกลของตัวเองทำให้ลิเวอร์พูล ได้ประตู จังหวะบอลโดนสกัดลอยเข้าทาง โซโบซไล เก็บได้ก่อนตวัดด้วยซ้ายไปข้างหน้า
เจ้ากรรม...แมตต์ เทอร์เนอร์ กับ ทอฟโฟโล สื่อสารกันไม่ดี ปล่อยบอลตก เลยลอยไปเข้าทาง ซาลาห์ ....แต่งหนึ่งครั้งก่อนแปด้วยขวาโล่งๆ 3-0
โซโบซไล จัดไปสองแอสซิสต์ หล่อๆ
ส่วนลูกยิงของ กัคโป ตอนท้ายนั้น...ล้ำหน้า แต่ก็เป็นของแถมจากเกมที่เหมือนซ้อมเกมรุกในนัดนี้
เกมจบด้วยชัยชนะแบบไม่ยากลำบากอะไรมากมาย
ไม่ต้องพึ่งยาดม "หงส์ทอง" แต่ก็นั่นแหละทีมกำลังสร้าง ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถือว่าไปได้เร็วกกว่าที่คิด
สรุปหลังเกมหงส์ซ้อมเกมรุก
1 เกมนี้ได้ประตูจากการสวนกลับทั้งสามลูก...ด้วยเพราะ ฟอเรสต์ เปิดพื้นที่ให้หลังเดินเกมรุกขึ้นมา แล้วเสียบอล ทั้งสามลูก ซึ่งจังหวะโอเพ่น เพลย์ บุกเข้าหานั้นทำได้ยาก เพราะหลังยืนกันแน่น แทบไม่มีพื้นที่
2 ต้องปรับการเล่นหน้าไลน์ เมื่อเจอทีมเล่นรถบัส ตรงนี้ยังไม่ค่อยเนี้ยบเท่าไหร่
3 การเล่นหลายๆจังหวะยังไม่ละเอียด บางช่วงเวลาเหม่อ และเสียสมาธิง่ายๆ มีช่วงก่อนได้ประตูที่สาม นั้น ฟอเรสต์ ครองบอลมากขึ้น เล่นเอาเด็กหงส์ในสนามดูเงียบไปเหมือนกัน
4 โซโบซไล ดีวันดีคืน เล่นกลางด้านขวาและซ้ายได้สบายๆ เปิดทางเลือกให้ทีมมากขึ้นในตำแหน่งเบอร์ 8
5 การทดสอบ เอ็นโด ตำแหน่งเบอร์ 6 เริ่มแล้ว อย่างน้อย 10 นาที โดย ขยับ แม็คก้า ขึ้นเล่นเบอร์ 8 คู่กับ โซโบซไล โดยปีกขวาคือ เอลเลียตต์ , ซาลาห์ หน้าเป้า และ กัคโป ปีกซ้าย
ผลการทดสอบคือ "สอบตก" เพราะฟอเรสต์ บุกจนเกือบได้ประตูตีไข่แตก เกมเล่นไม่ถนัด ตัว เอ็นโด เองก็ยังไม่เนี้ยบ แต่นั่นแหละ 10 นาที ต้องเล่นบ่อยๆ เพราะการเปลี่ยนแผนระหว่างเกม แบบนี้....ไม่ง่าย ถ้าทำได้ดีคือโบนัส
กระนั้น 14 นาทีของมิดฟิลด์ชุดนี้ คงต้องให้เล่นบ่อยๆ ในอนาคตแน่นอน
ส่วนชัยชนะเกมนี้ก็ทดสอบอะไรได้หลายอย่าง ทั้งระบบ, ตัวผู้เล่นชุดสอง รวมทั้งการต้องแก้ปัญหาที่ ไม่เคยเจอมาก่อนของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั่นคือเหตุการณ์ที่น่าตกใจจากครอบครัวของ หลุยส์ ดิอาซ ที่คุณพ่อและคุณแม่ โดนลักพาตัว....จนต้องเปลี่ยนแผนกันก่อนเกมไม่กี่ชั่วโมง
ชัยชนะนัดนี้และแฟนบอลทุกคนต่างเป็นกำลังใจให้ หลุยส์ ดิอาซ ผ่านช่วงเวลาอันน่าตกใจนี้ไปและขอให้คุณพ่อปลอดภัยอีกด้วย
JACKIE