เป็นเกมที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ.. หรือจะพูดว่าสมบูรณ์แบบก็คงไม่ผิดนัก
แน่นอนเรื่องคุณภาพของคู่ต่อสู้อย่าง ตูลูส ไม่ได้อยู่สูงในระดับเดียวกับยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆ ไม่ว่าจะในอังกฤษหรือภาคพื้นทวีป แต่ชัยชนะสวยงามด้วยผลงานในสนามที่ยอดเยี่ยมก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมสำหรับทิศทางที่ดีไม่ใช่หรือ
มาตรฐานของฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ก็ประมาณนี้ เพราะทีมที่เข้าร่วมล้วนไม่ได้อยู่ในกลุ่มท็อปทรีหรือท็อปโฟร์ของลีกใหญ่ ไม่ใช่คู่ต่อกรประเภท แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บาเยิร์น มิวนิค อินเตอร์ มิลาน หรือ เรอัล มาดริด
ในภาพรวมนั้นเกมที่ลงเตะในยูโรปา ลีก จึงง่ายกว่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และมันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะอะไรลิเวอร์พูลถึงกวาด 9 คะแนนเต็มๆ จากการลงสนาม 3 นัดที่ผ่านมา
แอลเอเอสเค ลินซ์ 3-1 แซงต์ ชิลลวส 2-0 และตูลูสคือเหยื่อรายล่าสุดที่จบเกมด้วยการถูกถลุงถึง 1-5 ที่แอนฟิลด์
ในแง่หนึ่งการได้เล่นในยูโรปา ลีกก็มีข้อดีเช่นกัน เจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถจัดทีมได้อย่างผ่อนคลายขึ้นเมื่อเทียบกับการต้องใส่เต็มที่ในทุกๆ แมตช์ถ้าเป็นเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก
คุณภาพของเกมระดับสูงจากคู่แข่งระดับสูงลดทอนลงไป เงินรายได้จากแต่ละเกมน้อยกว่าเดิม แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็เป็นประโยชน์ในอีกด้านหนึ่ง นักเตะชุดสองได้มีสังเวียนแข้งให้ลงสนาม เด็กเยาวชนที่รอเติบโตก็มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ระดับสโมสรยุโรป
มันไม่ใช่ประสบการณ์ที่จะหากันได้ง่ายๆ แต่ 3 เกมที่ผ่านไปเด็กหนุ่มๆ อย่าง จาเรลล์ ควอนซาห์, เบน โด๊ก, ลุค แชมเบอร์ส, คาลัม สแกนลอน และ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ ได้สัมผัสกับมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เป็นโอกาสที่ถ้าอยู่ในเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก คงจะตกมาถึงพวกเขายาก
เช่นเดียวกับทีมชุดสองและนักเตะที่เพิ่งหายเจ็บ คล็อปป์สามารถใช้รายการนี้เป็นเกมเพิ่มจำนวนนาทีให้พวกเขาได้ จัดสลับกับขุนพลชุดใหญ่บางคนเพื่อทดลองสิ่งที่เขาอยากเห็นได้ ด้วยเดิมพันของความผิดพลาดไม่ได้สูงเท่าถ้วยบิ๊กเอียร์
วาตารุ เอนโด ลงสนามเป็นตัวจริงขัดเกลาจังหวะของตัวเองกับทีมตลอด 3 เกมที่ผ่านมา ผลงานและความมั่นใจจากเกมล่าสุดเมื่อคืนวันพฤหัสฯ อาจต่อยอดไปถึงโอกาสของเขาในทีมชุดใหญ่
เคอร์ติส โจนส์ ถูกแบนในอังกฤษมา 3 นัดกลับมาได้แล้วในสัปดาห์นี้ก็ถูกส่งลงเล่นตั้งแต่ต้นเกมเพื่อเรียกความคุ้นเคยกลับมาก่อนถึงแมตช์รับมือน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
ไรอัน กราเฟนแบร์ค ฉายแววตั้งแต่เกมแรกที่ลินซ์และได้เล่นต่อเนื่องในเวทีนี้ พัฒนาการของกองกลางชาวดัตช์ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่จริงจังสำหรับการแย่งตำแหน่งตัวจริงกับตัวหลักคนอื่นๆ
ยูโรปา ลีก ทำให้โอกาสที่เคยถูกตีกรอบของนักเตะกลุ่มหนึ่งใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น แน่นอนครับด้วยศักดิ์ศรีและแรงดึงดูดมันสู้แชมเปี้ยนส์ ลีกไม่ได้หรอก แต่ในเมื่อทีมได้มาเล่นในถ้วยนี้แล้วการมองสิ่งต่างๆ ของมันในแง่ดีก็ทำให้เราได้เห็นภาพอีกด้านหนึ่งเช่นกัน
ถ้วยใบนี้คล็อปป์ยังไม่เคยได้สัมผัส มันก็คงสวยงามไม่น้อยถ้าเขาได้โอบกอดมันเสียที
ในเกมขยี้ตูลูส ลิเวอร์พูลเดินเครื่องไล่บีบผู้มาเยือนจากฝรั่งเศสด้วยความรวดเร็ว ก้าวร้าว ดุดัน การสร้างแรงกดดันตั้งแต่แดนบนและการตามเก็บของแดนกลางทำได้ยอดเยี่ยมจนสามารถแย่งบอลมาครองในพื้นที่คู่แข่งหลายครั้ง
แนวรับดันสูงขึ้นมาเก็บตกจังหวะสาม เป็นไฮไลน์ดีเฟนซ์ที่สรุปการควบคุมสถานการณ์เบ็ดเสร็จแม้จะแลกมาด้วยความเสี่ยงจนถูกลงโทษในประตูตีเสมอก็ตาม หากในภาพรวมแล้วลิเวอร์พูลเป็นผู้ชนะเด็ดขาดด้วยเกมถนัดของตัวเอง
ตูลูสวางแผนสู้อย่างที่ควรจะเป็น ยืนเกมรับ 5 คน รอโอกาสตอบโต้ด้วยเกมสวนกลับ การทิ้งกองหน้าไว้ 2 คนคือแผนที่น่าสนใจ การ์เลส มาร์ติเนซ กุนซือหนุ่มชาวสเปนของพวกเขารู้ดีว่าเป็นเรื่องเสี่ยงแต่ในทางกลับกันมันก็เพิ่มจำนวนคนให้ทีมในการโต้กลับ หวังผลได้มากกว่าหัวหอกคนเดียวโดดๆ
นักเตะตูลูสพยายามพุ่งเข้าประชิดตัวผู้เล่นหงส์แดงไม่ให้พลิกบอลง่ายๆ หลายครั้งทำได้ดีแต่พวกเขาไม่สามารถเล่นแบบนั้นได้ตลอดเกมเพราะการเคลื่อนที่ของนักเตะลิเวอร์พูลสร้างความเหนื่อยยากให้เพิ่มขึ้น การทำชิ่งพาบอลไปสู่พื้นที่ว่าง การขยับหาช่องเป็นตัวเลือกให้เพื่อนส่ง หรือกระทั่งการเอาตัวรอดด้วยความสามารถเฉพาะตัวเกมนี้แทบทุกคนทำได้หมดจด
เมื่อทีมปักหลักครองบอลได้ ควบคุมเกมด้วยความนิ่งได้ และยังไล่ล่าเอาบอลที่เสียไปกลับมาได้ตลอดทำให้ลิเวอร์พูลอยู่ในสถานการณ์ที่เหนือกว่าในแต่ละนาทีที่ผ่านไป
ความเด็ดขาดในการเข้าทำคือบทสรุปของผลลัพธ์ที่สกอร์บอร์ดได้ทำงานจนนาทีสุดท้าย สกอร์ 5-1 สะท้อนความชัดเจนตรงนี้ มันไม่ใช่เกมที่ลิเวอร์พูลมีโอกาสทำประตู 20-30 ครั้งแล้วยิงทิ้งยิงขว้างกันไปหมด ตรงกันข้ามสถิติในเกมนี้โอกาสยิง 20 ครั้ง ตรงกรอบ 9 ครั้ง และเปลี่ยนเป็นประตูได้ 5 ลูก
เฉลี่ยแล้วเดอะค็อปได้ฉลองประตูในทุกๆ การยิงตรงกรอบ 2 ครั้งและโอกาสยิง 4 ครั้ง
น่าพอใจ..
ผมเลือกคนเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ไม่ถูกเหมือนกันครับ ทุกคนเล่นได้ดีด้วยกันทั้งหมด ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เติบโตขึ้นไปอีก เล่นเหมือนเป็นรุ่นเดียวกับรุ่นพี่ที่อายุมากกว่า ดีโอโก้ โชต้า ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับ 90 นาทีเต็มที่อยู่ในสนาม ประตูเบิกร่องที่โซโล่ไปยิงยังแสดงให้เห็นถึงคุณภาพการจบสกอร์ของเขา
แนวรับทั้งแผงจัดการกับพื้นที่ได้ดี จังหวะเสียประตู เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขยับขึ้นช้ากว่า ไธจ์ส ดัลลิงกา กองหน้าตูลูสแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ในภาพรวมถือว่าหยุดเกมรุกทีมเยือนและช่วยเกมรุกทีมตัวเองได้ดี แบ๊กซ้ายดาวรุ่งทั้ง แชมเบอร์ส และ สแกนลอน ไม่เด่นฉูดฉากแต่รับผิดชอบหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง
โดยรวมแล้วผมชอบการเล่นเป็นทีมที่ลิเวอร์พูลแสดงออกมามากกว่าเพราะการประสานงานทุกแดนดูราบรื่นและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าให้เฉพาะเจาะจงเป็นตัวบุคคลจริงๆ ผมประทับใจ กราเฟนแบร์ค เอนโด และ ดาร์วิน เป็นพิเศษ
บอลแรกของกราเฟนแบร์คยังคงเป็นจุดเด่นของเขาเหมือนที่เห็นตั้งแต่เกมแรก ตื่นตัวและสแกนหาวิธีเล่นที่เหมาะสมที่สุดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนบอลมาถึงเท้า มันคือคุณสมบัติพิเศษของเขาแต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีกคือความคล่องตัวทั้งยามมีบอลและไม่มีบอล การพาบอลทะลวงไปข้างหน้าทำได้น่าตื่นตาตื่นใจ
เอนโดเล่นได้สมกับที่หลายๆ คนเอาใจช่วย มีจังหวะออกบอลช้าอยู่บ้างในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นก็ฉลุยเมื่อปรับจังหวะเข้ากับเกมได้ ตัดบอลดี เทคนิคดี เกมนี้เขาทำหน้าที่เบอร์ 6 ที่สมบูรณ์แบบและได้โบนัสตอบแทนผลงานด้วยการโหม่งประตูให้ทีมนำ 2-1 ประตูนี้ยังเพอร์เฟกต์ขึ้นไปอีกเมื่อคนเปิดบอลคือ เทรนต์ ที่แฟนบอลคาดหวังบอลแบบนี้จากเขา ชิงจ่ายบอลจากแนวลึกก่อนที่คู่แข่งจะทันตั้งตัว แล้วมันก็ยังแม่นเหมือนจับวาง
ส่วนดาร์วินพกความมั่นใจลงสนามไปผนวกกับความขยันทุ่มเท วิ่งไม่มีหมด ช่วยงานของกองกลางได้มาก นักเตะแบบนี้แฟนบอลพร้อมมอบใจให้ เอ็งใจมาพวกข้าก็ใจไป แต่จังหวะยิงชนเสาโล่งๆ ยังเป็นจังหวะในแบบของดาร์วินจริงๆ ซึ่งต้องแก้ไขให้ดีกว่านี้
อันที่จริงจังหวะนั้นเขาได้แสดงความนิ่งให้เห็นแล้วตั้งแต่การแตะบอลหลบกองหลังและผู้รักษาประตู ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแต่ตอนตวัดเท้ายิงเขาชะล่าใจเกินไป บอลกำลังไหลหนีเท้าต้องหักข้อมากขึ้นอีกนิด แค่นิดเดียวก็พอ เชื่อว่าตัวเขาก็รู้ ให้ยิงใหม่อีกสิบครั้งก็เป็นประตูทั้งสิบครั้ง เสี้ยววินาทีแห่งความชะล่าใจนั้นเองที่ทำให้เขายิงพลาดแต่แน่นอนว่าเขาจะจดจำมันไปตลอดคืนและบอกตัวเองว่าคราวหน้ากูจะไม่พลาดอย่างนี้อีก
มันจะขัดเกลาให้เขาดีขึ้น
ในค่ำคืนที่มีแต่เรื่องดีๆ ให้ดื่มด่ำ ลิเวอร์พูลยังกำลังเดินหน้าสู่ถนนสายสุกสว่างเมื่อโปรแกรมเตะที่รออยู่สามารถคาดหวังได้ถึงความมั่นใจสูงสุดก่อนเกมเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปลายเดือนนี้จะมาถึง
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ บอร์นมัธ ลูตัน ทาวน์ ตูลูส และ เบรนท์ฟอร์ด คือคู่แข่งที่รออยู่ใน 5 เกมหน้า แบ่งเป็นพรีเมียร์ลีก 3 เกม ลีก คัพ 1 เกม และ ยูโรปา ลีก อีก 1 เกม
กับขุมกำลังที่นักเตะชุดสองเริ่มทำผลงาน นักเตะดาวรุ่งได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และนักเตะตัวหลักได้พักร่างกายตามสมควร ผมคิดว่าแฟนบอลลิเวอร์พูลสามารถตั้งความหวังกับช่วงเวลานี้ได้เต็มที่เลยล่ะครับ
ตังกุย