ผมดูซีรี่สารคดี 4 ตอนจบ BECKHAM ใน netflix จบลงเรียบร้อยแล้วนะครับ และต่อไปคือสิ่งที่อยากจะบอก
1. นี้คือสารคดีฟุตบอลที่เจ๋งที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูมา ด้วยมีครบทุกรสชาติ สนุกสนาน ซาบซึ้ง ตลก กินใจ สะเทือนอารมณ์ และช่วยให้รำลึกถึงภาพเก่าๆ สมัยที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเรืองอำนาจ
ผมชอบที่เขาหาฟุตเทจเก่าๆ ประเภท โฮม วีดีโอ สมัย เดวิด เบ็คแฮม ยังเป็นเด็ก และแน่นอน เขาเป็นเด็กผีแบบสุดลิ่มทิ่มถูรู แถมหล่อตั้งแต่เด็ก
เสียอย่างเดียว คนแปล "ซับไตเติ้ล" ไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลเลย แปลคำว่า "Boss" เป็น "ลูกพี่ใหญ่" อย่างกะหนังเจ้าพ่อฮ่องกง "หล่นจ่าฝูง" ดันแปล "หลุดจากตาราง" แปล "คว้าแชมป์" เป็น "ชนะถ้วย" กูล่ะระทม
2.มันคือสารคดีชีวิตทั้งในและนอกสนามของ เดวิด เบ็คแฮม
แต่ทว่า...
"พระเอก" อีกคนของซีรี่นี้คือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน !!!
ดูแล้วรู้เลยว่า "เฟอร์กี้" รักเด็กหนุ่มคนนี้มากขนาดไหน ทั้งประคบประหงม ทั้งปลูกฝังและสร้างแรงบันดาลใจถึงขนาดยอมให้ เดวิด เบ็คแฮม ครั้งยังเป็นเยาวรุ่นเข้าไปคลุกคลีในห้องแต่งตัวของทีมชุดใหญ่เป็นพิเศษเพียงคนเดียว
ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไป หลังเจอกับ "พอช สไปซ์"
ตอน "พี่เบ็คส์" ในยุคปัจจุบันพูดถึงช่วงที่ตัวเองถูกเนรเทศออกจากทีม เหตุเพราะเจ้านายทนรับพฤติกรรมของเขาไม่ได้อีกต่อไป ทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียง บ่งถึงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน
ผมมั่นใจมากว่าถ้า "เฟอร์กี้" ไม่ขับเขาออกจากทีม เดวิด เบ็คแฮม จะแขวนสตั๊ดกับปีศาจแดงอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นทีมเดียวที่เขารัก
3. เกมสุดท้ายรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 ระหว่าง อังกฤษ กับ กรีซ ผมอยู่ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันนั้นด้วยนะครับ
จังหวะที่ "พี่เบ็คส์" สังหารฟรีคิกตีเสมอในนาทีสุดท้าย จำได้ว่าบรรยากาศมันบ้าคลั่งสุดฤทธิ์ ทุกคนขึ้นไปขย่มเก้าอี้จนพังเป็นแถบๆ
การศึกครั้งนั้น กัปตันสิงโตคำรามทุ่มเทเต็ม 80 ตีนถีบ วิ่งพล่านไปทั่วสนาม ก่อนบอก เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม ว่าเขาจะเป็นผู้ยิงฟรีคิกเอง
ต่อเมื่อได้ดูฟุตเทจจังหวะได้ฟรีคิกในสารคดีชุดนี้ อย่างละเอียดอีกครั้ง ผมก็ค้นพบว่า...
จังหวะนั้น เดวิด เบ็คแฮม เลี้ยงไป เลี้ยงมา หน้ากรอบเขตโทษ โดยไม่ยอมส่งบอลให้เพื่อนสักที ทั้งๆ ที่ควรจะส่งมากกว่าด้วยซ้ำ
เหตุผลที่หวงบอล คือเขารอ และรอ และรอ
เขารอให้คู่ต่อสู้ทำฟาวล์เขาในจุดที่เขาจะตะบันฟรีคิกได้ถนัดที่สุด
นาทีต่อมาคือความบ้าคลั่ง...เจ๊ตเข้ !!!
4.ผมหัวเราะออกมาตอนที่มีการถาม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ณ ปัจจุบันว่า...คุณอยู่ในห้องแต่งตัว ตอนที่ "ป๋า" หวดสตั๊ดบินไปทิ่มหน้า เดวิด เบ็คแฮม หรือเปล่า ???
"น้าลูกอม" เหน็บยิ้มแบบทารกแล้วตอบว่า...
"สตั๊ดผมเองนั่นแหละ" 55555
อีกตอนคือภาพในรายการทอล์คโชว์ ที่พิธีกรถาม "เจ๊วิค" ว่าคุณมีชื่อเฉพาะที่เอาไว้เรียก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แบบ "ลับหลัง" หรือเปล่า ???
เจ๊แกทำอ้ำๆ อึ้งๆ ประมาณว่า "กูจะบอกดีไหมนะ" ก่อนตอบแบบกระมิดกระเมี้ยนว่า...
"เอ่อ..อ..อ..อ..เฟอร์กี้"
เสียงหัวเราะดังลั่นห้องส่ง 55555
5.ใน พ.ศ.นี้ที่ แมนฯ ซิตี้ คือมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษ สื่อมักเอา เควิน เดอ บรอยน์ ไปเปรียบเทียบกับ เดวิด เบ็คแฮม ด้วยสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกัน เฉพาะอย่างยิ่งการเปิดบอลอันแม่นยำ ก่อนบอกทำนองว่า KDB เก่งกว่า
เควิน เดอ บรอยน์ อาจเก่งกว่านิดหน่อยก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสีสัน และความโลดโผนของการเป็นนักฟุตบอลระดับดาวดังคนหนึ่ง
แม่งคนละเรื่องเลย !!!
ตอนที่ เดวิด เบ็คแฮม ยังไม่แขวนสตั๊ด เด็กผีอย่างผมหวังว่าสักวัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เวลาคงทำให้ป๋าบรรเทาความโกรธลงไปแล้วจะดึง เดวิด เบ็คแฮม กลับมาสวมเครื่องแบบปีศาจแดงอีกครั้ง
น่าเสียดายที่มันไม่เคยเกิดขึ้น
ดูสารคดีเรื่องนี้จบแล้วก็ยังเสียดายไม่หาย เสียดายจริงๆ
โบนัส แทร็ค: ว่าแล้วขอเสนอให้ netflix ทำสารคดีซีรี่แบบนี้กับนักฟุตบอลไทยคนหนึ่ง
LS14 "ลีซอ" ธีรเทพ "ปิ๊ดปี้ปิ๊ด" วิโนทัย
บอ.บู๋