"ซาลาห์-โชต้า-ดิอาซ-ดาร์วิน-กัคโป" 5 กองหน้า ลิเวอร์พูล 2.0 ที่ต่างมีดีกันคนละแบบ

"ซาลาห์-โชต้า-ดิอาซ-ดาร์วิน-กัคโป" 5 กองหน้า ลิเวอร์พูล 2.0 ที่ต่างมีดีกันคนละแบบ
บทบาทเหล่ากองหน้า ลิเวอร์พูล 2.0 ทั้ง 5 คนเป็นอย่างไร?!

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : ราชาผู้เก่งรอบด้าน

สำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีเพียงไม่กี่เรื่องที่เขาไม่ถูกพูดถึง

ณ ช่วงเวลาที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล เขาเป็นแนวรุกชั้นยอดที่กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดของโลก

ตัวเลขต่าง ๆ มันเป็นหลักฐานชั้นดีอยู่แล้ว…

นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อปี 2017 ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 192 ลูกจากการลงเล่น 315 นัด พร้อมกับทำได้ 78 แอสซิสต์

ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่มีนักเตะคนใดที่ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก มากกว่า ซาลาห์ เลย

เขาสังหารไป 142 ลูก และถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าเลยว่า ซาลาห์ จะถอนคันเร่งล่าตาข่าย เมื่อสอยไป 5 ประตู 4 แอสซิสต์จากการลงเล่น 8 เกมแรกของฤดูกาลนี้

ซาลาห์ ไม่ใช่แค่เป็นเพียงคนจบสกอร์ชั้นยอด แต่เขาเองก็ผ่านบอลได้ดีเหมือนกัน

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่ค่อยพูดถึงเขาสักเท่าไหร่

ชาร์ตนี้สดงให้เห็นว่า ซาลาห์ เป็นคนที่ทำแอสซิสต์ใน พรีเมียร์ลีก เยอะที่สุดนับตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2021-22

นับจากช่วงเวลานั้นเขาทำไป 29 แอสซิสต์ มากกว่านักเตะทุกคนใน พรีเมียร์ลีก

อีกทั้งยังมีส่วนร่วมกับการขึ้นเกมเยอะพอตัวด้วย

แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะพึ่งพากับประตูของ ซาลาห์ มาก ทว่าตอนนี้เขาก็รับบทบาทตัวสนับสนุนอีกทาง

ซาลาห์ อยู่ในช่วงที่ดีสามารถเพิ่มมิติการผ่านบอลได้ดีกว่าแต่ก่อน

แอสซิสต์ที่เขาทำได้ในเกมกับ เชลซี, นิวคาสเซิ่ล รวมถึง วูล์ฟส์ ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีเลยว่า ซาลาห์ มีวิสัยทัศน์การผ่านบอลที่ยอดเยี่ยมและผ่านบอลได้ด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม

ดีโอโก้ โชต้า : ปีศาจร้ายของการกดดันคู่แข่ง

ดีโอโก้ โชต้า คือแนวรุกหน้าเก่าบนทีมลิเวอร์พูล 2.0 เขาถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างแนวรุกชุดใหม่

ไม่ว่าตัวจริงหรือสำรอง โชต้า พร้อมเสมอกับการเป็นตัวเลือกในแดนหน้า

ความสามารถที่เข้าไปอยู่ในจุดอันตรายสำหรับการยิงได้อยู่เรื่อย ๆ และจบสกอร์ได้เฉียบคมทำให้เขาได้รับฉายา "โชต้า จอมเข้าฮอส"

การเคลื่อนที่ในกรอบเขตโทษ, การคาดการสถานการณ์ และการกะจังหวะการวิ่ง

ทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้ โชต้า มักพาตัวเองอยู่ที่ที่เหมาะสม

แผนผังจังหวะการยิงของเขานับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2020 มันสะท้อนถึงเรื่องนั้น

โชต้า ทำประตูได้ดีไม่ว่าจะด้วยเท้าทั้งสองข้างหรือด้วยศีรษะ

จากบรรดาประตูที่ทำได้ใน พรีเมียร์ลีก นั้น มีถึง 10 ลูกที่เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษ ส่วนอีก 2 หนเกิดขึ้นจากนอกกรอบเขตโทษ

นับตั้งแต่ที่เขามาอยู่กับ ลิเวอร์พูล มีเพียง คัลลั่ม วิลสัน กับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่มีตัวเลขด้านจังหวะที่ควรจะเป็นประตูในจังหวะที่ไม่นับรวมลูกจุดโทษกับการเล่นใน พรีเมียร์ลีก สูงกว่าเขา

โดยสองคนนั้นมีผลงานด้านนี้อยู่ที่ 0.19 ลูก ส่วน โชต้า อยู่ที่ 0.18 ประตู ซึ่งกรณีนี้นับเฉพาะคนที่ยิง 100 ครั้งขึ้นไป

นี่แสดงให้เห็นว่าในเรื่องค่าเฉลี่ยนั้นเขามีความสามารถในการยิงสูง

อย่างไรก็ตาม โชต้า ไม่ได้มีดีแค่การทำประตูเท่านั้น

เป๊ป ไลจ์นเดอร์ส ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ถึงขั้นเคยยกให้ โชต้า เป็น "ปีศาจร้ายของการกดดันคู่แข่ง" และตัวเลขมันก็สะท้อนถึงเรื่องนั้น

โชต้า มีคุณภาพการเข้าสกัดดีมาก ๆ โดยเป็นการคำนวณจาก การสกัดโดนบอล, การสกัดไม่โดนบอล และการเสียฟาวล์ในตอนที่พยายามเข้าสกัด

นับตั้งแต่เริ่มฤดูกาลก่อน โชต้า มีผลงานด้านนี้อยู่ที่ 8.1 ต่อการจับบอล 1,000 ครั้งของคู่แข่ง จนทำให้เขาเป็นกองหน้าที่ทำผลงานด้านนั้นได้ดีที่สุด

เขาชอบพยายามแย่งบอลกลับมาครองให้ได้อยู่เสมอ...

หลุยส์ ดิอาซ : จอมหลอกล่อผู้ไม่ย่อท้อ

การก่อร่างสร้างแนวรุกใหม่เร็วขึ้นกว่ากำหนด 6 เดือน เมื่อ ลิเวอร์พูล จัดการคว้า หลุยส์ ดิอาซ เข้ามาตอนตลาดหน้าหนาวปี 2022 

ตอนนั้น ท็อตแน่ม อยากได้ ดิอาซ เช่นกัน แต่ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสนใจตัวนักเตะมากกว่า

แข้งวัย 26 ปีใช้เวลาช่วง 6 เดือนแรกไปกับการโชว์ลีลาพลิ้วไหวจนพาทีมมีลุ้นแชมป์ 4 รายการ

อย่างไรก็ตาม เวลาส่วนใหญ่ในฤดูกาลถัดมา เขาใช้เวลาไปกับการนอนรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ, เรียกความฟิต และตามหาฟอร์มเก่งของตัวเอง

ด้วยการผสมผสานกันระหว่างการเล่นที่เปี่ยมไปด้วยการหลอกล่อคู่แข่งและการไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ดิอาซ ก็กลายเป็นปีกที่ไม่เคยปล่อยให้กองหลังคู่แข่งได้หายใจ

เมื่อครอบครองบอล เขาเล่นแบบดุดันไม่เกรงกลัวใคร เขาชอบดวลกับฝั่งตรงข้ามแบบตัวต่อตัว และชอบเล่นงานฟูลแบ็กอีกฝ่าย

นับตั้งแต่ ดิอาซ ย้ายมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก มีนักเตะแค่ 8 คนที่มีค่าเฉลี่ยการดวลกับคู่แข่งมากกว่าเขา 

โดยเจ้าตัวมีผลงานด้านนี้อยู่ที่ 3.2 ครั้งต่อเกม

แผนภูมิการพาบอลบุกขึ้นหน้าตอกย้ำว่าเขาชื่นชอบการพาบอลบุกจากทางฝั่งซ้ายแล้วสร้างโอกาสยิงในเวลาต่อมา

พัฒนาการหลักที่ ดิอาซ ทำได้ในช่วงที่ผ่านมาคือการที่เข้าไปอยู่ในจุดที่ทำให้ตัวเองมีโอกาสยิงประตูได้บ่อย ๆ 

ประตูที่เขาทำได้ในเกมกับ เชลซี และ บอร์นมัธ ไม่ต่างจากที่ "เดอะ ค็อป" เคยเห็นจาก ซาดิโอ มาเน่ 

ส่วนเรื่องการวิ่งขึ้นหน้า ดิอาซ ก็เป็นแบบเดียวกับดาวเตะเซเนกัล อีกด้วย

ดาร์วิน นูนเญซ : ผู้สร้างความปั่นป่วน


ทุกคนทราบดีกว่า ดาร์วิน นูนเญซ เป็นนักเตะหมายเลข 9 คนละแบบกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ 

ดาวเตะชาวอุรุกวัยมีความเร็วและเคลื่อนที่ไปมายอดเยี่ยมจนทำให้กองหลังทีมคู่แข่งตัวสุดท้ายมักพบเจอปัญหา

ถึงกระนั้น ยังมีความจำเป็นที่ต้องมีการเจียระไนกันอีกสำหรับเพชรที่ ลิเวอร์พูล คว้ามาจาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวในเบื้องต้น 64 ล้านปอนด์เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน

แต่ไม่ว่าอย่างไร ดาร์วิน ก็มักจะทำบางอย่างได้อยู่เสมอ 

ไม่มีใครอีกแล้วที่มีค่าเฉลี่ยการมีจังหวะยิงต่อเกมมากกว่าเขา (4.5 ครั้งต่อนัด) แถมยังมีตัวเลขสูงสุดในด้านการรวมกันของจังหวะที่ควรจะเป็นประตู และจังหวะที่ควรจะเป็นแอสซิสต์ ด้วยจำนวน 0.95 ครั้ง

ช่วงที่เล่นอยู่ใน พรีเมียร์ลีก ดาร์วิน ถูกคาดหวังว่าจะมีค่าเฉลี่ยการมีส่วนร่วมกับประตูอยู่ในระดับเกือบ 1 ลูกต่อเกม เมื่อพิจารณาจากโอกาสการทำประตูและจังหวะที่เขาผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีม 

ถึงแม้ ดาร์วิน ไม่ได้ยิงประตูได้เสมอไป แต่เขาก็มักจะมีโอกาสทำประตูอยู่บ่อย ๆ

ในทีมของ คล็อปป์.. ดาร์วิน ถูกส่งลงเล่นทั้งพื้นที่กราบซ้ายและตรงกลาง 

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเข้ากับการรับบทนักเตะเบอร์ 9 มากที่สุด 

แผนภูมิการจับบอลแสดงเห็นว่า ดาร์วิน เคลื่อนที่มากแค่ไหนในแผงแนวรุก

สิ่งนั้นสะท้อนถึงเรื่องที่ว่าเขาได้จับบอลมากเพียงใดทั้งในและรอบ ๆ กรอบเขตโทษ 

นับตั้งแต่ ดาร์วิน เปลี่ยนสีเสื้อมาสวมใส่ชุดสีแดงเพลิงนั้น บนเวที พรีเมียร์ลีก มีเพียง กาเบรียล เชซุส กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่มีค่าเฉลี่ยจับบอลในกรอบเขตโทษมากกว่าเขา โดย นูนเญซ มีผลงานด้านนี้อยู่ที่ 8.4 ครั้งต่อนัด

ฤดูกาลนี้ ดาร์วิน มีพัฒนาการดีขึ้นเยอะทั้งในตอนได้ครองบอลและตอนไม่ได้ครองบอล 

การกดดันคู่แข่งของเขาเข้าจังหวะกับคนที่เหลือในทีมมากขึ้น และเขาก็พัฒนาไปเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องมากกว่าเดิม 

ส่วนในตอนที่้เขาทำประตูไม่ได้ ดาร์วิน นูนเญซ ก็ยังมีส่วนร่วมกับเกมผ่านการเคลื่อนที่, การเก็บบอลเอาไว้กับตัว และการเชื่อมเกม

โคดี้ กัคโป : ทายาท ฟีร์มีโน่

ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 สำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานสตาฟฟ์คนอื่น ๆ มันชัดเจนมาก ๆ ว่าพวกเขาค้นพบตัวแทนของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงแรก ๆ โคดี้ กัคโป จะยืนเป็นปีกซ้าย แต่ในเวลาต่อมาเขาก็ขยับมาเป็นกองหน้าตัวกลาง เพราะ คล็อปป์ เชื่อว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นตำแหน่งที่เข้ากับลูกทีมดัตช์มากที่สุด ซึ่งผลงานที่ออกมาก็สอดคล้องกับแนวคิดนั้น

ในบทบาทฟอลส์ ไนน์ กัคโป ต้องปรับตัวกับการถอยลงมาต่ำเพื่อรับบอลไปเล่น เมื่อถอยลงมาเขาก็จะพาบอลบุกขึ้นหน้าได้ดีไม่ว่าจากการเลี้ยงบอลหรือการผ่านบอล

แผนภูมินี้แสดงให้เห็นว่า กัคโป ผ่านบอลจากแนวลึกหลายครั้ง และมีหลายหนที่ผ่านบอลได้ดีจนเข้าไปในกรอบเขตโทษได้

สิ่งหนึ่งที่ ฟีร์มีโน่ มักโดนตำหนิคือทำประตูไม่เก่ง จนภาระนั้นหนักไปทาง ซาลาห์ กับ มาเน่ 

แต่ว่า กัคโป สามารถผสมผสานการเล่นแบบสร้างสรรค์และการเข้าไปในพื้นที่ที่เหมาะกับการทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม 

หากนับตั้งแต่ตอนที่ย้ายมาที่นี่นั้น ในทีม ลิเวอร์พูล มีเพียง ซาลาห์ ที่ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่าเขา หรือมีจังหวะยิงในลีกมากกว่า โดย กัคโป ได้โอกาสส่องไปแล้ว 50 หน

ความฉลาดในการตัดสินใจของ กัคโป มีให้เห็นในจังหวะที่เขาไม่ได้ครองบอล 

เขาปรับเข้าตัวกับโครงสร้างการกดดันคู่แข่งของ ลิเวอร์พูล ได้ทันที, มีความขยัน และเก็บบอลเอาไว้กับตัวจนทำให้เขาเป็นนักเตะที่ คล็อปป์ มักจะเชื่อใจใช้งานในเกมใหญ่ ๆ

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport