มีบางซีนที่สะท้อนถึงความเป็น เดวิด เบ็คแฮม จะในแง่ของผู้ชายคนหนึ่งที่ปัจจุบันอายุย่างเลข 48 แล้วก็ตาม กับอีกแง่ในความที่เป็นแฟมิลี่แมนก็ด้วย
"พอทุกคนเข้านอน ผมก็จะออกจากห้องมาตรวจดูว่ามีจานชามไรทิ้งไว้หรือเปล่า ผมไม่ชอบเลยที่ตื่นเช้ามาแล้วจะเห็นจามชามกองไว้ ผมยังชอบเดินไปดูเทียนด้วยว่ามีอันไหนต้องตัดให้สั้นไหม คุณจะว่าผมบ้าก็ได้นะ..."
ใช่ พ่อเทพบุตรรูปหล่อคนนั้นแหละครับ
ผมชื่นชมในตัว เบ็คแฮม เสมอต่อฐานะผู้สร้างแรงบันดาลให้ผู้คนทั่วโลก เขาก้าวมาประสบความสำเร็จในเส้นทางค้าสตั๊ด ด้วยคติหนึ่งเดียวที่หลายคนควรท่องไว้ในใจ-"พรแสวงมาก่อนพรสวรรค์"
ในสารคดีทีทำเป็นซีรี่ส์โดย Netflix ภายใต้ชื่อ 'Beckham' ก็มีหลายซีนเหลือเกินที่ดูแล้วน้ำตารื้น เชื่อว่าใครที่ได้ดูก็ต้องรู้สึกเหมือนกันต่อให้คุณอาจไม่ใช่สาวก เบ็คส์ หรือว่า แมนฯ ยูไนเต็ด
อย่างในเคสของคำว่าพรแสวงก็เป็นพ่อของเขาที่ออกมาเล่าว่าสมัยเด็กนั้น เจ้าตัวไม่เคยออกไปเที่ยวเตร่เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ทางตรงกันข้ามมักหมกตัวอยู่บ้าน มีเวลาก็ออกไปเอาลูกบอลมาวิ่งไล่เตะ อย่างเดียวกันเรื่องนี้ที่คนใกล้ตัวก็มักพูดเสียงเดียวกัน"หลังการซ้อมปกติ เบ็คแฮม จะไปซ้อมยิงฟรีคิกคนเดียวเป็นพันลูก"
คุณคิดว่าเขาจะเตะลูกนิ่งได้เฉียบขาดตั้งแต่เกิดเลยหรือ??
ต่อมาก็ในเรื่องของความรัก หนึ่งในเพื่อนสนิทที่สุดอย่าง แกรี่ เนวิลล์ ออกมาเล่าให้ฟังว่า "ตอนเรานั่งดูทีวีด้วยกันโดยมี วงสไปซ์ เกิร์ล อยู่หน้าจอ เขาก็โพล่งออกมาว่า 'ผมจะเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นภรรยาให้ได้' ซึ่งตอนนั้นทุกคนก็คิดว่ามันคือเรื่องตลกในหมู่แก๊งค์ผู้ชาย"
ใช่ เบ็คแฮม กับ วิคตอเรีย มีลูกด้วยกันแล้ว 4 คน เหนืออื่นใดตลอดเวลาที่คบกัน ก็ทำให้ปาปารัซซี่นับสิบคอยตามติดเพื่อหารูปกับข่าวไปขายไม่แพ้เซเลบฯคนไหน
คุณเชื่อในเรื่องบุพเพฯกันไหมล่ะ?
หากที่ดูแล้วเจ็บปวดตามที่สุดก็หนีไม่พ้นช่วงเวลาอันโหดร้ายภายหลังเวิล์ด คัพ98 ที่ฝรั่งเศส คงจำกันได้ว่า เบ็คแฮม เจอใบแดงในเกม รอบ 16 ทีมกับ อาร์เจนติน่า ด้วยการเอาขาหลังไปสะกิดโดน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
เขากลายเป็นวายร้ายตามสายตาอิงลิชชน ไม่ว่าไปไหนเขาก็ตกเป็นเป้า บ้างเจอถ่มน้ำลาย บ้างเจอตะโกนด่าถึงบุพการี บ้างก็เจอส่งจดหมายขู่ฆ่า ฯลฯ
"ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกอยู่ตรงข้ามผม..."เบ็คส์รำลึกอดีตอันข่มขื่นผ่านสารคดีตัวเองในNetflix
อย่าลืมว่ายุคนั้นโซเชี่ยลก็ยังไม่มีแต่คนๆหนึ่งสามารถเจอแรงกดดันได้ชนิดที่ก็ยากจินตนาการว่าเป็นตัวเราจะผ่านออกมาได้อย่างไร
เกล็น ฮอดเดิ้ล กุนซือทีมชาติอังกฤษชุดนั้น ก็ไม่ได้ออกมาอ้าแขนปกป้อง มิหนำซ้ำยังสุมไฟให้สัมภาษณ์ชี้ไปว่า เบ็คแฮม เป็นต้นเหตุทำให้ สิงโตคำราม ตกรอบ นอกจากนั้นยังมีแท็บลอยด์บางฉบับ ทำปกเอาหน้า เบ็คส์ ไปอยู่ตรงที่ปาเป้าเพื่อสร้างยอดขาย
เบ็คแฮม เป็นพวกทำไรแล้วจะทุ่มเต็มที่เสมอ สมัยที่ตามจีบ วิคตอเรีย ใหม่ๆก็เคยขับรถไป 4-5 ชั่วโมงเพื่อขอไปเจอหน้าแค่20นาที
คนอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ย่อมไม่พอใจแต่ทำไงได้ ความสัมพันธ์คืบหน้าไปรวดเร็ว ด้วยหน้าตาหล่อเหลาด้วยจึงทำให้แทบทุกวันต้องมีข่าวของลูกทีมคนนี้ให้ได้อ่าน
"แน่นอนเขาเปลี่ยนไป ไม่มีข้อสงสัยอะไรเลย" ใบหน้าขรึมๆของ เฟอร์กี้ ที่กล้องแพนไปกำลังบอกถึงช่วงหนึ่งของ เบ็คส์ ภายหลังได้รู้จัก พอช
อย่างน้อยที่สุดด้วยจำนวนโทรฟี่กับสถิติทุกอย่างก็บ่งชี้ว่า เบ็คแฮม ก็ประคับประคองตัวเองได้ยอดเยี่ยม เขาไม่ใช่แค่นักกีฬาธรรมดาที่มีความฝัน เขาไม่ใช่เพียงนักฟุตบอลที่มีทีเด็ดลูกครอสกับลูกตั้งเตะ หากเขาต้องเป็นทุกอย่างเพื่อให้คนรอบข้างพึงพอใจ
ให้พ่อ-แม่ยิ้มกับการเติบโตของลูก
ให้ผู้จัดการทีมแฮปปี้ที่อยู่ใต้โอวาท
ให้แฟนสาวไม่งอนเชิดใส่
ให้เพื่อนร่วมทีมไม่หมั่นไส้
ให้กองเชียร์ได้ระเบิดเสียงตาม
แนะนำเลยครับใครที่ยังไม่ได้ดูสารคดี 'Beckham' ว่าต้องรีบไปหามารับชม ดูแล้วคุณต้องน้ำตารื้นเหมือนกับผม ดูแล้วคุณจะอยากออกไปสรรสร้างสิ่งดีๆเพราะชีวิตคนเราช่างสั้นนักและดูแล้วจะต้องยิ่งรักผู้ชายคนนั้นยิ่งขึ้น
"ไก่ป่า"