"คาร์ลอส บาเลบ้า?" หนึ่งในคำถามที่นักข่าวสายเมอร์ซี่ย์ไซด์บางคน พูดขึ้นมาในห้องเพรสภายหลังที่ได้รับทีมชีตในมือ
อืมมมม
ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครกัน... บาเลบ้า
พอเข้าไปค้นในกูเกิ้ล จึงได้ข้อมูลขั้นพื้นฐานมาว่าเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ อายุแค่ 19 ปีเท่านั้น โดย ไบร์ทตัน เพิ่งซื้อมาจาก ลีลล์ ด้วยค่าตัว 23 ล้านปอนด์ตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ก็ไม่รู้หรอกว่า ราคาหลัก 20 กว่าล้านในยุคนี้ถือว่าแพงไหม? ยิ่งสำหรับใครสักคนที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองใดๆ
แต่นี่คือการสร้างทีมแบบฉบับ ไบร์ทตัน ครับ
พวกเขาไม่ได้ดูแค่จากคลิปสั้นๆ หรือว่าเชื่อคำเชิญชวนจากเอเยนซี่อย่างที่บางทีมชอบทำ ทางตรงกันข้ามพวกเขามีทีมงานโดยเฉพาะที่ศึกษาตลอดจนทำข้อมูลขึ้นมาว่า นักเตะคนนั้นๆเหมาะสมกับแนวทางของสโมสรพวกเขาหรือเปล่า
สิ่งนี้เป็นโครงสร้างหลักเลยที่ โทนี่ บลูม เจ้าของทีมนกนางนวลคิด ความที่เขาเคยเป็นนักเล่นโป๊กเกอร์ตัวฉกาจกับเคยมีบริษัทพนันออนไลน์ของตัวเอง เขาจึงมีทีมงานเฉพาะทางที่คอยรวบรวมสถิติทุกอย่างตลอดไปจนพื้นทางของครอบครัวด้วย
"มันเป็นเกมที่ดีมาก (โป๊กเกอร์) มันสามารถทำให้เรานำมาปรับประยุกต์ใช้ได้ในหลายทักษะ มันช่วยให้เรากล้าที่จะเสี่ยงแต่บนความเสี่ยงนั้น เราต้องวิเคราะห์แล้วว่ามันคุ้มจะเสี่ยง มันทำให้เราอ่านใจคนได้ มันยังสอนให้เราเข้าใจถึงชีวิต คาแรกเตอร์ของตัวบุคคลอีกด้วย" บลูมเคยพูดไว้
เกมกับ ลิเวอร์พูล ที่จบลง 2-2 ก็เป็น บาเลบ้า ที่โดดเด่นในแดนกลาง ในบทบาท 'ตัวรับ' เขาทำให้กองเชียร์ ไบร์ทตัน ลืมชื่อ มอยเซส ไกเซโด้ ไปเลย
สถิติของเขาตลอด 90 นาทีอ่านได้ว่า ตัดบอลสำเร็จ 3, แย่งบอลได้ 6, บล็อค 2 กับการแย่งปะทะได้สำเร็จอีก 6 จาก 8 ครั้ง
ใช่ มันถือว่าดีมากๆ สำหรับเด็กวัย 19 ที่ได้ประเดิมตัวจริงเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรก อย่างยิ่งฝ่ายตรงข้ามยังได้แก่ ลิเวอร์พูล ซะอีก
พื้นที่ในแดนกลางนี่คือปัญหาของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ตลอดซีซั่นนี้ การที่ต้องเสีย ไกเซโด้ ให้ เชลซี กับ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ที่เมื่อวันอาทิตย์สวมชุดสีแดงอยู่อีกทีม ทำให้เขายังหาตัวแทนที่ลงตัวไม่ได้ ตลอด 11 เกมทุกรายการมานี้ จึงเห็นการสลับตัวมิดฟิลด์คู่กลางนับได้ถึง 6 ครั้งเข้าไปแล้ว
มันก็อาจมีเกมที่ ไบร์ทตัน เสียประตูเยอะไป มีเกมที่แพ้ขาดหลุดลุ่ยอย่างไม่น่าเชื่อ ทว่านั่นก็มาจากหลายเหตุผล หนึ่งในนั้นการที่ไม่คุ้นชินมีโปรแกรมบอลยุโรปเพิ่มเข้ามา
นอกจาก บาเลบ้า แล้ว ก็ยังมีปีกขวาสัญชาติไอวอรี่โคสต์ที่ทั้งยิงประตูแรกแถมก่อกวนเกมรับหงส์แดงทั้งเกมอย่าง ซิมง เอดินกร้า อีกคนที่เป็นการชูถึงวิธีการสร้างทีมอันยอดเยี่ยม
เอดินกร้า เพิ่งจะ 21 เท่านั้น ก่อนนี้ถูกส่งให้ อูนิยง แซงต์-ชิลลวส สโมสรในเบลเยี่ยมยืมตัวไปขัดเกลาฝีเท้าอยู่หนึ่งปี บางคนอาจจะไม่รู้ว่า อูนิยง แซงต์-ชิลลวส (Union SG) ถือเป็นทีมในเครือของ บลูม ด้วย มีทั้งหุ้นในมือกับทีมงานบลูมก็ไปบริหารอยู่
ถ้าใครอ่านประวัติ คาโอรุ มิโตมะ ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่นก็เคยไปอยู่ อูนิยง แซงต์-ชิลลวส มาเช่นกัน นั่นเป็นบางแนวคิดทำทีมของ ไบร์ทตัน
การก้าวขึ้นมาติด 1 ใน 6 ก็ไม่ใช่บังเอิญหรือโชคช่วย ทุกอย่างมาจากวิสัยทัศน์ของบลูม ย้อนไปตอนที่เลื่อนชั้นขึ้นมาปี 2017 ภายใต้ คริส ฮิวจ์ตัน ปีต่อมาทีมอยู่รอดจบอันดับ 17 โดยหลายคนมองว่าประสบความสำเร็จแล้วสำหรับทีมน้องใหม่
ทว่าไม่ใช่สำหรับบลูม เขาจัดการปลด ฮิวจ์ตัน ออกแล้วดึง เกรแฮม พอตเตอร์ มาแทน "มันอยู่ที่เป้าหมาย ผมเองไม่ได้พอใจกับแค่อันดับ 17 หรืออยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้ ผมเองเชื่อว่าเราจะเป็นทีมที่จบท็อปเทนได้ทุกปี เราก็จะเป็นทีมที่มีสไตล์สวยงามได้ มันอาจไม่ใช่ว่าจะต้องได้ทันทีแต่ในระยะยาวเราต้องทำได้"
เด แซร์บี้ เองก็ตามก็ใช่ว่าจะเป็นชอยส์ที่มาแค่อาศัยผลงานที่เคยทำมา ก็เป็นทีมงานของ ไบร์ทตัน อีกนั่นแหละไปวิเคราะห์โดยมีไปคุยกับนักเตะที่เคยเล่นให้ มีไปเจอคนที่เคยทำงานให้ด้วย
นั่นทำไมพวกเขาถึงยังคงเดินหน้าได้ต่อไปต่อให้ทุกปีต้องเสียดาราดังไป พวกเขามีแผนงานรองรับไว้หมด จุดแข็งที่สุดก็อยู่ที่โครงสร้างอันแข็งแกร่งตั้งแต่บนลงมาล่าง
บางคนอาจคิดว่าพวกเขาทำได้ดีเกินคาดอีกแล้วกับผลเสมอ ลิเวอร์พูล เมื่อวันอาทิตย์ แม้ความจริง 4 เกมให้แล้วที่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่สามารถเอาชนะนกนางนวลแดนใต้ได้ ก็อย่างเดียวกับที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เจอมาในระยะหลัง
ในหลายๆ แง่มุม นี่จึงเป็นสโมสรที่คู่ควรกับเสียงเยินยอว่าเป็นทีมที่บริหารงานดีที่สุดของลีก...
"ไก่ป่า"