ไร้ บูคาโย่ ซาก้า ยังมี กาเบรียล มาร์ติเนลลี่! 5 ประเด็น อาร์เซน่อล ลบอาถรรพ์เผด็จศึก แมนซิตี้

ไร้ บูคาโย่ ซาก้า ยังมี กาเบรียล มาร์ติเนลลี่! 5 ประเด็น อาร์เซน่อล ลบอาถรรพ์เผด็จศึก แมนซิตี้
ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ที่จะมีทีมไหนสักทีมเอาชนะยอดทีมประจำค.ศ.นี้อย่าง แมนฯ ซิตี้ ได้ และสำหรับ อาร์เซน่อล ก็ยิ่งแล้วใหญ่เนื่องจากมีสถิติผูกปีแพ้ทีมเงินถัง ในเกม พรีเมียร์ลีก มาตลอด 12 นัดหลัง แต่ในที่สุดอาถรรพ์ก็โดนทำลายลงแล้วในเกมที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ต.ค. เมื่อพลพรรค เดอะ กันเนอร์ส แผลงฤทธิ์จม เรือใบสีฟ้า ลงสู่ก้นมหาสมุทรได้อย่างหวุดหวิดก่อนหมดเวลาสี่นาทีจากจังหวะสับไกของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ตัวสำรองซึ่งทำให้รองแชมป์เก่ายังไร้พ่ายในซีซั่นนี้ต่อไป

1.ปืนโตจืดไร้ ซาก้า

อาร์เซน่อล ประสบปัญหาน่าหนักอกแทนเมื่อปราศจาก บูคาโย่ ซาก้า ปีกคนสำคัญที่บาดเจ็บจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดพ่าย ล็องส์ และไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้ แม้เจ้าตัวจะเดินทางมากับทีมด้วย แต่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หายเจ็บรอถูกเรียกตัวลงเล่นอยู่ในซุ้มเช่นเดียวกับ โธมัส ปาร์เตย์

อย่างไรก็ดี หากเทียบโผ 11 คนแรกจากเกมลีกนัดยำใหญ่ บอร์นมัธ 4-0 เดอะ กันเนอร์ส ปรับทัพสองรายโดย ไค ฮาแวร์ตซ์ หล่นไปนั่งข้างสนาม ขณะที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ กับ จูนินโญ่ ได้ออกสตาร์ต

สำหรับ ซาก้า หลังพลาดการลงสนามทำให้เขาหยุดสถิติสโมสรลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ในเกม พรีเมียร์ลีก อย่างต่อเนื่องเอาไว้ที่ 87 นัด

2. เรือใบสลับโผสามราย

แมนฯ ซิตี้ ปรับโผตัวจริงสามตำแหน่งจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดพิชิต แอร์เบ ไลป์ซิก เมื่อกลางสัปดาห์โดย มาเตโอ โควาซิช ถูกส่งลงบู๊เนื่องจาก โรดรี้ ติดโทษแบนในเกมลีก

พร้อมกันนี้ แจ็ค กรีลิช ก็หล่นไปรับบทตัวสำรองโดยมี ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ออกสตาร์ตเช่นเดียวกับ นาธาน อาเก้ ที่เบียด มานูเอล อาคันจี หลุดโผ 11 คนแรก

กระนั้นก็ดี กุนซือสแปนิชทำเซอร์ไพรส์ด้วยการดัน ริโก้ ลูอิส แบ็คซ้ายดาวรุ่งให้ขยับขึ้นไปสวมบทมิดฟิลด์ ขณะที่ เอแดร์ซอน เฝ้าเสาในเกมนี้เป็นนัดที่ 300 ให้ แมนฯ ซิตี้ ในการรับใช้สโมสรเป็นซีซั่นที่เจ็ดของเขา

3. โชคดีของ ราย่า และ โควาซิช

เป็นอันชัดเจนว่า มิเกล อาร์เตต้า วางตัวให้ ดาบิด ราย่า สวมบทประตูมือหนึ่งอย่างเป็นทางการแล้วเนื่องจากอดีตนายทวารทีม เบรนท์ฟอร์ด ได้ออกสตาร์ตเกมบิ๊กแมตช์

อย่างไรก็ดี ช่วงต้นเกมมือกาวสแปนิชออกท่าทางลุกลี้ลุกลนหลายหนอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพยายามสร้างเกมขึ้นมาจากแดนหลัง แต่เกิดความผิดพลาดจนเกือบเสียประตูอย่างง่ายดายซึ่งหากเป็นอย่างนั้นก็ไม่แน่ว่าเขาอาจเสียตำแหน่งคืนให้กับ อารอน แรมสเดล ในเกมหน้าก็เป็นได้

นอกจากฝั่งทีม ปืนใหญ่ แล้ว โควาซิช ก็ดวงเฮงไม่แพ้กันเนื่องจากเข้าปะทะใส่ มาร์ติน โอเดการ์ด จนได้ใบเหลือง แถมถัดมาอีกไม่กี่นาที อดีตกองกลาง เชลซี ปรี่เข้าทำฟาวล์ เดแคลน ไรซ์ ในลักษณะเดียวกันจนก้ำกึ่งว่าอาจได้เหลืองที่สอง ดีที่ว่าผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ยังใจดีเปิดโอกาสให้ดาวเตะโครเอเชียได้อยู่ในสนามต่อ

สำหรับสถิติหลังจบครึ่งแรกซึ่งทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0 แม้เจ้าบ้านจะเป็นรองในเรื่องการครองบอล 45:55% แต่พวกเขาได้ยิงมากกว่า 5 ครั้ง แม้จะไม่เข้ากรอบเลยก็ตาม ขณะที่แชมป์เก่าได้ลอง 3 ครั้ง และเข้ากรอบ 1 ครั้ง


4. แชมป์เปลี่ยนโฉม?

หากจะมีทีมไหนที่สามารถโค่น แมนฯ ซิตี้ ให้ตกจากบัลลังก์แชมป์ในซีซั่นนี้ได้ กูรูหลายรายพากันส่งเสียงเห็นพ้องว่ารองแชมป์เก่าจากเมืองกรุงคือทีมนั้น และบางที เดอะ กันเนอร์ส อาจแสดงให้เห็นในเกมนี้เมื่อสามารถปลดแอก เรือใบสีฟ้า ได้แล้วหลังแพ้ให้กับทีมเงินถังในเกมลีกมาจนชาชิน

แน่นอนว่าแม้ลูกยิงของ มาร์ติเนลลี่ ในช่วงสี่นาทีสุดท้ายจะแฉลบ อาเก้ ตุงตาข่าย แต่จากภาพรวมทีม ปืนใหญ่ แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีดีพอที่จะเอาชนะ เรือใบสีฟ้า ได้โดยเฉพาะฟอร์มในครึ่งหลังที่ทีมเจ้าบ้านสร้างปัญหาให้กับอาคันตุกะได้หลายหนจนกระทั่งคว้าชัยชนะไปได้จากประตูของดาวเตะชาวเมืองกาแฟ

แต่ถ้าจะให้ดี บางที อาร์เตต้า อาจสมควรต้องลงทุนเพิ่มอีกในช่วงปีใหม่กับการมองหากองหน้าตัวเป้ามาเสริมเหมือนที่บรรดาคอมเมนเตเตอร์บ่งชี้ว่าทีมดังแห่งกรุงลอนดอนขาดตัวจบสกอร์ที่มีความเด็ดขาดมากพอ และสมควรคว้า ไอแวน โทนีย์  มาร่วมชายคาทันทีที่หัวหอกทีม เบรนท์ฟอร์ด พ้นโทษแบน

และจะว่าไปไอเดียนี้ถือว่าเข้าท่าดีไม่หยอกเพราะมันน่าจะช่วยส่งเสริมทำให้ อาร์เซน่อล มีโอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มากขึ้นอย่างเกมนี้พวกเขามีโอกาสคลำเป้า แมนฯ ซิตี้ หลายหน แต่ปราศจากความเฉียบคมจึงต้องรอประตูของ มาร์ติเนลลี่ นานจนถึงนาทีที่ 86

จบ 90 นาที อาร์เซน่อล ยกระดับเกมขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมโดยครองบอลเป็นรองทีมเยือนเหลือแค่ 49:51% แถมได้ส่องยิงมากถึง 12 ครั้ง แต่อย่างที่บอกว่าพวกเขาสมควรมองหากองหน้าจำพวกโป้งปิดบัญชีเนื่องจากส่งบอลเข้ากรอบได้แค่ 2 หน ขณะที่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า แย่กว่าเยอะเพราะได้ยิงทั้งเกมแค่ 4 ครั้ง และเข้ากรอบครั้งเดียว

5. ฮาลันด์ ลดความอันตราย

หลังจากซีซั่นก่อนพังประตูได้อย่างระเบิดเถิดเถิงจึงเป็นธรรมดาที่ซีซั่นนี้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ จะมีผลงานที่ตกลงไปเล็กน้อยเพราะคงเป็นเรื่องบ้าบอหากดาวยิงทีมชาติ นอรเวย์ จะทุบสถิติของตัวเองเมื่อซีซั่นก่อนได้

ว่าแล้วในเมื่อกองหน้าร่างยักษ์เริ่มหมดกระสุน แมนฯ ซิตี้ ก็พลอยแย่ไปด้วย กระทั่งว่าในเกมบุกไปแพ้ วูล์ฟส์ ฮาลันด์ ก็ไม่อาจสอยตาข่ายช่วยให้ทีมคว่ำ หมาป่า ได้ มันจึงกลายเป็นการลดความน่ายำเกรงของทีมมหาเศรษฐีลงไปไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น หลังแพ้ อาร์เซน่อล กวาร์ดิโอล่า จำเป็นต้องอาศัยช่วงพักเบรกเกมทีมชาติคิดทบทวนหาทางทำให้ เรือใบสีฟ้า กลับมาเป็นทีมที่น่าเกรงขามดังเดิมให้ได้เนื่องจากสถิติที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม บ่งบอกว่าทีมของเขามีโอกาสยิงประตู อาร์เซน่อล ตลอด 90 นาทีแค่สี่ครั้งเท่านั้นซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดของยอดกุนซือสแปนิชในเกมลีกนับตั้งแต่แมตช์ที่เขากุมบังเหียน บาร์เซโลน่า ปะทะกับ เอสปันญ่อล เมื่อเดือนเม.ย.2010 ซึ่งทีมดังแห่งกาตาลันมีโอกาสสับไก 4 ครั้งเช่นกัน

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปหลังพ้นช่วงเบรกเกมทีมชาติ อาร์เซน่อล จะบุกไปเล่นเกมดาร์บี้แมตช์กับ เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในวันเสาร์ที่ 21 ต.ค. ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ จะเปิดรังต้อนรับ ไบรท์ตัน ในวันเดียวกัน


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport