วาตารุ เอ็นโด เปิดใจในห้วงอารมณ์ที่เหมือนจะคิดถึงบ้านมาก ๆ
"วันนี้เป็นวันสำคัญ เมื่อลูก ๆ 4 คนของผมจะเข้าเรียนที่โรงเรียนใหม่"
"ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาหาที่เรียนใหม่นี้เจอได้ยังไง แต่ผมตั้งตารอที่จะได้ยินเรื่องเหล่านั้นด้วยตัวเอง"
"ผมดีใจที่ในที่สุดครอบครัวของผมจะได้มาอยู่ที่นี่สักที เราเพิ่งย้ายเข้าบ้านใหม่กันและทุกอย่างก็กำลังไปได้สวย"
"ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เจอหน้าพวกเขา สำหรับผมแล้วครอบครัวคือทุกอย่างเลยล่ะ" เขากล่าวกับ ดิ แอธเลติก
เอ็นโด กลับไปหาครอบครัวพร้อมข่าวที่จะบอกกับพวกเขาด้วยตัวเอง
นั่นคือการที่เขาได้เป็นตัวจริงใน แอนฟิลด์ เป็นนัดแรก และมันเป็นเกมที่เล่นได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ ลิเวอร์พูล ด้วย
.
.
.
จากเกมกับ เลสเตอร์ มันคือก้าวสำคัญช่วงระหว่างกระบวนการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการ
การเข้ามาของ เอ็นโด คือการแก้ไขปัญหา เมื่อ ลิเวอร์พูล ต้องเสีย ฟาบินโญ่ และพลาดหวังการคว้า มอยเซส ไกเซโด้ กับ โรเอโอ ลาเวีย
คล็อปป์ ให้นิยามว่าการที่ เอ็นโด อายุมากขนาดนี้จึงจำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมให้เหล่าเจ้าของทีมเชื่อมั่นว่าการจ่ายเงินเพื่อนักเตะวัย 30 ปีมันเป็นดีลที่สมเหตุสมผล และยอมผ่อนปรนต่อนโยบายการเสริมทัพที่มักเน้นไปที่การซื้อนักเตะที่อายุน้อยกว่านี้
เป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคยนักที่ ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญาผู้เล่นที่อายุแตะหลักเลขสาม แถมยังเซ็นสัญญายาวอีก 4 ปี
เขาไม่ใช่แค่อะไหล่ และชัดเจนมากไปอีกที่ ลิเวอร์พูล ไม่คว้ากองกลางหมายเลข 6 เข้ามาเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรองในเกมเจอ บอร์นมัธ
ออกสตาร์ทเกมเยือน นิวคาสเซิ่ล แต่ถูกเปลี่ยนตัวออก
สามเกม พรีเมียร์ลีก ที่ผ่านมา คล็อปป์ ชื่นชอบ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับบทบคุมปักหลังคุมเกม
เอ็นโด ทำได้เพียงลงตัวจริงเกม ยูโรปา ที่บุกเยือน แอลเอเอสเค แล้วก็ถูกเปลี่ยนตัวออกตอนต้นครึ่งหลัง
และพอมาบอลถ้วย คาราบาว คัพ ตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม 90 นาที
เอ็นโด ตอบสนองต่อสิ่งที่ คล็อปป์ พูดออกมา ที่ว่าเขามีนิสัยดีและสุภาพมากเกินไปจนเหมือนเป็นการส่งผลเสีย
ซึ่ง เอ็นโด สามารถภูมิใจกับผลงานตัวเองเกมที่ แอนฟิลด์ วันนั้นได้เลย
เขาผ่านบอลสำเร็จ 47 จาก 52 ครั้ง (90%)
แย่งบอลกลับมาครอบครองได้อีก 13 หน
ตัดบอล 4 ครั้งและเอาชนะการดวลลูกกลางอากาศ 4 รอบ
เอ็นโด ดูมีความนิ่งมากกว่าเดิม เขาไม่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่ถูกสั่งให้ทำ และเล่นกับบอลได้อย่างชาญฉลาด
"ผมมีความสุขมากๆ ผมคิดว่าผมทำผลงานได้ดีมากกว่าเกมอื่นๆ ผมมีความสุขที่ผมสามารถแสดงให้เห็นว่าผมเป็นใคร"
"ในส่วนของเกมรับผมพยายามปรับตัวก็อย่างที่ผมเล่นในช่วงครึ่งหลังของเกม"
"ผมอยากเล่นให้ได้เหมือนกับเกมพบ นิวคาสเซิ่ล และฟุตบอลถ้วยยุโรป แต่ผมเข้าใจว่าผมต้องการเวลาอีกสักพัก"
"มันรู้สึกดีที่ได้ลงเล่นครบ 90 นาที และผมรู้สึกเหมือนผมจะสามารถสร้างความแตกต่างได้"
"ถ้าผมยังคงรักษาฟอร์มการเล่นเหมือนอย่างที่ผมทำได้ในครึ่งหลัง ผมหวังว่าผมจะได้ลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกมากขึ้น"
"ผมรู้สึกพร้อมเต็มที่ ผมต้องแสดงผลงานให้ได้แบบนั้นทุกเกม"
ขณะที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซโบซไล ต่างปรับตัวได้เร็วพร้อมกับมีผลงานอันโดดเด่นหลังได้เต็มที่กับช่วงปรี-ซีซั่นเต็มรูปแบบ
ฝั่ง เอ็นโด เองก็ยังต้องเรียนรู้ต่อไป เช่นเดียวกับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก อีกหนึ่งมิดฟิลด์หน้าใหม่วัยละอ่อน
ในแง่ของแท็กติกและระดับของความคาดหวัง
การเล่นให้ ลิเวอร์พูล ต่างจากสิ่งที่ เอ็นโด เคยเจอสมัยอยู่กับ สตุ๊ตการ์ท ราวฟ้ากับเหว ลิเวอร์พูล
ยุค คล็อปป์ เต็มไปด้วยนักเตะที่ช่วงแรกจะเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอผ่านไปสักพักแล้วจะระเบิดฟอร์มเก่งได้ อย่างเช่น ฟาบินโญ่ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
"ระบบมันต่างออกไป เกมของที่นี่ก็เล่นกันเร็วกว่า และตำแหน่งการยืนที่ผมต้องทำกับที่นี่ก็ถือว่าสูงกว่าที่ผมเคยเล่นมา" เอ็นโด ระบุ
"ผู้จัดการทีมไม่ได้แค่อยากให้ผมยืนอยู่หน้ากองหลังเท่านั้น ผมต้องขยับขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าปกติและพยายามเอาบอลมาครองให้ได้ตลอดเวลาด้วย"
"ที่นี่เราจำเป็นต้องชนะให้ได้ในทุกนัดที่ลงเล่น แต่ผมไม่รู้สึกกดดันกับเรื่องนั้นเลย"
"ผมเป็นคนที่หลงตัวเอง แต่ผมมีหลักความคิดว่าที่ผมได้มาอยู่ที่นี่ก็เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในตัวผม"
"มันน่าตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ นี่คือฝันที่เป็นจริงสำหรับผมและผมก็กำลังสนุกกับมันอยู่ จนถึงตอนนี้เราทำได้เยี่ยมเลย"
.
.
.
ลิเวอร์พูล ชนะได้ 7 นัดติดต่อกันในทุกรายการ และในจำนวนนั้นก็เป็นการแซงกลับมาชนะหลังโดนนำไปก่อนถึง 5 นัด
นอกจากนี้พวกเขายังชนะด้วยสกอร์ 3-1 เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันด้วย
เอ็นโด มีส่วนร่วมอย่างมากในเกมที่แซงกลับมาชนะได้นัดล่าสุด หลังจากเก็บบอลที่เพื่อนเคลียร์ออกมาได้ เขาก็ผ่านบอลให้ กราเฟนแบร์ก จนนำไปสู่ประตูตีเสมอของ โคดี้ กัคโป
จากนั้นเขาก็เก็บบอลที่หลุดจากการครอบครองในแผงกลางมาเล่น, ชั่งใจตัวเลือก และแทงบอลให้ โซโบซไล ได้อย่างยอดเยี่ยม
ซึ่งดาวเตะชาวฮังกาเรียนก็มีเวลาและพื้นที่ว่างมากพอที่จะตั้งท่าให้ดีก่อนที่จะยิงเสียบสามเหลี่ยมบนอย่างสุดสวย
หลังจากทำแอสซิสต์แรกของเขาในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล เอ็นโด ก็เล่นเกมรับได้ยอดเยี่ยมหลายจังหวะ
ก่อนที่ประตูของ ดีโอโก้ โชต้า จะเป็นการตอกย้ำชัยชนะให้ ลิเวอร์พูล พร้อมกับตีตั๋วให้พวกเขาเข้าสู่รอบ 4 ไปเยือน บอร์นมัธ ต่อไป
"ลองดูผลงานของ วาตารุ สิ พอผ่านไปสักพักเขาก็ปรับตัวเข้ากับเกมได้และเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในครึ่งหลัง"
"เขาแย่งบอลมาครองได้ดีและผ่านบอลสวย ๆ ได้" คล็อปป์ เผย
"เขาแทงบอลทะลุแนวรับของคู่แข่งได้บ่อยพอตัวเลย เขาเล่นได้สุดยอดมาก ๆ"
แม้ว่าจนถึงตอนนี้ แม็ค อัลลิสเตอร์ จะทำผลงานในตำแหน่งเบอร์ 6 ให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ดี แต่นั่นก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาถนัด
การทำให้ เอ็นโด พร้อมสำหรับการเล่นให้ทีมในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้จะช่วยทำให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ ขยับขึ้นไปเล่นในตำแหน่งที่สูงกว่าที่ผ่าน ๆ มาได้
ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเรื่องน่ายินดีสำหรับ คล็อปป์ ผลงานอันโดดเด่นของ โซโบซไล เป็นประเด็นหลักที่หลายคนพูดถึงกัน
แต่การที่ เอ็นโด โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับความท้าทายที่รออยู่
หลังจากปรับตัวกับชีวิตนอกสนาม เขาก็เริ่มพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของตัวเองได้แล้ว
HOSSALONSO