ถึงแม้การแข่งขันห้าลีกใหญ่ของยุโรปฤดูกาล 2023-24 กำลังอยู่ในช่วงเพิ่งออกตัวเท่านั้น แต่ก็มีกุนซือชื่อดังหลายคน ที่พาทีมทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน หรือไม่ได้ตามที่ถูกคาดหวัง จนเริ่มสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากทั้งสื่อและแฟนบอล และนี่คือ 5 โค้ชลูกหนังที่กำลังทำงานอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักหน่วง ณ เวลานี้ (อ้างอิงจาก footballtransfers.com)
- เอริค เทน ฮาก (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
กุนซือชาวดัตช์วัย 53 ปี เข้ามานำทัพ "ปีศาจแดง" ได้อย่างมีความหวัง เพราะแค่ฤดูกาลแรกในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด (ซีซั่นที่ผ่านมา) ก็พาทีมติดท็อปโฟร์ พ่วงด้วยตำแหน่งแชมป์ คาราบาว คัพ จนแฟนบอลของทีมเริ่มมองถึงเป้าหมายที่อยู่สูงขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง เพราะฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ไปแล้วถึง 4 จาก 8 นัดที่ลงแข่งรวมทุกรายการ แถมรูปแบบการเล่นก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ถึงกระนั้นก็น่าเห็นใจ เทน ฮาก เพราะนอกจากผลงานที่น่าผิดหวังของทีมแล้ว ยังต้องรับมือกับปัญหานอกสนามของ เมสัน กรีนวู้ด, อันโตนี่ และ เจดอน ซานโช อีกด้วย ดังนั้นจึงเชื่อว่า เทน ฮาก คงไม่โดนปลดเร็วๆ นี้แน่นอน และสโมสรคงรอดูสถานการณ์อีกสักระยะ อย่างน้อยก็ถึงช่วงกลางซีซั่น
- เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (เชลซี)
ท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของทีมชาวอเมริกัน ลงทุนเสริมทัพด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยความหวังที่จะเห็น "สิงห์บลูส์" กลับมาผงาดอีกครั้ง หลังจบที่อันดับ 12 ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลก่อน
อย่างไรก็ตาม โปเช็ตติโน่ ที่เพิ่งเข้ามารับงานในฤดูกาลนี้ กลับพาทีมทำผลงานน่าผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน พรีเมียร์ลีก ที่ เชลซี เพิ่งเก็บชัยชนะได้แค่นัดเดียว จากการลงแข่ง 6 นัด แถมยิงประตูน้อยนิดแค่ 5 ลูกเท่านั้น และเมื่อมองดูโปรแกรมช่วง 10 เกมข้างหน้า พวกเขาจะต้องเจอกับคู่แข่งอย่าง อาร์เซน่อล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูแล้วเราอาจจะได้เห็น "พอช" นั่งเก้าอี้กุนซือ เชลซี ไม่ถึงครึ่งทางของฤดูกาลก็ได้
- มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี (ยูเวนตุส)
ถึงแม้ตอนนี้ ยูเวนตุส รั้งอันดับสาม ในตารางคะแนน เซเรีย อา แต่แฟนบอล "ม้าลาย" หลายคนไม่ค่อยชอบการคุมทีมของ กุนซือชาวอิตาเลียนวัย 56 ปี สักเท่าไหร่
ต่อให้ อัลเลกรี ได้รับการหนุนหลังจากบอร์ดบริหารสโมสรมาตลอด แต่ถ้า ยูเว่ ได้ผลการแข่งขันที่ย่ำแย่แบบติดๆ กันสักชุด ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือได้เช่นกัน แถมโปรแกรมช่วง 10 เกมต่อไป ต้องเจอกับของแข็งอย่าง อตาลันต้า, โตริโน่, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน และ นาโปลี ด้วย
- รูดี้ การ์เซีย (นาโปลี)
การ์เซีย เข้ามาคุมทีมแทน ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ผู้ที่พา นาโปลี ผงาดคว้าแชมป์ เซเรีย อา มาครองอย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาลก่อน ซึ่งนั่นก็ถือเป็นความกดดันที่เจ้าตัวต้องเจอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ถึงแม้ฤดูกาลนี้ ผลงานของ นาโปลี ยังไม่ถึงกับเลวร้ายอะไร แต่ก็ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อเทียบกับความคาดหวังจากแฟนๆ ที่เห็นทีมทำผลงานได้สุดยอดในฤดูกาล 2022-23 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลีกที่เพิ่งเก็บชัยชนะได้แค่ครึ่งเดียว (3 จาก 6 นัด) เท่านั้น แถมสองแข้งดาวเด่นของทีมอย่าง ควิชา ควารัตสเคเลีย และ วิคเตอร์ โอซิมเฮน เล่นไม่แจ่มเหมือนเดิมด้วย
- เอดิน แทร์ซิช (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)
ฤดูกาลที่แล้ว ดอร์ทมุนด์ เบียดลุ้นแชมป์ บุนเดสลีกา กับ บาเยิร์น มิวนิค อย่างสูสีจนถึงนัดสุดท้าย และก็พลาดไปแบบสุดเจ็บปวด ซึ่งถึงแม้ฤดูกาลนี้ "เสือเหลือง" ยังไม่แพ้ใครในลีก หลังลงแข่ง 5 นัด (ชนะ 3 เสมอ 2) แต่ชัดเจนว่า ฟอร์มการเล่นไม่ดีเหมือนเดิม โดยเฉพาะการไม่มี จู๊ด เบลลิงแฮม คุมแดนกลาง
ส่วนในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาก็ดันอยู่ใน "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ที่มีคู่แข่งอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เอซี มิลาน และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ หลังจากที่เปิดหัวด้วยการบุกพ่าย เปแอสเช 0-2 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว
Subinho