ลิเวอร์พูล สามารถกลับมาสู่เส้นทางการคว้าชัยชนะได้อีกครั้ง หลังทำผลงานได้สุดยอดในแมตช์ทุบ เรนเจอร์ส 2-0 ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยสิ่งที่น่าประทับใจนอกจากสกอร์แล้ว ฟอร์มการเล่นและระบบที่ใช้ถือว่าโดดเด่นมากๆ
หลังจากเริ่มต้นฤดูกาล 2022/2023 ได้น่าผิดหวังเหลือเกิน โดย "หงส์แดง" มีเพียงแค่ 10 คะแนนจาก 8 เกมลีก รวมถึงการพ่ายยับ นาโปลี 1-4 ในนัดเปิดสนาม "ถ้วยใบโตยุโรป" ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจปรับเลี่ยนแผนการเล่นเพื่อให้ทีมมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ปกติแล้ว "บอส" มักจะนิยมชมชอบการเล่นแผน 4-3-3 นับตั้งแต่ที่เข้ามาคุมทีมแทนที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เมื่อ 7 ปีก่อน และแทบจะไม่เคยเปลี่ยนแท็กติกเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ของทีมที่เล่นได้น่าผิดหวัง กอปรกับคู่แข่งจับทางได้แล้ว คล็อปป์ จำเป็นต้องคิดไอเดียอย่างอื่นเพื่อหยุดหายนะของทีมให้เร็วที่สุด
ในแมตช์กับ เรนเจอร์ส, กุนซือชาวเยอรมัน เลือกใช้ระบบ 4-4-2 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ดาร์วิน นูนเญซ กับ ดีโอโก้ โชต้า สวมบทคู่หูแดนหน้า ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ทำหน้าที่เป็นหัวใจในแดนกลาง
จากระบบ 4-4-2 ที่ดูแล้วได้ประสิทธิภาพอย่างสูง งานนี้ คล็อปปื อาจจะมี 4 แนวทางที่จะนำ "เดอะ เร้ดส์" เล่นด้วยระบบนี้
ฟาบินโญ่ อยู่ต่อ กับ เฮนเดอร์สัน พัก
มีการพูดกันเยอะมากเกี่ยวกับแผงมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ที่ค่อนข้างอ่อนยวบในเวลานี้ โดย เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่ ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานเหลือเกินในซีซั่นนี้
อย่างไรก็ตาม ดาวเตะชาวบราซิเลียน ยังคงเป็นนักเตะกำลังสำคัญสำหรับความสำเร็จของ คล็อปป์ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าสาวก "เดอะ ค็อป" น่าจะได้เห็นเขาลงสนามมากกว่า "เฮนโด้"
งานนี้ กัปตันทีมลิเวอร์พูล ต้องยอมรับความจริงว่าผลงานของเขาตั้งแต่ต้นฤดูกาลจนถึงตอนนี้ไม่โดดเด่น แถมยังไม่สามารถคุมจังหวะการเล่นในแดนกลางได้เลย ฉะนั้นหากเจ้าตัวไม่สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้ ก็คงต้องยอมรับกับการเป็นเพียงยางอะไหล่เท่านั้น
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไว้ใจได้มากกว่า นูนเญซ
นับตั้งแต่ที่ นูนเญซ ย้ายมาจาก เบนฟิก้า นักเตะยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งอย่างที่แฟนบอล "หงส์แดง" คาดหวังเอาไว้ ทั้งๆ ที่พวกเขาทุ่มเงินเป็นสถิติของสโมสรในการคว้าตัวเขามาเล่นที่แอนฟิลด์
การโดนใบแดงกับการเล่นในบ้านตัวเองถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายสุดๆ อย่างไรก็ตาม ดาวยิงชาวอุรุกวัย ได้แสดงให้เห็นถึงความกระหายในการที่จะยิงประตูอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถทำแบบนั้นได้
แมตชปะทะ เรนเจอร์ส เมื่อวันอังคาร นูนเญซ พลาดโอกาสทองเป็นกอบเป็นกำแต่อย่างน้อยๆ สิ่งที่น่าประทับใจก็คือนักเตะเริ่มแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ ฟีร์มีโน่ กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม โดยจัดการตะบันไปแล้ว 5 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ จากการเล่น 10 แมตช์ จุดเด่นของ "บ็อบบี้" ก็คือการลงมายืนต่ำเพื่อประสานงานกับแดนกลางซึ่งเหมาะอย่างมากกับระบบนี้
บังโม กับ โชต้า สวมบทหน้าคู่, เอลเลียตต์ ยืนปีก
ต้องยอมรับว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฟอร์มค่อนข้างฝืดในช่วงต้นซีซั่นนี้โดยเขาตะบันไปแค่ 5 ประตูจาก 11 เกม อย่างไรก็ตามนักเตะยังคงเป็นตัวเลือกในเกมรุกของ คล็อปป์ เสมอ
ขณะที่คู่หูของเขาในเวลานี้อาจจะเป็น โชต้า มากกว่า นูนเญซ เพราะด้วยประสบการณ์ที่เคยเล่นร่วมกันมา 2-3 ปีทำให้ทั้งสองคนน่าจะมีความเข้าใจกัน นอกจากนี้เรื่องภาษาที่ยังเป็นอุปสรรคกับหัวหอกชาวอุรุกวัย ทำให้เขาต้องยอมรับบทบาทอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองไปก่อน
สำหรับ เอลเลียตต์ ต้องยอมรับว่าเป็นแข้งดาวรุ่งพรสวรรค์สูงสามารถที่จะขยับไปยืนเป็นปีกขวาได้ แต่ด้วยการที่เขายังขาดประสบการณ์งานนี้ "บอส" คงเลือกส่ง เฮนเดอร์สัน ไปช่วยเป็นกำลังหนุนเพื่อให้นักเตะเล่นด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ซาลาห์กับนูนเญซ หอกคู่, โชต้า เล่นปีก
ลิเวอร์พูลมีชื่อเสียงในด้านฝีเท้าที่เฉียบคมในขณะที่จู่โจม โดยทั้ง ซาลาห์ และ นูนเญซ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นกองหน้าที่มีความว่องไว และรวดเร็วที่สุดไม่เป็นสองรองใคร
หลุยส์ ดิอาซ ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่นเสมอกับการเล่นทางปีกขวา และถือเป็นนักเตะที่ฟอร์มโดดเด่นเหนือเพื่อนร่วมทีมในฤดูกาลนี้ เพราะเขามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ "เดอะ เร้ดส์" เก็บคะแนนได้หลายแมตช์
ขณะที่ โชต้า มีโอกาสที่จะได้ลองปรับตัวเองไปเล่นทางปีกขวา เพราะความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวของเขาสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับคู่แข่งได้สบายๆ
ทอมเม้ง