หากมีใครสักคนได้ประโยชน์จากการที่ ลิเวอร์พูล ลงเล่น ยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้
คนคนนั้นคงเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์...
.
.
.
การเฝ้าเสาเกมทางการหนล่าสุด ต้องย้อนไปเมื่อ 116 วันที่แล้ว
มันเกิดขึ้นในนัดปิดฤดูกาล 2022/23 ที่เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 4-4 เมื่อ 28 พฤษภาคม
และหากนับเกมที่ลงเล่นต่อหน้า เดอะ ค็อป ที่ แอนฟิลด์ นั้น เวลาล่วงเลยไกลถึง 315 วัน
วันนั้นคือเกม คาราบาว คัพ รอบ 3 ที่ เคลเลเฮอร์ ป้องกัน 3 จุดโทษในช่วงดวลเป้า แล้ว ลิเวอร์พูล เขี่ย ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ร่วงตกรอบ
รอบต่อมาบนรายการดังกล่าว เคลเลเฮอร์ ยังยืนเฝ้าเสาต่อเนื่อง แต่ ลิเวอร์พูล บุกพ่ายต่อ แมนฯ ซิตี้ 2-3 ยุติเส้นทางไว้ที่รอบสี่
เคลเลเฮอร์ จึงเฝ้ารอโอกาสในบอลถ้วยที่เขามีหวังจะได้ลงเล่นอีกหนึ่งรายการ
อย่างไรก็ตาม เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจให้ อลีสซง เบ็คเกอร์ เป็นมือหนึ่งในศึก เอฟเอ คัพ ไม่ใช่เฉพาะแค่ พรีเมียร์ลีก กับ แชมเปี้ยนส์ ลีก
ถึงกระนั้น เคลเลเฮอร์ ยังได้โอกาสลงเล่นในเกมรีเพลย์ที่เจอ วูล์ฟส์ จนกระทั่ง ลิเวอร์พูล บุกแพ้ต่อ ไบรท์ตัน ในรอบต่อมา
นั่นหมายความว่าเวลาลงสนามของ เคลเลเฮอร์ ก็หมดลงอีกครั้ง
.
.
.
จริง ๆ แล้ว เคลเลเฮอร์ มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะเล่น พรีเมียร์ลีก สบาย ๆ เลยล่ะ
ลิเวอร์พูล ทราบดีถึงเรื่องนั้นจึงทำให้พวกเขาไม่อยากปล่อยตัว เคลเลเฮอร์ ออกไปง่าย ๆ
ลิเวอร์พูล อุ่นใจที่มี เคลเลเฮอร์ เป็นแบ็กอัปสำรอง เผื่อวันใดที่ อลีสซง ได้รับบาดเจ็บ
เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับ อลีสซง เท่านั้นเอง
และการที่เป็นอยู่แบบนี้มันส่งผลให้ เคลเลเฮอร์ สูญเสียตำแหน่งทีมชาติในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน กาวิน บาซูนู จาก เซาธ์แฮมป์ตัน ยึดครองตัวจริงในนามทีมชาติไอร์แลนด์ ไปเรียบร้อย
แม้ว่า บาซูนู จะอยู่ในลีกระดับ แชมเปี้ยนชิพ แต่เขาได้ลงเล่นเป็นประจำให้กับทีมของตัวเอง
ซึ่งนับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา เคลเลเฮอร์ ไม่ได้เล่นให้ "ยักษ์เขียว" อีกเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ เคลเลเฮอร์ จนเหมือนเป็นโดมิโน เอฟเฟ็ค
ตอนตลาดซัมเมอร์ ครึ่งหนึ่งของทีม พรีเมียร์ลีก ต่างเซ็นสัญญากับผู้รักษาประตูรายใหม่เพื่อเข้ามาเป็นมือหนึ่งหรือดึงเพื่อเข้ามาท้าทายกับคนที่มีอยู่
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด เป็นสามทีมที่สนใจในตัว เคลเลเฮอร์
แต่ท้ายสุด ทั้งหมดหันไปหาตัวเลือกอย่าง กูเยลโม่ วิคาริโอ (17 ล้านปอนด์), บาร์ท แฟร์บรุกเก้น (16.3 ล้านปอนด์) และ มาร์ค เฟลคเคน (11 ล้านปอนด์)
ฝั่ง ลิเวอร์พูล แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมขายก็ต่อเมื่อได้รับข้อเสนอที่น่าประทับใจ และขีดเส้นใต้ตัวโต ๆ ไว้ว่าหากเป็นเพียงข้อเสนอการยืมตัวก็จะไม่คุยด้วย
แล้วพอถึงวันปิดตลาดซื้อ-ขาย ไม่มีข้อเสนอแบบใด ๆ ยื่นเข้ามา เคลเลเฮอร์ ก็ยังอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อไป
.
.
.
เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่า เคลเลเฮอร์ อยากได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมระดับสูงกับที่อื่น
แต่เป็นเขาเองที่ไม่เคยบ่นอะไรเลยหลังจากตลาดปิดตัว
เคลเลเฮอร์ เลือกก้มหน้าก้มตาทำงานหนักต่อไป เหมือนที่เขาทำมาโดยตลอดจนได้รับคำชม
คำถามคือ เคลเลเฮอร์ จะทนรอแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน ?!
แดนนี่ วอร์ด เคยเจอกรณีเดียวกันเมื่อตอนซัมเมอร์ ปี 2018
วอร์ด อยากได้รับโอกาสลงเล่นในระดับเดียวกับ ซิมง มิโญเล่ต์ และ ลอริส คาริอุส หลังจากก่อนหน้านั้นเขาทำได้ดีตอนไปเล่นกับ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ แบบยืมตัว
สุดท้าย วอร์ด ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นทีมที่เขามองว่าตัวเองมีโอกาสเป็นมือหนึ่งสูง
จริงอยู่ว่า มันเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่า อลีสซง เพิ่งย้ายเข้ามาด้วยค่าตัวที่สูงเป็นสถิติโลก
ทว่าการที่ วอร์ด ไปไม่สวยกับที่ เลสเตอร์ แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของการตัดสินใจ
นายด่านชาวเวลส์ คิดว่าตัวเองจะแทนที่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ที่ตอนนั้นตกเป็นข่าวกับ เชลซี
แต่บทสรุปคือเขาต้องเป็นตัวสำรองของ ชไมเคิ่ล เป็นเวลา 4 ปี เพราะตอนนั้น ลูกชาย ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เลือกอยู่กับ เลสเตอร์ ต่อ
คล็อปป์ เคยพูดเองว่าจำเป็นต้องให้ เคลเลเฮอร์ ลงเล่นมากพอในปี 2022
หลังจาก เคลเลเฮอร์ เคยมีบทบาทสำคัญในการพา ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศของ คาราบาว คัพ
อย่างไรก็ตาม นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 18 เดือนก่อน
ตอนนั้น เคลเลเฮอร์ เพิ่งอายุ 23 ปี ซึ่งการเป็นตัวสำรองมันไม่ใช่ปัญหาอะไร
แต่พอถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ เขาจะอายุ 25 ปีแล้ว และเวลามันก็ค่อย ๆ หมดไปเรื่อย ๆ
เคลเลเฮอร์ อาจจะได้รับคำชมว่าเป็นหนึ่งในนายทวารมือ 2 ที่ดีที่สุดของลีก และมีดีพอที่จะเป็นตัวจริงได้
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับโอกาสที่จะได้เป็นมือ 1 จริงๆ ถือว่าน้อยมาก ๆ
เขาได้ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก แค่ 5 นัด และประสบการณ์ทีมชุดใหญ่เพียง 21 เกม ส่วนใหญ่มาจากเกมบอลถ้วยในประเทศด้วยซ้ำ
ทางตรงกันข้าม คนที่อายุมากกว่า เคลเลเฮอร์ แค่ 6 เดือนอย่าง แอร่อน แรมส์เดล ของ อาร์เซน่อล ที่กำลังแย่งชิงตำแหน่งมือหนึ่งกับ ดาบิด ราย่า ได้สัมผัสเกมแบบจริงจังไปกว่า 200 นัด และส่วนใหญ่เป็นเกมลีก
ขณะที่ แฟร์บรุกเกน และ เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด ของ เบิร์นลี่ย์ ต่างก็มีอายุน้อยเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก อย่างต่อเนื่อง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เคลเลเฮอร์ ได้ประโยชน์มากแค่ไหนกับการได้ซ้อมกับยอดผู้รักษาประตูอย่าง อลีสซง และโค้ชโกลมือดี อย่าง จอห์น อัชเตอร์เบิร์ก
ทีมสตาฟฟ์ของ ลิเวอร์พูล พูดชมคุณภาพของเขาอย่างต่อเนื่อง และมองว่าเขาเป็นมือสองที่สมบูรณ์แบบ
แต่คำถามก็ย้อนกลับไปอีกว่า เคลเลเฮอร์ พร้อมที่จะยอมรับสถานการณ์นั้นนานแค่ไหน
และถ้าเกิด ลิเวอร์พูล ไม่สามารถการันตีได้ว่าเขาจะได้เป็นตัวจริงในอนาคตแล้วล่ะก็
ใครจะมอบโอกาสนั้นให้เขาได้ ?
-HOSSALONSO-