การทำประตูน.90+มากกว่าปีก่อน9เท่า!

การทำประตูน.90+มากกว่าปีก่อน9เท่า!
นับเฉพาะ 5 เกมแรกของฤดูกาล พรีเมียร์ลีกซีซั่น 2023/24 นี้มีการทำประตูในนาที 90+ มากกว่าฤดูกาลที่แล้วถึง 9 เท่า!

ใช่ครับ.. 9 เท่า

จาก 2 ประตูพุ่งพรวดเป็น 18 ประตูที่เราได้เห็นเฉพาะช่วงทดเวลาหลังนาที 90 มันคือประตูในนาที 90+ เพียวๆ ไม่เกี่ยวกับประตูในช่วงทดเวลาครึ่งแรก

มันคือสถิติที่สร้างแรงสั่นสะเทือนได้มากและยิ่งทำให้พรีเมียร์ลีกเข้มข้นขึ้นไปอีก การได้เห็นการทดเวลา 8 นาที 10 นาที 12 นาทีทำให้อะดรีนาลีนยิ่งฉีดพล่าน คุณยังมีความหวังแม้จะเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ในตอนนั้น

อย่างเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอุดมไปด้วยความดราม่าจากประตูช่วงท้ายเกม ใน 24 ประตูที่ทุกทีมทำได้รวมกัน มี 8 ประตูที่เกิดขึ้นในช่วงห้านาทีสุดท้าย และในจำนวนนั้นมีถึง 5 ลูกที่ยิงกันในช่วงทดเวลา

และเกือบทุกประตูสำคัญในระดับกระชากคะแนนหรือกระทั่งโกงความตาย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงฝัง เวสต์แฮม นาที 86

ลิเวอร์พูล ยิงแซง วูล์ฟแฮมป์ตัน นาที 85 ก่อนยิงฝังหมาป่านาที 90+1

แอสตัน วิลล่า ยิงตีเสมอ คริสตัล พาเลซ นาที 87.. ยิงแซงนาที 90+8.. และยิงฝังนาที 90+11

สเปอร์สคือที่สุดของที่สุด ทดเวลาผ่านไปเจ็ดนาทีแล้วยังตามหลัง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อยู่เลยแต่แล้ว ริชาร์ลิซอน ที่ชีวิตกำลังดำดิ่งอย่างหนักตลอด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เปลี่ยนตัวลงมาโหม่งตีเสมอนาที 90+8 จากนั้นอีกไม่กี่อึดใจก็ไหลบอลให้ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ตะบันประตูชัยนาที 90+10

ดราม่าทะลักปรอท.. ความเข้มข้นอย่างนี้ยิ่งเป็นเสน่ห์ที่มัดใจแฟนบอล

ฤดูกาลนี้พรีเมียร์ลีกนำเอาการทดเวลาตามจริงอย่างที่ใช้ในฟุตบอลโลกหนล่าสุดมาใช้เป็นครั้งแรก สถิติการทำประตูหลังนาทีที่ 90 จึงเพิ่มขึ้นชนิดก้าวกระโดดอย่างที่เห็น

ถามว่าเป็นเรื่องที่ดีไหมก็คงต้องขึ้นอยู่กับว่าเรามองมันจากฝั่งไหน ถ้าจากฝั่งนักฟุตบอลมันอาจจะเป็นอย่างที่ ราฟาแอล วาราน เคยระบายความรู้สึกผ่านแถลงการณ์ หรือนักฟุตบอลทั้งปัจจุบันและอดีตคนอื่นๆ บางคนที่เข้าใจดีถึงความเหนื่อยแทบขาดใจในช่วงท้ายเกม

เราคนดูอาจจะบอกว่าก็เกมมันเต็มไปด้วยการเสียเวลาทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ บอลที่ควรจะอยู่ในสนามก็หยุดเล่นเพราะนักเตะนอนเจ็บบ้าง เปลี่ยนตัวบ้าง ดีใจหลังยิงประตูกันบ้าง แต่สำหรับคนที่เตะบอลในสนามแล้วพวกเขาเหนื่อยจริงๆ ครับ เวลาที่เสียไปเหล่านั้นคือเวลาที่พอจะได้พักหายใจหายคอได้บ้าง

หากในแง่คุณภาพของเกมฟุตบอลแล้ว ค่าเฉลี่ยที่บอลอยู่ในสนามแค่ 55 นาทีจาก 90 นาทีเต็มมันก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลจริงๆ ผมคิดว่าเราแฟนบอลยอมรับได้เรื่องที่บอลเล่นในสนามจะไม่เต็มเวลาเป๊ะๆ อย่างฟุตซอล บาสเกตบอล หรือกีฬาอื่นๆ ที่เวลาจะหยุดเดินถ้าบอลตาย แต่ขอให้ตัวเลขขยับสูงขึ้นกว่านี้ไม่ให้น้อยจนน่าเกลียดเกินไปได้ไหม

จริงๆ แล้วการทดเวลาตามจริงช่วยแก้ปัญหาเรื่องการตั้งใจถ่วงเวลาได้มากนะครับ คือเราต้องคัดกรองเวลาที่สูญเสียไปออกมาแบบหยาบๆ ก่อนว่า เวลาที่เสียไปโดยยอมรับได้ กับเวลาที่เสียไปโดยยอมรับไม่ได้

บอลออกหลัง บอลออกข้าง เปลี่ยนตัว นักเตะถูกเสียบเจ็บ เวลาที่เสียไปเหล่านี้เรายอมรับได้ แต่จงใจเตะบอลทิ้ง จงใจนอกเกมให้เสียเวลา จงใจนอนกลิ้งแกล้งเจ็บนานๆ เพื่อถ่วงเวลา มันก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ายอมรับจริงๆ ซึ่งความรู้สึกตรงนี้ไม่ใช่เป็นแค่แฟนบอลเท่านั้นหรอกแต่เพื่อนร่วมอาชีพที่กำลังต้องการทุกวินาทีในสนามที่กำลังเล่นอยู่ด้วยกันก็ต้องการมันด้วย

คุณเบียดบังเวลาเหล่านั้นไปโดยไม่สุจริต มันก็ไม่ควรอยู่ในข่ายความสมควรให้เห็นใจ เจ็บ 1 นอนสัก 2 หรือ 3 เพราะเหนื่อย แข้งขาล้า ลุกไม่ขึ้นหรือไม่ค่อยอยากจะลุกนั้นแฟนบอลเข้าใจ เห็นใจ และยอมรับได้ แต่เจ็บ 1 นอน 8 นอน 10 นั้นก็น่าเกลียดไปหน่อย แต่มันเป็นภาพที่เราได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ

ในฟุตบอลโลกที่ผ่านมาช่วงแรกๆ แต่ละทีมก็ตกตะลึงกับการทดเวลาเช่นกัน แต่เมื่อทัวร์นาเม้นต์ผ่านไปบรรดานักเตะก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎใหม่ การทดเวลาในรอบน็อกเอ๊าต์ไม่ค่อยได้เห็นการชูป้ายบอกเวลา 10 กว่านาทีถี่ยิบอย่างในรอบแรกเท่าไหร่แล้วเพราะทุกคนรู้ว่าถ่วงเวลาไปก็ไม่มีประโยชน์ นอนกลิ้งโอดโอยเจ็บจริงแค่ 1 แต่นอน 10 จะถูกเอาไปทดทั้งหมดก็ไม่มีใครอยากนอนให้ต้องมาเหนื่อยชดใช้มันทีหลัง

เวลาที่ทดก็ค่อยๆ ปรับกลับสู่ภาวะปกติ แน่นอนมันยังมากกว่าที่คุ้นเคยกันอยู่ดีเพราะมันรวมเวลาทดในกรณีอื่นๆ เข้าไปด้วย กระนั้นเวลาที่เสียไปจากการถ่วงเวลาก็หายไปจนแทบไม่เหลืออีกแล้ว เวลาที่ทดจึงเป็นเวลาคุณภาพ ความยืดเยื้อเอื่อยเฉื่อยน่ารำคาญที่ถูกกำจัดไปก็นำมาซึ่งเกมฟุตบอลที่สนุกขึ้น แฟนบอลได้เห็นบอลอยู่ในสนามนานกว่าเดิม

ผมยังเชื่อว่าการทดเวลาตามจริงแบบนี้จะขจัดการจงใจถ่วงเวลาอย่างได้ผลชะงัด แล้วเมื่อเวลาผ่านไปเราจะเริ่มเข้าใจมันเองเมื่อมันถูกริดออกไปจนหมดจากเกม

อันที่จริงพรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีความประทับใจอีกมากมายให้เห็นนะครับ วิธีการเล่นของไบรท์ตันก็เป็นเรื่องที่พูดถึงกันมาก ผมเองก็ทึ่งในคุณภาพฟุตบอลของทีมนกนางนวลเช่นกัน ดูเหมือนว่า โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ จะยกระดับของทีมที่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ สร้างไว้ให้ยิ่งดีขึ้นไปอีก

หรือจะเป็นความงดงามของ เออร์ลิง ฮาลันด์ กับ ซน ฮึง-มิน.. คนหนึ่งทำมันในระหว่างเกม อีกคนหนึ่งทำมันหลังจบเกม ฮาลันด์ยั้งตัวเองไว้ไม่ให้ยิงบอลที่กำลังจะไหลข้ามเส้นเพราะมันควรเป็นเครดิตของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เพื่อนร่วมทีม ส่วนซนทั้งผลักทั้งดัน ริชาร์ลิซอน ให้ไปรับเสียงปรบมือจากแฟนๆ ไก่เดือยทองในฐานะฮีโร่ที่เปลี่ยนตัวลงมาพลิกสถานการณ์ให้ทีมกลับมาชนะ

ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่ฮาลันด์กับซนทำ ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญยิ่งใหญ่อะไรนักหรอกครับ เพียงแต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ.. มันทำให้ฟุตบอลสวยงาม

เป็นสัปดาห์ที่อัดแน่นด้วยคุณภาพจริงๆ ตั้งตารอเกมสุดสัปดาห์นี้ที่กำลังจะมาถึง จะมีภาพสวยงามอย่างฮาลันด์หรือซนเกิดขึ้นอีกไหมผมไม่แน่ใจ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าประตูในนาที 90+ จะเกิดขึ้นอีกแน่ อยู่ที่ว่าจะเป็นสนามไหนบ้างเท่านั้นเอง

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport