จากสถานีรถไฟเดินไปสนามใช้เวลาราว15-20นาทีแต่ระหว่างนั้นก็ต้องเจอบางแง่มุมที่สะท้อนถึงความเป็นลูตันทั้งในเชิงความเป็นเมืองและสโมสรลูกหนัง
มีผับที่ตั้งไม่ห่างจากย่านใจกลางชื่อว่า Bricklayers Arms โดยกระจกข้างนอกมีแผ่นกระดาษแปะเอาไว้ชัดเจน"Home Fans Only" พอเข้าไปข้างในก็เจอเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับน้องใหม่พรีเมียร์ลีก มีรูปฮีโร่ในอดีตแขวนไว้ มีแผ่นผ้าที่กางขึงฉลองการกลับคืนลีกสูงสุดและแน่นอนต้องมีแฟนบอลลูตันฮาร์ดคอร์กำลังยกแก้วดื่มในวันที่พวกเขามีความสุขที่สุด
"ใช่ ให้ย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่เราอยู่นอกลีก เราต้องตามทีมไปเชียร์เกมเยือนสโมสรอย่างเบรนทรี ทาวน์, อัลเฟรตัน ทาวน์หรือเวลลิ่งตัน ยูไนเต็ด ตอนนี้ทุกอย่างจึงเหมือนความฝัน เราอยู่ในพรีเมียร์ลีก"กองเชียร์รุ่นใหญ่ที่สวมผ้าพันคอสีส้มบอกไว้
ก่อนแข่งสองชั่วโมงยังมีการเก็บงานสนามอยู่เลยแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ก็ไม่ถึงทศวรรษเต็มนี้เองที่สโมสรฉายา'The Hatters'(มาจากสมัยก่อนโด่งดังเรื่องผลิตหมวก)ยังจมอยู่ระดับนอกลีก มันต้องอาศัยแพสชั่นแค่ไหน มันต้องการความรักที่สูงส่งขนาดไหนกันถึงจะทำให้คนกลุ่มหนึ่งยินยอมตามไปทุกหนทุกแห่งโดยไม่มีข้อแม้
เบรนทรี ทาวน์? ทีมมีสนามจุได้4พันเศษ ปัจจุบันก็สังกัดNational League Southซึ่งถือว่าต่ำกว่านอกลีกทั่วไปด้วยซ้ำ
อัลเฟรตัน ทาวน์? ทีมทีมที่ตลอดประวัติศาสตร์ก่อตั้งสโมสรไม่เคยก้าวพ้นนอกลีกได้
เวลลิ่งตัน ยูไนเต็ด? ทีมที่ทุกวันนี้ยังใช้นักเตะสมัครเล่นมาค้าแข้งให้อยู่เลย
แต่ลูตันกลับมาแล้ว กลับมาอย่างองอาจบนความเหลือเชื่อเพราะพวกเขาไม่ใช่ตัวเต็ง ไม่ใช่สโมสรที่มีทุนหนาเมื่อเทียบกับอีกบางทีม นับแต่ตกจากลีกสูงสุดไปในปี1992ก็หายไปจากสารบบ อาจมีคอบอลรุ่นเก่าบ้างที่ยังคิดถึงบ้างเท่านั้น
ระหว่างทางจากสถานีรถไฟไปสนามก็ยังต้องผ่าน'ดงแขก'ซึ่งก็สะท้อนว่าทำไมก่อนหน้านี้เคยมีการโหวตให้พวกเขาให้เป็นเมืองไม่น่ามาอยู่อาศัยที่สุด ทุกวันนี้เดินไปตรงไหนก็เจอแต่พวกเชื้อสายมุสลิมเต็มไปหมด ในอังกฤษมีไม่กี่เมืองเท่านั้นที่คิดตามสัดส่วนจากจำนวนประชากรแล้วมีเยอะกว่า
แฟนบอลลูตันตามทีมตลอด กลุ่มนี้ไปเชียร์ทีมตอนอยู่นอกลีกมาแล้ว
หากนั่นเองที่ทำให้ลูตัน ทาวน์ไม่เหมือนใคร ในถนนเส้นที่ไม่รู้ก็หลงนึกได้ว่าอยู่อินเดียหรือปากีสถานพอเลี้ยวซ้ายตัดเข้าในก็เจอสังเวียนโทรมๆที่เปิดใช้มาแล้ว118ปี หนึ่งในสิ่งที่ต่างจากสนามทั่วไปก็อยู่ที่ไม่สามารถเดินวนรอบสี่ด้านได้ในครั้งเดียว ความคับแคบกับทำเลที่ตั้งติดบ้านคนทำให้ต้องผ่านช่องแคบๆที่มองขึ้นไปก็เจอหลังคาบ้านเพื่อไปอีกสแตนด์อีกฝั่ง
เสน่ห์อันเหลือร้ายของเคนิลเวิร์ธ โร้ดอยู่ตรงสแตนด์ทางเข้าทีมเยือนที่ชื่อOak Standโดยเป็นบานประตูเล็กๆที่เจาะอยู่ตรงกลางกำแพงบ้านคน
ในวันแมตช์เดย์ที่อย่างเมื่อคืนวันศุกร์เจอเวสต์แฮมก็มีกำลังตำรวจหลายสิบมาดูแลความเรียบร้อย เสียงไซเรนที่ดังขึ้น เสียงโหวกเหวกจากกองเชียร์ที่บางคนก็เมาหน้าแดงก่ำมาแล้ว แน่นอนว่าใครที่อาศัยอยู่แถวนั้นก็ต้องยอมรับสภาพกันไป
"ยอดขายของร้านผมตกไปครึ่งต่อครึ่งทุกครั้งที่มีบอลเตะ"เจ้าของร้านที่เป็นคนปากีสถานขายอุปกรณ์โทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ตรงถนนเส้นดังกล่าวพูดด้วยท่าทีคล้ายเคยชินซะแล้ว
นี่เองที่ทำให้เคนิลเวิร์ธ โร้ดไม่เหมือนสนามอื่นที่ไหน
ซัมเมอร์ที่ผ่านมาลงทุนไป10ล้านปอนด์หลังเลื่อนชั้น กฎของพรีเมียร์ลีกบังคับให้ต้องทำไม่ว่าห้องเพรสก็ต้องขยาย มีพื้นที่ให้ทีวีมาทำรายการถ่ายทอดรวมไปถึงเรื่องของแสงไฟสปอตไลท์ด้วยที่ต้องสว่างได้มาตรฐาน
เชื่อไหมครับว่าช่วงก่อนเกมราวสองชั่วโมง ผมยังเห็นพนักงานกำลังเก็บงานชิ้นสุดท้ายอยู่เลยแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี บรรยากาศเกมแรกในบ้านรอบ31ปีที่ลูตันได้ลงเตะลีกสูงสุดถือว่ายอดเยี่ยมตั้งแต่ต้นจนจบ
ถึงต่อให้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เวสต์แฮมไป1-2ก็ตาม หลังจบเกมเสียงเชียร์คงหนักแน่นซึ่งหาได้ไม่ง่ายเลยกับสนามไหนก็ตาม
"30 Points who give a fuck, The luton town lads we're staying up"กระหึ่มต่อเนื่องหลายนาทีอันเป็นบทเพลงที่แฟนลูตันอยากประกาศให้เอฟเอได้ยินถึงตอนตัดแต้มพวกเขาถึง30แต้มจนต้องร่วงไปนอกลีกในซีซั่น2008/09
ใช่ครับ การเดินทางของลูตันช่างน่าอัศจรรย์
ภายในเวลา9ปีเท่านั้นที่ไต่เต้าจากนอกลีกขึ้นมาพรีเมียร์ลีก จากอัลเฟรตัน ทาวน์มาเป็นอาร์เซน่อลและจากต้องไปเยือนสนามหลักห้าพันเป็นห้าหมื่น
ลูตันจะเอาตัวรอดในลีกหมายเลขหนึ่งของโลกได้ไหม? นั่นคือคำถามที่ต้องรอคำตอบ
แต่แน่ๆที่ตอบได้ทันที...พวกเขาไม่ทำให้ใครที่ได้ไปสัมผัสต้องผิดหวัง
ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
"ไก่ป่า"