แจ็คสัน ไม่ต้องหวัง!

แจ็คสัน ไม่ต้องหวัง!
ในตลาดลูกหนังปัจจุบันที่จ่ายเงินค่าตัวกันแบบบ้าคลั่ง เพื่อแลกกับการใช้บริการนักเตะที่เพิ่งพุ่งขึ้นมาไม่นานปี และบางคนเล่นในบทมิดฟิลด์ตัวรับ กลับมีมูลค่าสูงเกินร้อยล้านปอนด์

ดังนั้นการมาถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเด้ดไลน์ เดย์ ของ โคล พาลเมอร์ ด้วยเม็ดเงินแรก 40 ล้านปอนด์นั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเป็นดีลที่น่าสนใจ  ไม่ค่อยเหมือนดีลมากมายของเจ้าของใหม่ ท็อดด์ โบห์ลี่ และสหายของเขา ซึ่งรู้จักเรื่อง “ฟุตบอล” แค่ไหน ต้องใส่เครื่องหมาย ?????? มากๆ ไว้ก่อน …

ได้เห็น พาลเมอร์ ในสีเสื้อสิงห์บลูส์ สมใจนะครับ เมื่อใครคนนี้ เข้าไปนั่งในเพรส บ๊อกซ์ ชมเกมเชลซี - น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แต่การมาหลังเกมผ่านหนึ่งชั่วโมงแรกไปแล้ว เชลซีโดนนำ, ต้องแก้เกม  และสุดท้ายก็แก้ไม่สำเร็จฮะ

ว่ากันที่เรื่องการจัดทีม/ แท็คติก ของ เมาริซิโอ โปเชตติโน่  กันสักหน่อย ในเกมนี้ ก็ปรับแผนหลากหลายเลยหล่ะ

เริ่มต้นนั้น อาจจะเล่นแบบที่เราชินตา ยึดชุดที่ชนะ ลูตัน ทาวน์ มาสวยๆ ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดก่อน ซึ่งสำหรับผม เลวี่ โคลวิลล์ (ใส่เบอร์ 26 ของตำนาน จอห์น เทอร์รี่) เป็นแบ๊คซ้ายนะครับ เพราะกัปตัน เบน ชิลเวลล์ ยืนสูงปักหลักเป็นปีกมากกว่า

การมีห้องเครื่องใหม่แสนแพง มอยเซส ไกเซโด้ เข้ามาเล่นกับ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ทำให้ เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ อาจจะดันสูงได้ แต่เมื่อแนวรุกที่เหลือเป็น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซึ่งโดยส่วนตัว ช่วงต้นซีซั่นนี้ ก็เป็นตัวรุกที่คุกคามที่สุดแล้วของทีม สนับสนุนตัวเป้า นิโคลาส แจ๊คสัน  …. ก็มีความรู้สึกว่า แนวรุกมันขาดขาดไปหน่อยหรือเปล่าหนอ?

ตอนฮาล์ฟ-ไทม์ ใครคนนี้เช็คสถิติดูสักหน่อย ตอนเดินไม่กี่ก้าวจากเพรส บ๊อกซ์ ลงไปยังเพรส รูม เพื่อหยิบแซนด์วิช และซอสเชส โรล (ออกเค็มนิด แต่ยุคข้าวยากหมากแพง … กินไว้ก่อน)  พร้อมกับกาแฟร้อน รสชาติจืดๆ สไตล์คนอังกฤษดื่มกัน  ปะหน้ากับ แกรี่ เคฮิลล์ เล็กน้อยด้วย

Shots on target  1  หน เท่านั้นสำหรับสิงห์บลูส์,  ถึงแม้ เจ้าป่า จะน่าเกลียดกว่า เมื่อยิงไม่ตรงกรอบเลย แต่ก็มองข้ามได้ เพราะทีมเป็นรอง และเป็นอาคันตุกะอ่ะครับ

จากนั้นความผิดพลาดของ มอยเซส ไกเซโด้ ต้นครึ่งหลัง ทำให้เจ้าป่ายิงประตูเดียวของเกมได้

ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมาช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก อันโธนี่ อีลันก้า (ของเหลือทีมไหนนะ ฮ่า ฮ่า) วิ่งสอด มารับลูกจ่าย อโวนิยี่ ที่ส่งบอลลอดหว่างขา ติอาโก้ ซิลวา ช่างไม่ให้เกียรติตัวเก๋าทีมชาติบราซิลบ้างเลย

อีลันก้า จับและจบ ได้เฉียบคม นี่คือสิ่งที่ นิโคลาส แจ๊คสัน ทำไม่ได้ !!!

จะว่าโยนความกดดันใส่ แจ๊คสัน  คนเดียวก็อาจจะไปถูกเหรอ  เพราะอย่างลิเวอร์พูล ดาร์วิน นูนเญซ ก็ต้องการเวลาในการปรับตัวเหมือนกัน

แต่แฟนสิงห์บลูส์ ก็คงคาดหวังว่ามันต้องเป็นประตูตีเสมอตอนท้ายเกม เมื่อ ราฮีม อุตส่าห์ปั้นสวยๆ ให้  หัวหอกทีมชาติเซเนกัล ได้เหยียดขายิงจากระยะใกล้มาก ดั๊นดัน ข้ามคานเสียนี่

ตอนเชลซี เปลี่ยนตัวสองคนแรก เอาสตาร์ใหม่ โคล พาลเมอร์ กับ โนนี่ มาดูเอเก้ ลงไป  (ดึง คอเนอร์ กัลลาเกอร์ กับ ชิลเวลล์ ออก)    ก็ปรับหมาก โดยเอา ราฮีม ไปวิ่งฝั่งซ้าย มาดูเอเก้ ฝั่งขวา เอ็นโซ่ ถอยต่ำ ในขณะ พาลเมอร์ เล่นตัวสูงอย่างที่ควรจะเป็น

จากนั้น สองตัวต่อไปที่เปลี่ยน ก็คือการเอา เอียน มาตเซ่น ลงไปเล่นกลาง  (แทนตัวผิดพลาดทำเสียประตู ไซเซโด้ ที่เกมครึ่งแรก ผมก็ว่าพอได้นะ) และ มิไคโล่ มูดริค ลงไปเพิ่มตัวรุก  (เอาแบ๊คขวา มาโล กัสโต ที่อาจจะเป็นหนึ่งในน้อยคนที่ผมมองว่า เล่นใช้ได้สำหรับสิงห์บลูส์ในนัดนี้ และโดยเฉพาะ “ทรงผม” กวนดี !)

เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ ผู้จัดการทีมคนใหม่ เพิ่งคุมเชลซีลงเกมแข่งขันมาเดือนเดียว แฟนบอลสมควรมีความอดทน และให้เวลาในการปรับจูน

นับตั้งผู้รักษาประตูตัวใหม่  โรเบิร์ต ซานเชซ ก็มีทำให้แฟนตัวเองต้องสบถ เมื่อปาบอลไปโดนหลัง มอร์แกน กิ๊บบ์ส - ไวต์ ดีที่ไม่โดนลงโทษ  กองหลัง, กองกลาง จนหน้าเป้า แจ๊คสัน  คงต้องให้เวลากันหน่อย

แต่เมื่อจบเกม สถิติการยิงตรงกรอบในบ้านตัวเอง เชลซีมีเพียง 2 ครั้ง  (ฟอเรสต์สามครั้ง) ต่อให้ สถิติการพยายามยิงทั้งหมด เชลซีมี 21 ครั้ง ก็ไม่มีใครสนใจนักหรอก

พยายามจะเข้าใจคุณนะ

แต่พอยิงเบิร์ดลูกนั้น แจ๊คสัน เอย

เจ้าน่ะ หวังดูจะยังเป็นที่พึ่ง, เป็นความหวังของทีมไม่ได้ หนา

ลิตเติ้ลโจ


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ลิตเติ้ลโจ
สุรศักดิ์ มากทวี
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport