บิ๊กแมตช์วันอาทิตย์จากเซนต์ เจมส์ พาร์ค มีประเด็นให้พูดถึงไม่น้อยทีเดียว นิวคาสเซิลที่ถล่ม แอสตัน วิลล่าห้าลูก ก่อนโดนแมนฯซิตี้ สอนบอลเกมล่าสุด รับมือลิเวอร์พูลที่ เสมอเชลซี และชนะบอร์นมัธ
ว่ากันถึงต้นทุนของทีมแล้ว...เอดดี ฮาว พัฒนาทีมได้ต่อเนื่องและรอการต่อยอด ส่วนลิเวอร์พูล เริ่มถ่ายเลือดแดนหน้าและแดนกลางไปแล้ว แถมเกมนี้ยังได้เห็นสามแดนกลางโฉมใหม่ เอนโด้,แมก อลิสเตอร์ และโซโบสไล
ที่น่าสนใจคือสถิติที่ นิวคาสเซิลไม่ชนะ ลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ปี 2015 ในบ้านตนเอง รวมทั้ง เอดดี ฮาว ด้วยที่ไม่ชนะหงส์แดง รวมทั้งปีก่อนก็แพ้ทั้งสองเกม
ฮาว ชุดเดิม...เจเค ส่งเอนโด้ ลง
เอดดี ฮาว ยังใช้ชุดเดิมในรูปแบบ 4-3-3 ตั้งแต่ นิค โพพ และแบ๊กโฟร์ ทริพเพียร์, แชร์, บอตแมน, เบิร์น แดนกลางก็ โตนาลี, บรูโน และโชลินตอน หน้า กอร์ดอน, อีซัค และ อัลมิรอน
เจเค ปรับตำแหน่ง โกนาเต้ ใช้ มาติป แทน ส่วนแดนกลาง เอนโด้ ลงเล่นตัวจริง ข้างหน้า ขยับ กัคโป ไปยืนหน้าปลอม กับ ดิอาส และ ซาลาห์
20 นาทีแรกเกมเป็นของนิวคาสเซิลเล็กน้อย แต่จังหวะเข้าไปยิงก็ไม่ง่ายนัก จนกระทั่ง ความผิดพลาดจังหวะ ซาลาห์ ส่งบอลคืนให้ เทรนต์ ซึ่งจับบอลพลาด บอลหลุดถึงเท้า กอร์ดอน หลุดเข้าไปยิง 1-0 น.25
จากนั้นสามสี่นาทีต่อมา เวอร์จิล ฟานไดจ์ โดนใบแดงงงงโดยตรง เหลือสิบคน
ฟานไดจ์ช้า...ใบแดง
ดูจากภาพช้า...ชัดเจนครับ ฟานไดจ์ ช้ากว่า อีซัค หนักว่านั้นคือพอช้ากว่า การตัดสินใจไม่ดี เหมือนจะสกัดบอล แต่เท้าขวาไปเตะข้อเท้าซ้าย อีซัค ในจังหวะตัวสุดท้าย พอดี ผู้ตัดสิน จอห์น บรูคส์ ให้ใบแดงทันที ก็ถูกต้องตามนั้นแต่ที่แย่กว่าคือไปด่าคำหยาบใส่ ไมเคิล โอลิเวอร์ นี่แหละ
ถ้าทำรายงานอาจโดนเพิ่มอีก1 เป็น 4 นัดได้เลย
เปลี่ยน ดิอาส ????
น่าสนใจประเด็นของ ลุยส์ ดิอาส โดนเปลี่ยนออก หลังเหลือสิบคน ขณะที่ กัคโป ยังอยู่ หรือไม่ก็ เทรนต์ แต่เข้าใจได้ว่า เอนโด้ ไม่พร้อมเล่นเซนเตอร์แน่นอน คงต้องเลือก โกเมส แล้วเก็บเทรนต์เอาไว้เป็นแบ๊กโฟร์ แต่การถอด ดิอาส ที่น่าจะเหมาะกับ เกมสวนกลับใช้ความเร็วได้ดีกว่า กัคโป ก็อาจเป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจเช่นกัน
ด้วยเพราะ ความเร็วของ ดิอาส
เทรนต์....บ่อน้ำมัน
จากเกมที่แล้วจับบอลลั่น มาเกมล่าสุด จับบอลหลุด อาจโชคร้ายเพราะโดนเหลืองเร็ว แถมเจอร์เก้น คลอปป์ ตะคอกใส่ข้างสนาม ก่อนเล่นพลาดแล้วโดน แอนโธนี กอร์ดอน หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงลอดขา เบคเกอร์ แต่ก็ต้องยอมรับด้วยจุดหนึ่งว่า เทรนต์ อเลกซานเดอร์ อาร์โนลด์ ไม่มีคู่แข่งในตำแหน่งแบ๊กขวาเลย นั่นคือตัวจริงยืนพื้นโดยไม่มีใครมาแย่งตำแหน่ง และนั่นก็อาจเป็นจุดที่ทำให้การเล่นของเขาดูทรงตัว ไม่ได้ก้าวหน้ากว่านี้
แต่จุดที่น่าสนใจกว่านั้นคือ "การป้องกัน" เทร้นต์ ไม่เพียงมีปัญหาเรื่องการยืนตำแหน่งไลน์เกมรับ จังหวะหนึ่งต่อหนึ่ง กลายเป็นจุดที่ทำให้ เขามักโดนปีกเลี้ยงหลบอยู่เรื่อยๆ และมักโดนคู่แข่งโจมตีฝั่งนี้
ยอดแอสซิสต์ เมื่ออดีตคือผลงานอันสุดยอด แต่ฟุตบอลอยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้ "เกมรับ" ส่วนตัวของเขามีปัญหาจริงๆ
เอนโด้, แมกก้า, โซโบ้
แน่นอน...การซ้อมร่วมกันอย่างที่ทราบๆ คือแค่7-8 วัน จะคาดหวังให้ วาตารุ เอนโด้ , แมกอลิสเตอร์ และ โซโบสไล เล่นเข้ากันแบบรู้ทาง รู้จังหวะ เป็นไปได้ไม่ง่ายนัก เพราะเหมือนมาคนละทีมกันเลย จาก ไบรท์ตัน และบุนเดสลีกาอีกสองทีม ถ้าดีมันคือโบนัส ก่อนเหลือสิบคน ก็ต้องยอมรับว่า "ยังเล่นไม่เข้ากัน" ไม่สามารถทำลายแดนกลาง นิวคาสเซิลได้เท่าไหร่ และไม่สามารถคุมเกมครองบอลได้ดีเท่าไหร่
แต่นั่นคือ 25 นาทีแรกก่อนเสียประตู แต่ก็พอเข้าใจได้ว่า ยังต้องเล่นด้วยกันให้มากเกมกว่านี้
ยกประโยชน์ให้ก่อนละกันเพราะเหลือสิบคนด้วย
สุดท้ายเอนโด้ เล่นแค่ 57 นาทีต้องออก ดูแล้วต้องใช้เวลาครับหากจะให้เขายืนเบอร์หก สกรีนน่าเกมรับเหมือน ฟาบินโญ สมัยพีคๆ
15 นาทีสุดท้าย.... ดราม่าจริงๆ
สองทีมเปลี่ยนตัวได้น่าสนใจ ด้วยเพราะ 11 คนของ เอดดี ฮาว คุมเกมได้ก็จริง แต่ไม่ได้เข้าแดนสามได้ดีมากนัก จังหวะจบหายากหน่อย แถมมีการเปลี่ยนเอา โตนาลี ออก จังหวะที่ โชลินตอน เจ็บ การเปลี่ยน ฮาร์วีย์ บาร์นส์ กับ คัลลัม วิลสัน ลงมาเพื่อเล่นบอลด้านข้างเป็นหลัก
คราวนี้พอกลางตัวทำเกมหายไป อย่างน้อยก็สองคน ทีมฮาว พึ่งด้านข้าง เท่ากับไม่ได้เปรียบลิเวอร์พูล และจังหวะเข้าทำก็มีไม่มาก
ส่วนลิเวอร์พูลส่ง ดาร์วิน นูนเยส ลงมาแทน แมกก้า.....เพื่อเป็นหน้าเป้า เพื่อหาจังหวะสวนกลับ เขามีเวลา13 นาที ซึ่งทำได้ดีในช่วงเวลานี้จริงๆ จากประตูจากเขา ในจังหวะที่ เบิร์น พลาดบอลเข้าทาง ดาร์วิน วิ่งเข้าไปซัดเสียบเสาตีเสมอ 1-1 น.81
ถ้าจบด้วยผลเสมอและได้หนึ่งแต้มของลิเวอร์พูล น่าจะเป็นแต้มที่พึงพอใจมากกว่า นิวคาสเซิล เจ้าบ้านที่ได้เปรียบตัวผู้เล่น 1 ช.ม. เต็มๆ แต่หาจังหวะยิงประตูที่สองเพื่อปิดเกมให้ได้
เพียงแต่ช่วงทดเวลา 90+2 ซาลาห์ แอสซิสต์ ไหลให้ นูนเยส หลุดเข้าไปยิงลูกที่สอง จากจังหวะที่ บรูโน เสียบอลแดนกลางให้!!!!
ดรามาซะงั้นเล่นสิบคน แต่ชนะ ได้สามแต้ม เป็นเกมที่สองคิดต่อกัน ที่ต้องชมคือ นักเตะหงส์เล่นด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อไม่ให้เสียลูกสอง แล้วลุ้นเสมอ
สุดท้ายมันดีเกินคาด เมื่อ ดาร์วิน นูนเยส ยิงคมระดับโลกอย่างเหลือเชื่อทั้งสองลูก
ทำให้กองแช่งก็ต้องปิดไฟเข้านอนทันที