ข้อความจากปาก เจอร์เก้น คล็อปป์ มันชัดเจนแล้วว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น
ยังไม่มีข้อเสนอจาก อัล อิตติฮัด หรือไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ว่าต้องการยุติช่วงเวลากับ ลิเวอร์พูล
"หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์" บอสเจเค ยืนยันหนักแน่น เมื่อถูกถามว่า ซาลาห์ ยังมุ่งมั่นกับสโมสรหรือไม่
สำหรับ เดอะ ค็อป ฟังแล้วคงเบาใจได้ว่า ซาลาห์ จะยังอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อไป
แต่ในความเป็นจริงนี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ใช่ตอนจบ
.
.
.
เจมส์ เพียร์ซ เผยผ่านบทความบน ดิ แอธเลติก
เขาบอกว่า ลิเวอร์พูล ทราบมานานแล้วว่า ซาอุดิ โปร ลีก สนใจในตัว ซาลาห์ ซึ่งเป็นนักเตะอาหรับที่โด่งดังที่สุดในโลกฟุตบอลตอนนี้
พวกเขารู้ด้วยว่าหากปฏิเสธกลับไป ทีมจากซาอุดี อาระเบีย ก็จะกลับมาด้วยข้อเสนอที่มีมูลค่าสูงกว่าเดิมเพื่อที่จะดึงนักเตะที่เป็นเป้าหมายไปร่วมทัพให้ได้
"หากเราพิจารณาที่จะย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ปีนี้ เราคงไม่ต่อสัญญากันเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว"
"โมฮาเหม็ด ยังคงมุ่งมั่นกับสโมสรลิเวอร์พูล" ถ้อยคำจาก รามี่ อับบาส เอเยนต์ส่วนตัวที่โพสต์ผ่านโซเชียล มีเดีย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม
สิ่งที่ อับบาส บอกนั้น เป็นการตอบสนองถึงข่าวการไล่ล่าตัว ซาลาห์ ที่ อัล อิตติฮัด หมายปองในตอนนั้น
แต่เมื่อสองสัปดาห์ผ่านไป ทีมจาก ซาอุฯ ก็ยิ่งสนใจ ซาลาห์ มากขึ้น แต่ทั้งตัวนักเตะและตัวแทนเลือกที่จะยังไม่พูดอะไรออกมา ท่ามกลางข่าวลือจากสื่อตะวันออกกลางที่พร้อมให้ค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 1.5 ล้านปอนด์
ลิเวอร์พูล เคยผ่านการทำดีลกับทีมซาอุฯ มาก่อนตอนเสีย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่
ซึ่งพวกเขาก็รู้เต็มอกว่าทีมจาก ซาอุฯ จะเปิดเจรจากับสโมสรคู่เจรจาก็ต่อเมื่อมีการตกลงกับผู้เล่นเรียบร้อย
แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซาลาห์ ต้องการย้าย และ อัล อิตติฮัด ยื่นข้อเสนอ 100 ล้านปอนด์มาให้ ?!
เพียร์ซ บอกต่อว่า ลิเวอร์พูล ยังยืนหยัดในจุดยืนของตัวเอง นั่นคือปฏิเสธทันที
จุดยืนของ ลิเวอร์พูล คือ ซาลาห์ ไม่ได้มีไว้ขายในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม...
อ่าว ทำไม เพียร์ซ ถึงบอกแบบนั้น
เขาเสริมว่า หากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคม อาจมีการต่อรองอย่างสมเหตุสมผลเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด
ในมุมหนึ่ง อาจจะบอกได้ว่านี่เป็นดีลที่สมเหตุสมผลที่จะได้เงิน 100 ล้านปอนด์แลกกับนักเตะอายุ 31 ปีที่เหลือสัญญาอีกเพียง 2 ปี หลังจากที่นักเตะคนนั้นทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมา 6 ฤดูกาลจนช่วยพาทีมคว้าแชมป์มาครองหลายรายการ
และสำหรับสโมสรที่มีโครงสร้างการทำงานที่พึ่งพาการลงทุนของตัวเองเพื่อทำให้เกิดความมั่นคงอย่าง ลิเวอร์พูล มันคงจะเป็นเรื่องดีหากนำเงินที่มีกลับมาลงทุนกับขุมกำลังแบบเต็มที่
กรณี เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ได้รับไฟเขียวตามที่ทั้งสองคนต้องการ
เนื่องจากการเจรจาอยู่ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม และ ลิเวอร์พูล ยังพอสามารถหาตัวแทนได้ รวมถึงทั้งคู่ได้ผ่านจุดที่ดีที่สุดสำหรับสโมสรไปแล้ว
แต่กับเคสของ ซาลาห์ มันไม่ใช่แบบนั้น...
ซาลาห์ ยังคงเป็นผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด
ฤดูกาลก่อน เขาทำ 30 ประตู และ 16 แอสซิสต์ตลอดการลงเล่นทุกรายการ
จนถึงตอนนี้ ซาลาห์ ก็ยังเดินหน้าทำสถิติต่อเนื่อง ซึ่งสัปดาห์ก่อน เขาเพิ่งแซง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ขึ้นสู่อันดับ 5 คนทำประตูมากสุดของสโมสร
ขณะที่เรื่องสภาพร่างกายก็เช่นกัน ซาลาห์ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอ่อนแอลงเลย ตลอดช่วง 3 ฤดูกาลหลังสุดเขาไม่ได้ลงเล่นเกมลีกแค่ 4 นัดเท่านั้น
การทำประตูได้แบบเป็นกอบเป็นกำ, ความสร้างสรรค์ในการเล่น และความแข็งแรง มันเป็นสิ่งที่อยู่กับเขามาตลอด
สิ่งที่ คล็อปป์ เคยพูด มันไม่ได้โอเวอร์เกินไปเลยที่บอกว่า ซาลาห์ คือคนที่มีความสำคัญมาก ๆ ไม่ว่าจะในอดีตหรืออนาคต
ซึ่งถ้าเกิดเขาย้ายออกไป มันจะทำให้ทีมเกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล เคยยืนหยัดสู้กับสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว
ย้อนไปช่วงท้ายซัมเมอร์ปี 2017 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ พยายามบีบสโมสรเพื่อนำพาตัวเองไปสู่ บาร์เซโลน่า
แต่ ลิเวอร์พูล ยืนกรานปฏิเสธ จนสุดท้าย คูตี้ ยังคงอยู่กับทีมต่อไป
ถึงกระนั้นอีก 6 เดือนต่อมา ลิเวอร์พูล ก็ตอบรับข้อเสนอที่วางตัวเลขไว้ 142 ล้านปอนด์ และนำเงินที่ได้มาไปซื้อ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ อลีสซง เบ็คเกอร์
แล้วมันก็มีโอกาสที่ ซาลาห์ อาจจะสนใจย้ายไปเล่นที่ ซาอุดี อาระเบีย ในอนาคตเช่นกัน
.
.
.
ปัจจุบัน ซาลาห์ รับค่าเหนื่อยกับ ลิเวอร์พูล 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
นอกเหนือจากการที่จะได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นจากเดิม 4 เท่าแล้ว การได้ใช้ชีวิตในประเทศที่นับถือมุสลิมเป็นหลักอีกครั้งก็ถือเป็นแรงดึงดูดชั้นดีอีกอย่างหนึ่ง
ที่ อัล อิตติฮัด ซาลาห์ จะได้ร่วมงานกับ ฟาบินโญ่ อีกครั้ง และจะมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กับ คาริม เบนเซม่า เป็นเพื่อนร่วมทีม
ตอนที่ ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลต่ำกว่า 4 อันดับแรก ซาลาห์ บอกเองว่าเขาถึงขั้นใจสลาย และยืนยันว่ามันไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ทั้งนั้น
ในความเป็นจริง คล็อปป์ กำลังหวังพึ่ง ซาลาห์ ในการพา ลิเวอร์พูล กลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง และยังเพิ่มความสำคัญเมื่อฤดูกาลก่อนเพื่อให้ ซาลาห์ เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำของทีม เพราะมองว่า ซาลาห์ สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนในทีม โดยเฉพาะกลุ่มนักเตะที่มีอายุน้อยกว่าเขา
อย่างไรก็ตาม ทีมจากซาอุดีอาระเบีย จะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่ พวกเขาจะกลับมาล่า ซาลาห์ อีกครั้ง
การย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า อาจจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลสำหรับทุกฝ่าย เพียงแต่มันไม่ควรเกิดขึ้นในหน้าร้อนนี้
เรียบเรียงจาก ดิ แอธเลติก
HOSSALONSO