ประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษบอกว่ายังไม่เคยมีทีมไหนได้แชมป์ลีก 4 ปีติดต่อกันมาก่อน..
นับตั้งแต่ปี 1888 ที่ฟุตบอลลีกฤดูกาลแรกเกิดขึ้นมาจนถึงวันนี้.. 135 ปี.. ไม่เคยมีใครทำได้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นเต็งหนึ่งพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2023/24 นี้ด้วยอัตราจ่ายที่ต่ำอย่างน่าตกใจ
บริษัทรับพนันถูกกฎหมายมองโอกาสคว้าแชมป์ของทีมเรือใบสีฟ้าในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลไว้ที่เอาเงิน 11 บาทไปแลก 8 บาท
จ่ายต่ำกว่าทุนทั้งๆ ที่เกมแรกยังไม่ได้เริ่มฟาดแข้งกันเลยด้วยซ้ำ
เต็งสองคืออาร์เซน่อลอัตราจ่าย 5 ต่อ เต็งสามลิเวอร์พูลอัตราจ่าย 10 ต่อ เต็งสี่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 13 ต่อ เต็งห้าเชลซีกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 16 ต่อ
หลุดจากนั้นก็เข้าข่ายม้านอกสายตากันแล้ว สเปอร์สเป็นเต็งหกที่ 66 ต่อ ไบรท์ตันเต็งเจ็ด 100 ต่อ (อัตราล่าสุดหลังผ่านไป 2 นัดทั้งสองทีมลดลงเหลือ 50 ต่อ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด หล่นมาที่ราคาจ่าย 35 ต่อ)
แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจระดับสูงสุดที่บริษัทรับพนันถูกกฎหมายของเมืองนอกมีต่อทีมเรือใบสีฟ้า
ในเกมเปิดฤดูกาลที่ เทิร์ฟ มัวร์ สนามเหย้าของเบิร์นลี่ย์ทีมน้องใหม่ ซิตี้บุกสอนบอลทีมไฟแรงที่มีฐานะเป็นถึงแชมป์จากลีกแชมเปี้ยนชิพฤดูกาลที่แล้วด้วยผลงานพุ่งเข้าป้ายแบบม้วนเดียวจบเก็บได้ถึง 101 แต้มและยังได้รับการจับตามองว่าเป็นทีมที่แรงขึ้นมาอย่างน่าสนใจด้วยสไตล์การเล่นบอลบนพื้นของ แว็งซ็องต์ ก็องปานี
ผลที่ออกมาซิตี้บุกถลุงนิ่มเท้า 3-0
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม ทีมสาลิกาดงเพิ่งถล่ม แอสตัน วิลล่า มา 5-1 ทว่าซิตี้ก็ยังคุมเกมได้หมดจดด้วยรูปเกมห่างกันพอตัว แม้จะเชือดด้วยสกอร์เพียงเล็กน้อยแค่ 1-0
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็นแชมป์ที่ทุกทีมต้องโค่นให้ได้ ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ครบเครื่องและเพียบพร้อมมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ การจะกระชากพวกเขาลงจากบัลลังก์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
การเจอกับโจทย์สำคัญที่ เควิน เดอบรอยน์ ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังต้องผ่าตัดพักยาวตั้งแต่เกมแรกไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพวกเขา มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียมเจ็บจนช่วยทีมไม่ได้อยู่พักใหญ่แต่เรือใบสีฟ้าก็เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง
ถามว่าไม่มีเดอ บรอยน์ กระทบอะไรต่อทีมไหมก็ต้องบอกว่ากระทบแน่เพราะซิตี้จะขาดบอลคุณภาพจากเท้าของเขาโดยเฉพาะการผ่านบอลอย่างเด็ดขาดที่จะทำให้ทีมได้ประตู สถิติ 29 แอสซิสต์ในทุกรายการเมื่อฤดูกาลที่แล้วบ่งบอกความยอดเยี่ยมตรงนี้ได้เป็นอย่างดี
กระนั้นซิตี้ก็มีขนาดทีม คุณภาพนักเตะ และมันสมองของผู้จัดการทีมที่จะหาวิธีทดแทนการขาดหายไปของใครสักคนได้เสมอ แม้กระทั่งคนๆ นั้นเป็นหัวใจของทีม
มองไปในทีมเวลานี้ ต่อให้เสียดาวซัลโวมหาประลัยอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังคงไปต่อได้ด้วย ฮูเลียน อัลวาเรซ ที่รอวันจุดระเบิดจากโอกาสที่รออยู่ หรือกระทั่งเสียอัลวาเรซไปอีกคน เป๊ปก็จะหาวิธีการปรับแก้ด้วยนักเตะคุณภาพและมันสมองคุณภาพให้ลงสนามไปเป็นผู้ชนะได้อยู่ดี
นี่คือความน่ากลัวของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่คว้าทริปเปิลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้วและกวาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 จาก 6 ฤดูกาลหลังสุด
ขุมกำลังและวิธีการเล่นในสนามทำให้ทีมของกวาร์ดิโอล่าขับเคลื่อนด้วยระบบเต็มรูปแบบ พรสวรรค์ของนักเตะแต่ละคนเป็นเพียงรายละเอียดที่ประกอบเข้าเป็นภาพใหญ่
ความมหัศจรรย์ของใครคนใดคนหนึ่งเป็นเพียงองค์ประกอบไม่ใช่แก่นสำคัญที่ถ้าถูกดึงออกไปเมื่อไหร่ก็เหี่ยวเฉา เมล็ดพันธุ์แห่งฟุตบอลที่งดงามและเปี่ยมประสิทธิภาพคือสิ่งที่เป๊ปโปรยไว้ทั่วที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
มันจึงยังคงเป็นโจทย์ที่ยากอยู่อย่างเดิม กับการโค่นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงจากบัลลังก์
ฤดูกาลนี้มีอยู่สถิติหนึ่งที่ซิตี้มีลุ้นที่จะทำได้นั่นคือการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 4 ฤดูกาลติดต่อกัน
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
135 ปีแล้วครับนับตั้งแต่ลีกก่อตั้งขึ้นเมื่อฤดูกาล 1888/89 ยังไม่เคยมีทีมไหนได้แชมป์ 4 ปีซ้อนเลย
แชมป์ 2 สมัยติดเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา.. 3 สมัยติดนานๆ ครั้ง
แต่ 4 สมัยติด.. ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษก่อนหน้าที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะทำได้อีกทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว มีเพียง 4 ทีมเท่านั้นที่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัยติดต่อกัน
4 ทีม 5 ครั้ง มีเพียงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ทำมันได้ 2 ครั้ง
ทั้งหมดย่อมล้วนเกิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของแต่ละทีม การคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 3 ปีซ้อนไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ โชคดวง หรือเทพนิยายใดๆ หากคือฝีเท้าล้วนๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือทั้งหมดต่างก็ทำไม่สำเร็จในฤดูกาลที่สี่ที่ตัวเองยังคงเป็นตัวเต็งอยู่เหนือคู่ต่อสู้ทีมอื่นๆ
ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เสียแชมป์ให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1926/27 ที่ตัวเองจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์
อาร์เซน่อล เสียแชมป์ให้ ซันเดอร์แลนด์ ในฤดูกาล 1935/36 ทั้งยังรูดลงไปอยู่ถึงอันดับ 6
ลิเวอร์พูล เสียแชมป์ให้ เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาล 1984/85 ที่ตัวเองจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียแชมป์ให้ อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2001/02 และหล่นไปเป็นอันดับ 3 ตามหลังลิเวอร์พูลอีกทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียแชมป์ให้ เชลซี ในฤดูกาล 2009/10 ที่ตัวเองจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือทีมที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้สามสมัยติดต่อกัน เป๊ปพาทีมเรือใบสีฟ้าเถลิงบัลลังก์ยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2020/21, 2021/22 และ 2022/23
พวกเขาเคยมีโอกาสทำมันมาแล้วเมื่อฤดูกาล 2019/20 หลังจากได้แชมป์มา 2 ฤดูกาลติดต่อกันก่อนหน้านั้น (2017/18 กับ 2018/19) แต่ก็พ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูลที่พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด
ซิตี้เริ่มนับหนึ่งใหม่แล้วก็ทำมันได้สำเร็จในที่สุด และฤดูกาลนี้พวกเขาเข้าสู่ภารกิจที่ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
แชมป์ลีกสูงสุด 4 ฤดูกาลติดต่อกัน
กระนั้นประวัติศาสตร์ก็บอกกับเราว่ามันอาจไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะจะร้อยสี่สิบปีอยู่แล้วที่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยทั้งๆ ที่ฟุตบอลผ่านช่วงครองอำนาจของสโมสรอยู่ตลอดเวลา
ถามว่าใครจะโค่นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงได้ในฤดูกาลนี้ก็ยังดูไม่ออก แต่มันก็เหมือนกับที่เราดูไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครมาหยุดลิเวอร์พูลของโจ เฟแกน หรือใครจะหยุดทีมปีศาจแดงของเซอร์อเล็กซ์ อันนี้ว่ากันในยุคที่เราโตทันดูฟุตบอลอังกฤษ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ช่วงทศวรรษ 1920 กับอาร์เซน่อลทศวรรษ 1930 ก็คงเป็นความรู้สึกทำนองเดียวกัน
มองไม่เห็นใคร หรืออาจจะพอมองเห็นอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังเชื่อไม่ลงอยู่ดีว่าจะเอาชนะอำนาจเก่าลงได้
ฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน เราเห็นอาร์เซน่อล เห็นเชลซี เห็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล นิวคาสเซิ่ล แต่มั่นใจกันแค่ไหนว่าพวกเขาสักทีมจะขึ้นไปถีบแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หล่นจากบัลลังก์ได้สำเร็จ
มันก็จะเป็นอีกฤดูกาลหนึ่งที่แชมป์ผู้ยิ่งใหญ่จะต้องเผชิญหน้ากับสถิติจากอดีตที่เป็นอุปสรรค
เราไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าซิตี้จะทำไม่ได้ แต่ประวัติศาสตร์บอกกับเราว่าจงมีความเชื่ออย่างนั้นเถิด
แน่นอนครับ ทุกอย่างย่อมต้องมีครั้งแรก การไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยตลอด 135 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งฟุตบอลลีกไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีวันได้เห็นสิ่งนั้นหรือเรื่องนั้นเกิดขึ้น
แชมป์ 4 ปีซ้อน.. มันคงจะมีเกิดขึ้นแน่ๆ อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่ อาจจะอีกร้อยปีข้างหน้า หกสิบหกปีข้างหน้า สี่สิบเจ็ดปีข้างหน้า ยี่สิบห้าปีข้างหน้า..
หรือบางที.. มันอาจจะเป็นฤดูกาลนี้เลยทำไมจะเป็นไปไม่ได้
ตังกุย