ราววันพุธสัปดาห์ที่แล้วภายในบอร์ดบริหารของแมนฯยูไนเต็ดนำโดยซีอีโอ-ริชาร์ด อาร์โนลด์ได้ประชุมโดยมีข้อสรุปว่าจะให้โอกาสอีกสักครั้งกับเมสัน กรีนวู้ด ในวันต่อมาก็ได้มีการแจ้งเรื่องนี้ไปยังพนักงานฝ่ายต่างๆของสโมสรโดยเตรียมมีแถลงทางการกันแล้วด้วย
อย่างไรก็ตามพอข่าวได้รั่วไหลออกไปก็มีกระแสต่อต้านถาโถมเข้าใส่รุนแรงทั้งจากอดีตนักฟุตบอล, เกจิฟุตบอล, นักข่าว, นักการเมืองและแน่นอนน้ำหนักของเสียงที่ต้องรับฟังที่สุดก็แฟนบอลของตัวเอง
ถึงอาร์โนลด์กับทีมงานจะเตรียมใจไว้อยู่ก่อนแล้วว่ามันต้องมีคนอยู่สามจำพวกที่แสดงออกต่อปฎิกิริยาเกี่ยวกับกรีนวู้ด
1.สนับสนุน
2.เปิดใจยอมรับ
3.คัดค้าน
ทว่าสิ่งที่มาเหนือความคาดหมายก็เป็นจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดให้โอกาสดาวรุ่งวัย21สวมเครื่องแบบโลโก้อสูรอีกมีเยอะมาก แน่นอนเรื่องนี้ช่างละเอียดอ่อนโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงแนวทางใช้ชีวิตตามอารยะฝรั่งซีกโลกตะวันตกด้วย
นั่นทำให้อาร์โนลด์ต้องเรียกประชุมใหม่อีกรอบ หนนี้ข้อสรุปที่ได้จึงพลิกไปอีกด้านว่าสโมสรคงไม่สามารถให้กรีนวู้ดกลับมาเล่นได้อีกแล้ว แถลงการณ์ตอนเย็นของวันจันทร์ก็ชัดเจนเพียงแต่ว่าเนื้อหาในนั้นก็ยังแฝงไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
"มันเป็นการตกลงทั้งสองฝ่ายให้เขาต้องออกจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดและพวกเราก็จะทำงานร่วมกับเขาเพื่อหาทางออกให้เมสันต่อไป"เนื้อหาจากบางพารากราฟในแถลงการณ์
เรื่องของฝีเท้าก็ย่อมมีคนเสียดาย
เรื่องของอนาคตจะทั้งระดับสโมสรหรือทีมชาติเองก็ควรมีอยู่อีกไกล
สัญญาของกรีนวู้ดกับผีแดงมีถึงปี2025โดยสัญญาปัจจุบันได้รับค่าเหนื่อย75,000ปอนด์ต่อสัปดาห์ นับแต่มีคดีความโดนจับวันที่30มกราคม2022ก็ยังคงได้รับการจ่ายปกติจากทางสโมสร
ตีความจากความคิดแรกของอาร์โนลด์ก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขาพยายามเต็มที่แล้วที่จะช่วยเด็กที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่7ขวบซึ่งไม่ใช่ข้อสงสัยว่าถ้าไม่มีคดีฉาวซะก่อนก็ต้องเป็นหนึ่งในแกนหลักของเอริค เทน ฮากไปแล้ว
ประเด็นต่อมาที่น่าสงสัยก็อยู่ที่ว่าอนาคตของกรีนวู้ดจะไปจบอย่างไร?
ในเมื่อแมนฯยูไนเต็ดแถลงแล้วว่าต้องแยกทางกัน ไอเดียส่งให้สโมสรอื่นยืมตัวก่อนแล้วค่อยกลับมาทีหลังก็คงแทบเป็นไปไม่ได้ กระนั้นก็ต้องถามตรงๆว่าแล้วจะมีสโมสรไหนบ้างที่กล้าอ้าแขนรับนักเตะที่ตกเป็นจำเลยสังคมอย่างนี้
บางทีก็อาจต้องเก็บข้าวของไปลีกต่างแดนในที่ซึ่งผู้คนไม่ได้ยึดติดกับประวัติเก่าๆที่อื้อฉาว บางทีก็อาจต้องเป็นลีกซาอุฯที่กำลังปั้นตัวเองขึ้นมาท้าทายท็อปลีกในยุโรป
เพราะในอังกฤษคงอยู่ยาก อย่าว่าแต่หิ้วสตั๊ดไปทำในสิ่งที่ตัวเองรักเลย เอาแค่ปรากฎตัวในที่ไหนก็คงเจอเสียงตะโกนด่าทอให้เจ็บปวดหัวใจ
เรื่องของเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ก่อนเกมเปิดสนามกับวูล์ฟแฮมป์ตันสัปดาห์ก่อนก็มีป้ายต่างๆที่ถูกชูขึ้นจากแฟนบอล บางอันอ่านได้ว่า"Female Fans Demand No Greenwood Return – End Violence Against Women"
ถูกต้อง นี่คือเรื่องของความเป็นคน ดังนั้นแล้วต่อให้จะย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ตาม แม้แต่ลีกล่างก็ต้องมีกลุ่มคนที่ตามไปต่อต้าน
กระทั่งแกรี่ เนวิลล์ ตำนานของแมนฯยูไนเต็ดวิจารณ์ทีมเก่าตรงไปตรงมาผ่านการถ่ายทอดสดเกมมันเดยไนท์ระหว่างพาเลซกับอาร์เซน่อล"มันชัดเจนตั้งแต่วันแรกแล้วว่าเขา(กรีนวู้ด)ไม่ควรได้โอกาสกลับมาเล่นให้สโมสรอีก ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยสถานการณ์ที่ยากลำบากตลอดมา มันจึงต้องการผู้นำที่ออกคำสั่งเด็ดขาดในทันที"
ทุกวันนี้บอลหญิงก็กำลังบูม ยิ่งทีมสิงโตสาวได้เข้าชิงเวิล์ด คัพที่เพิ่งจบลงด้วย
ก็ตามที่ได้ตั้งคำถามไว้ข้างบน"อนาคตในอาชีพนักฟุตบอลของกรีนวู้ดจะไปจบอย่างไร?"
นี่ก็อาจจะเป็นความพยายามที่จะปล่อยผู้เล่นออกที่น่าติดตามที่สุดในประวัติศาสตร์ของปีศาจแดง การหาทางออกเพื่อให้จบแบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่นก็คงได้แต่กล่าวสั้นๆอวยพร
โชคดี...แมนฯยูไนเต็ด
"ไก่ป่า"