เป็นเรื่องเป็นราวจนได้สำหรับการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีมของลิเวอร์พูล ที่ล้มอย่างไม่เป็นท่า
มันเกิดอะไรขึ้นกับทีมซื้อขายของ "หงส์แดง" เมื่อไม่สามารถนำนักเตะที่อยากได้มาร่วมทีมสองซัมเมอร์ติดต่อกัน
จาก ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ปีก่อน ตามด้วย จู๊ด เบลลิงแฮม, โรเมโอ ลาเวีย, มอยเซส ไกเซโด้ รวมทั้งข่าวพัวพันกับ เคเฟรน ตูราม....วืดหมดเลย....
ก่อนหน้านี้กรณี จู๊ด เบลลิงแฮม แม้ค่าตัวจะน้อยกว่า ไกเซโด้ แต่ดูเหมือนลิเวอร์พูลกลับถอยในราคาเฉียดๆ £90 ล้าน จะอ้างว่าเป็นเพราะนักเตะต้องการเล่นกับราชันชุดขาวมากกว่า แต่ดูเหมือน เที่ยวนี้ "ลังเลใจ" ด้วยเพราะได้ข้อมูลเรื่อง "ค่าฉีกสัญญา" ของนักเตะสองคน คือ อเลกซิส แมค อลิสเตอร์ กับโดมินิก โซโบสไล ที่รวมกันเกือบได้ เบลลิงแฮม
ใช้งบก้อนเดียวกันแต่ได้สองคนย่อมดีกว่ามั้ย....ไม่มีใครทราบเหตุผลตรงนี้นะครับ เดากันไปต่างๆนานา แต่ที่สำคัญคือพอเจอค่าตัว เบลลิงแฮม ก็ยกธงหงส์แดง ถอยดีกว่า
กระนั้นสิ่งที่มันผิดแผนคือ....จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ สองกำลังสำคัญที่มีประโยชน์กับทีมโดน ซาอุ โปรลีก ทุ่มเงินให้อย่างชนิดที่ลิเวอร์พูลไม่มีทางจ่ายให้สองคนนี้ได้
จำต้องปล่อย...จะไปขวางทางได้อย่างไร
ข้อนี้เสียงวิจารณ์ที่บอกว่า ไม่ควรปล่อย ต้องรั้งไว้ น่าจะมองโลกอุดมคติเกินไป ไม่มองความจริงว่า "เงิน" ซาอุ นั้นหนักเกินกว่าที่จะไปขัดขวางนักเตะ จริงๆก็ ชักกะเย่ออยู่นะ หลายสัปดาห์ก่อนลงตัว เพราะต้องการติดต่อตัวแทน แต่อย่างว่าแหละ ตัวแทนหรือตัวใหม่อย่าง โรเมโอ ลาเวีย ก็ไปต่อซะเขาหมดราคา
สุดท้าย ลาเวีย ตัดสินใจตาม ผ.อ. กีฬาของเขาที่ร่วมงานกันตั้งแต่ แมนฯซิตี้, เซาธ์แฮมป์ตัน ปัจจุบันคือเชลซี อย่าง โจ ชิลด์ ด้วยเพราะเชลซี ให้ตามที่นักบุญขอไม่มีต่อเลยสักเพนส์ แถมบวก "add-ons" ให้อีกรวมๆ £ 58 ล้าน
ทีเดียวอยู่...
นั่นแหละครับคุณผู้ชม ทีมซื้อขายลิเว่อ...จึงโดนแฟนบอลโจมตีเละเทะว่า "ไม่ได้ความ" ที่ได้มาสองคนคือไม่ต้องเจรจาอะไรเพราะยื่นเงินให้เท่ากับค่าฉีกสัญญา ก็ได้ตัวมาแล้ว แค่คุยเรื่อง "ค่าจ้าง" ราย7 วันให้ลงตัวเท่านั้นเอง
ว่าแล้วเดอะ ค็อป ที่อังกฤษ โพสต์กันในโซเชียลบอกนึกถึง ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ อดีตผ.อ.กีฬา มือทองของทีมกันยกใหญ่
ผมว่าอดีตคือนิยามแห่งความหลัง สิ่งนั้นยังฝังใจอยู่มิรู้หายครับ
ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปกับปัจจุบัน
ยอร์ก ชมัดท์เก้ ผ.อ. กีฬาที่ถูกมองว่าคือคนคั่นเวลาเพราะหาใครไม่ได้แล้ว เนื่องจาก ชมัคเก้ ว่างงานแถมเป็นเยอรมนี น่าจะคุยกับ เจอร์เก้น คลอปป์ รู้เรื่อง...คนบ้านเดียวกันนี่แหละ
คำถามคือ ชมัดท์เก้ คือปัญหาของตลาดนักเตะงวดนี้จริงๆหรือ?
ผมว่าไม่ใช่ครับ
ปัญหาทุกเรื่องคือการบริหารงานเบื้องบนนั่นแหละไล่ตั้งแต่ เจ้าของ จอห์น เฮนรี, ไมค์ กอร์ดอน จนถึงซีอีโอ คนล่าสุด บิลลี โฮแกน ที่เข้ามาทำงานแทน กอร์ดอน
ลองดูขั้นตอนการทำงานเหมือนเมื่อครั้งที่ เอ็ดเวิร์ดส์ และ วอร์ด ทำงานนะครับ
1 เจอร์เก้น คลอปป์ กำหนดแผนงานการทำทีม ระบุตำแหน่งในทีมที่อยากได้
2 ชมัดท์เก้และทีมแมวมอง นำรายงานสถิติ, การวิเคราะห์กลุ่มนักเตะให้ เจเค เลือก
3 ชมัดท์เก้ ประสานงานนำรายชื่อให้ทีมซื้อขาย จัดการดีล โดยมีเขาเป็นหนึ่งคนดีล โดยมี ซีอีโอ บิลลี โฮแกน รับทราบเรื่องทั้งหมด
4 FSG สรุปสุดท้ายว่าแฮปปี้มั้ยกับ "งบประมาณ" ที่ใช้ซื้อ
การเข้ามาของ ชมัดท์เก้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาหลังบ้านหงส์แดงชัดเจน
1 มันเกิดอะไรขึ้นกับการลาออกของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ จากนั้นตัวแทนอย่าง จูเลียน วอร์ด ทำงานได้สองตลาดนักเตะก็โบกมือลา รวมทั้งระหว่างทาง เอียน แกรม มือข้อมูลเชิงตัวเลขของทีมซื้อขายก็ไม่อยู่
2 การแก้ปัญหาด้วยการดึง ชมัดท์เก้ "คนว่างงาน" และ "นอกลีก"
จุดนี้น่าสนใจครับเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า ทีมสต๊าฟโค้ชของเจเค ไม่ค่อยแฮปปี้กับทีมซื้อขาย จน เจมส์ เพียร์ซ นักข่าวสายหงส์ที่ถูก ดิ แอธเลติก ซื้อตัวจาก ลิเวอร์พูล เอคโค ซึ่งคลุกคลีตีโมงอยู่กับทีมมานาน เขียนวิจารณ์เรื่องนี้แถมยังไปตั้งคำถามจนโดน คลอปป์ ตะคอกใส่ ไม่ยอมตอบคำถามจากนักข่าวสายหงส์ ที่เหมือนรู้เรื่องข้างในดี
ถ้าการมาของ ชมัดท์เก้ ด้วยสองเหตุผลคือหนึ่ง "คนบ้านเดียวกัน" ซึ่ง ผ.จ.ก. ส่วนตัวของ เจเค (มาร์ก โคซิคเก้) ติดต่อให้ และ "ว่างงาน" ก็มีเค้าโครงเหมือนกันว่าทั้งแก้ขัดด้วยและต้องการคนที่คุยกับ เจเค รู้เรื่องด้วย
ชมัดเก้ มีสัญญาหลวมๆ หนึ่งปี โดยทีมขอประเมินผลงาน 3 เดือนก่อน สองฝ่ายสามารถยกเลิกสัญญาได้หลัง 31 ส.ค. ถ้าหากไม่ผ่านโปร (มีเวลาอีกสองวีคนะ)
ประเด็นที่ต้องไม่ลืมคือว่า.....หลังการแต่งตั้งอดีตผู้รักษาประตู ที่มาเอาดีในการเป็นผ.อ.กีฬาฟุตบอลบุนเดสลีกา ปรากฏว่านักข่าวเยอรมนี วิจารณ์คล้ายๆกันว่า "น่าแปลกใจ"
เซอร์ไพรสสสสสส
ทำไมถึงมาตั้ง ชมัดท์เก้ ที่ "ว่างงาน" พึ่งประกาศว่าจะขอวางมือจากงานหน้าที่นี้ (ม.ค.2023)
อย่างนักข่าวบอลเยอรมนี ของยูโร สปอร์ต มาร์ก ฮลูเซียก บอกว่า " ด้วยความเคารพ ชมัดเก้ ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไรนักในบอลเยอรมนี ทุกคนถึงกับแปลกใจที่ลิเวอร์พูลดึงตัวเขาไปทำงานด้วย"
สายข่าวเยอรมนี บอกว่า ชมัดเก้ เป็นคนขี้โมโห เจ้าอารมณ์ด้วยซ้ำ และกล้าปะทะกับ โค้ชที่ทำงานด้วยเลย ไม่มีอ้อมค้อม ที่มีผลงานกับโคโลญจน์ และโวล์ฟบวร์ก คือซื้อนักเตะราคาถูกตามโครงสร้างการเงินของทีมเท่านั้น ไม่มีอะไรหรูหราหมาเห่า
ฮลูเซียค บอกว่า "ดีลที่สร้างชื่อให้กับเขาในปีแรกที่ทำงานกับโวล์ฟบวร์กคือ เวาต์ เวกฮอร์สท์"
โดยในทีมลิเวอร์พูลเขาทำงานร่วมกันกับ เดฟ ฟัลโลว์ส แมวมองมือเก๋าและ แบร์รี ฮันเทอร์ หัวหน้าแผนกคัดเลือกและพัฒนานักฟุตบอล นั่นรวมทั้งประสานงานกับ เจอร์เกน คลอปป์ ผ.จ.ก. ของทีม
สำคัญที่สุดนะครับ..... ชมัดท์เก้ ยังไม่เคยทำงานนอกประเทศ แน่นอน กลไกตลาดนักเตะและกลุ่มก้อนความสามารถนักเตะในพรีเมียร์ลีก ก็ไม่ได้อยู่ในการมอนิเตอร์ของเขาเลย
นึกภาพ ราล์ฟ รังนิก ระดับปรมาจารย์ของวงการบอลเยอรมนี ในเรื่องของ ผ.อ. เทคนิคและที่ปรึกษาด้านฟุตบอล ยังเอาชื่อมาทิ้งที่โรงละคร เลยครับ
อย่างไรก็ตาม....ยกประโยชน์ให้จำเลย ว่ากันว่า "ดีล ไกเซโด้" นั้น คนที่เดินเกมนี้ คือ บิลลี โฮแกน ซีอีโอ สโมสรที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการซื้อขายของลิเวอร์พูล ก่อนรายงานตรงต่อท่านประธาน จอห์น เฮนรี เจ้าของที่เมียสวยมาก
เงิน £110 ล้าน เกินอำนาจ ชมัดท์เก้ แน่ๆ เจ้าของคงไม่ไว้ใจ ต้องให้มือทำงานอย่าง โฮแกน เดินเรื่อง ซึ่งพอล้มเหลวคนก็มาด่า ชมัดเก้
เอาจริงๆ "ดีล ลาเวีย"ที่ต่อแล้วต่ออีกยังไม่ได้ คิดหรือว่า ชมัดท์เก้ จะคิดการใหญ่ £110 ล้าน เพื่อปาดหน้าเชลซี
ไม่เมคเซ้นส์แน่นอน
ดังนั้น....ณ จุดนี้ คณะกรรมการซื้อขาย และคนทำงานในส่วนที่เคยเป็นจุดแข็งของลิเวอร์พูล ดันกลายเป็นจุดอ่อนไปซะแล้ว
ทั้งไม่มีโครงสร้างที่เป็นปึกแผ่น มืออาชีพมาทำงาน,มีความลังเลใจ, การเข้าบอลผิดจังหวะจะโคน ดูสับสนวุ่นวายไปหมด
ดังนั้นเพื่อทำให้กระแสความเชื่อมั่นและศรัทธากลับคืนโดยเร็ว
เบอร์6 ต้องมาด่วนๆ
เวลาเหลืออีกสองสัปดาห์เป็นอย่างมาก....จะทำไรต้องรีบทำ ทีมซื้อขาย ถ้าไม่ได้กองกลางตัวตัดเกม แบบใช้งานได้เลย หวังจะใช้ แมกก้า ยืนพื้นเหมือนนัดแรก ซึ่งแม้เขาทำได้ดี แต่นั่นเท่ากับเสียนักเตะเบอร์ 8 จนต้องทดลองใช้ กัคโป ซึ่งเล่นไม่ได้เลย กลายเป็นเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด
ผมลิสต์รายชื่อตามที่เป็นข่าวในหลายๆสื่อที่พอเชื่อถือได้ไม่โคมลอย นั่งเทียน
ชีคห์ ดูกูเร่ (พาเลซ)
ชูเอา ปาลินญ่า (ฟูแล่ม)
อิบราฮิม ซังกาเร (พีเอสวี)
ฟลอเรนติโน ลุยซ์ (เบนฟิก้า)
อังเดร (ฟลูมิเนนเซ)
มานู โคเน่ (กลัดบัค)
ไรอัน กราเวนแบร์ช (บาเยิร์น) เบอร์8
นิโกล่า บาร์เรลา (อินเตอร์) เบอร์6 และ 8 JK ชอบ
ชอบใจใครลองเลือกกัน....
แต่ที่แน่ๆ ทีมซื้อขายต้องซื้อเบอร์หกต้องมาเสริมทีมเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่แดนกลางของหงส์แดง เพื่อเป้าหมายอันดับสี่ในแบบที่ออกแรงไม่เหนื่อยมากนัก
JACKIE