"พวกเราจะต้องทำให้ดีขึ้นและเริ่มทำในสิ่งที่เราควรจะทำ แน่นอนเราต้องการนักเตะใหม่เข้ามาเพื่อยกระดับทีมแต่ขณะเดียวกันนักเตะที่เรามีอยู่แล้วก็ต้องโชว์ผลงานให้ดีขึ้นกว่าซีซั่นที่ผ่านมาด้วย ผมเชื่อมั่นในทีมงานทุกฝ่าย"
ประโยคข้างต้นเจอร์เก้น คล็อปป์ให้สัมภาษณ์ไว้ช่วงปลายเดือนก่อน ตอนนั้นจอร์แดน เฮนเดอร์สันกับฟาบินโญ่ยังไม่ย้าย มีแค่กระแสข่าวที่โหมแรงว่าทั้งคู่เตรียมย้ายไปโกยเงินที่ลีกซาอุฯ
เวลาผ่านมาสามสัปดาห์ทั้งสองออกจากสโมสรไปเรียบร้อยแต่ทางตรงกันข้ามถึงนาทีนี้ยังไม่มีผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันเข้ามาทดแทน มีออกก็ควรมีเข้า อย่างยิ่งชิ้นหลักฐานจากเกมเปิดสนามที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ด้วยที่ชัดเจนว่าลิเวอร์พูลต้องการมิดฟิลด์ตัวรับคนใหม่มาโดยด่วน
แต่ไหนแต่ไรคล็อปป์ให้น้ำหนักความเชื่อมั่นทีมงานเสมอ เขาแทบไม่เคยออกมาปริปากบ่นใดๆโดยก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว
จากเพรส คอนเฟอเรนซ์ก่อนเกมเชลซีเมื่อวันศุกร์ที่ออกมายืนยันว่าทีมบรรลุข้อตกลงกับไบร์ทตันขอซื้อมอยเซส ไกเซโด้ได้แล้วก็กลายว่าทีมได้วืดเป้าหมายสำคัญไปให้กับคู่แข่งที่เพิ่งไปยันเสมอมา1-1 ขณะเดียวกันอีกตัวอย่างโรเมโอ ลาเวียที่ก็เคยแสดงความสนใจหนักก็ดูเหมือนจะพลาดหวังอีก
ข้อเสนอสามครั้ง38ล้าน, 41ล้านและ45ล้านถูกเซาธ์แฮมป์ตันปฎิเสธหมด ก็ทำไงได้ใจลึกๆของดาวรุ่งอายุ19นั้นก็พร้อมลากกระเป๋ามาแอนฟิลด์อยู่แต่ไปๆมาๆเหมือนถูกทิ้งกลางทางซะงั้น สโมสรตราหงส์เบนเป้าไปรุกหนักให้ไกเซโด้แทน
ข่าวที่ว่าลาเวียต้องการไปเชลซีมากกว่าจึงเข้าใจได้ว่าทำไม
มันจึงไม่ต่างจากโดนตบหน้าถึงสองครั้งซ้อนสำหรับสโมสรที่ประสบความสำเร็จเป็นแถวหน้าของประเทศ
การซื้อตัวของลิเวอร์พูลยุคคล็อปป์ทำได้ดีมาตลอด ส่วนใหญ่คุ้มค่าและมีจำนวนไม่น้อยเลยที่จ่ายถูกกว่าคุณภาพที่แสดงในสนาม ซัมเมอร์นี้ทั้งอเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์กับโดมินิค โซบอสซ์ไลก็คงไม่ต่างจากที่แล้วมา
อย่างไรก็ตามทั้งสองไม่ใช่ตัวรับโดยธรรมชาติ ไม่ใช่เบอร์6ที่ปักหลักอยู่หน้าแผงหลังโดยเกมกับเชลซีเมื่อวันอาทิตย์ได้บ่งบอกเช่นนั้น
คำถามจากนี้จนกว่าตลาดปิดในวันที่ 1 กันยายนก็อยู่ที่ว่าทีมงานซื้อขายหงส์แดงจะหาใครเข้ามาอุดรอยรั่วดังกล่าว? แผนเอกับแผนบีพลาดแล้ว ก็ต้องงัดแผนซีขึ้นมาและแน่นอนตามริมฝีปากเดอะ ค็อปทั่วหล้าก็อ่านได้ว่า"เขาจะเป็นใครกัน?"
บางคนอาจจะมองว่าตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับมีตั้งเยอะ ไม่ได้ไกเซโด้หรือลาเวียก็มีคนอื่นอีก หากอย่าลืมว่าในตอนนี้ทุกสโมสรก็อ่านออกว่าอะไรเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องการ คุณได้เปิดไพ่แล้วว่ามีเงินจ่ายหลัก100ล้านดังนั้นการเจรจากับใครก็ตามย่อมมีสิทธิเจอโก่งค่าตัวได้
ในช่วงที่กำลังหามิดฟิลด์ตัวรับเข้ามาก็เป็นช่วงที่คล็อปป์ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไป เขาอาจต้องปรับแท็กติกเพื่อไม่ให้สิ่งที่เกิดตลอดครึ่งหลังกับเชลซีซ้ำรอยอีก ยกตัวอย่างใช้ระบบ4-2-3-1ในระยะสั้นไปก่อนเป็นต้น
เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงทีมงานโดยเฉพาะตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาจากไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์เป็นจูเลี่ยน วอร์ดและอีก12เดือนให้หลังเป็นจอร์ก ชมัดท์เค่นั้นก็มีส่วนทำให้ความต่อเนื่องในเรื่องการทำทีมไม่เหมือนแต่ก่อน
ว่ากันว่าหน้าร้อนปีที่แล้วมีเอเยนซี่เสนอชื่อเอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซที่ยังอยู่ริเวอร์ เพลทให้พวกเขา ราคาตอนนั้นก็แค่15ล้านปอนด์เท่านั้น กระนั้นลิเวอร์พูลบอกปัดไปว่าความเสี่ยงสูง ต่อมาเอ็นโซ่ไปเบนฟิก้า ไปเป็นดาวดังในบอลโลกกับอาร์เจนติน่าก่อนย้ายมาเชลซีด้วยมูลค่า105ล้านปอนด์
มองตลาดตอนนี้ในอังกฤษก็มีตำแหน่งที่พวกเขาต้องการเช่นไทเลอร์ อดัมส์ของลีดส์ ยูไนเต็ดแต่ข้อด้อยก็เจ็บบ่อยไป, เชา ปาลินโญ่ของฟูแล่มที่โดดเด่นมากซีซั่นที่แล้วโดยมีสถิติแท็กเกิ้ลสูงสุดของท็อปไฟว์ลีกยุโรปรวม148ครั้ง(สำเร็จ 84 ครั้ง)กับอีกคนก็ชีค ดูกูเร่ของคริสตัล พาเลซ
ถูกต้องว่าจะปาลินโญ่หรือดูกูเร่ก็จะถูกตั้งราคาที่ย่อมทำให้ต้องคิดหนัก ส่วนรายของโอเรเลียง ชูอาเมนี่ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสก็เชื่อกันว่ายังไม่คิดออกจากเรอัล มาดริดในตอนนี้
ที่ผ่านมาลิเวอร์พูลจะซื้อใครทีก็ต้องทำการบ้านอย่างละเอียด ทว่าเวลานี้กลายว่าต้องเร่งหาเข้ามาในช่วงสองสัปดาห์จากนี้
"นั่นเป็นเรื่องที่โค้ชเชลซีทุกคนต้องการ พวกเขาจะได้สิ่งที่ปรารถนา"บางคำพูดของคล็อปป์ที่แฝงให้คิดหลังเกมเมื่อวันอาทิตย์
หากจำนวนเงินก้อนโตหลัก110ล้านจากสโมสรอย่างลิเวอร์พูลยังไม่สมหวังแล้ว นั่นก็อาจบอกได้ถึงทิศทางตลาดซื้อขายในยุคปัจจุบัน
ไม่มีใครรู้ว่าจะจบอย่างไร
แต่คุณต้องเห็นใจคนที่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาและคอยแก้ไขปัญหา...
"ไก่ป่า"