พรีเมียร์ลีกยังไม่ทันตัดริบบิ้นทางการก็มีโค้ชรายแรกที่ต้องลากกระเป๋าออกซะแล้ว ถึงจะมีข่าวระแคะระคายออกมาบ้างแต่ว่ากันความจริงก็ถือเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
ไม่ใช่แค่ว่าฆูเลน โลเปเตกีเป็นคนที่ทางกลุ่มทุนจีน เจ้าของวูล์ฟแฮมป์ตันอยากได้ตัวมานาน ก็มีการติดต่อตั้งแต่ตอนเข้าเทกโอเวอร์ใหม่ๆปี2016ด้วยซ้ำ ตอนนั้นโดนบอกปัดเพราะเจ้าตัวอยากทำงานในสเปนต่อไป
มาสมหวังเอาช่วงกลางซีซั่นที่ผ่านมา ความจริงแล้วก็ถือว่าเสี่ยงอยู่พอควรเลยกับการที่เข้ามาคุมทีมที่จมอยู่ก้นตารางกับลีกที่ได้ชื่อว่าแข็งที่สุดในโลก
"ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของทีมๆนี้ เราจะไม่มองแค่รอดตกชั้น เราต้องการทำอันดับให้สูงที่สุดโดยมีเป้าหมายไกลกว่านั้นในฤดูกาลต่อไป"บางบทสัมภาษณ์ที่อดีตกุนซือเรอัล มาดริดกล่าวไว้ในวันเปิดตัวกับทีมหมาป่า
แทบทุกอย่างเป็นไปตามนั้น...
ฝีมือของโลเปเตกีไม่ต้องสาธยายเยอะ เกียรติประวัติพาเซบีย่าคว้าแชมป์ยูโรปาเป็นชิ้นหลักฐานแต่ใครที่ติดตามเขาก็จะรับรู้ว่าเป็นโค้ชที่เชี่ยวชาญเรื่องการวางแท็กติก นั่นเองทำให้เขาพาวูล์ฟส์จากอันดับ20ห่างโซนอยู่รอดถึง4แต้มมาเข้าป้ายในอันดับ13แบบไม่ต้องพะวงใดๆ
แยกแยะประเด็นเบื้องหลังที่ทำให้ต้องมีการแยกทางกันก่อนหน้าเกมเปิดสนามเยือนแมนฯยูไนเต็ดในคืนวันจันทร์ได้ดังนี้
1.โลเปเตกีหมดความเชื่อใจในกลุ่มทุนจีนโดยเฉพาะเจฟฟ์ ฉี ประธานสโมสรเรื่องงบประมาณเสริมทัพ
2.เขาต้องการนักเตะใหม่เข้ามาอย่างน้อย4รายแต่ถึงตรงนี้ไม่มีมาสักคนเดียว
3.คาแรกเตอร์ของโลเปเตกีที่แข็งกร้าวจนทำให้มีทีมงานบางคนรู้สึกอึดอัด ว่ากันว่าเขาไม่สนใจใครโดยพร้อมเรียกทุกคนมาต่อว่าตรงไปตรงมา
4.ส่วนตัวโลเปเตกีเองก็มีข้อเสนอจากสโมสรอื่นเข้ามา ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องง้อวูล์ฟส์
กระนั้นปัญหาหลักเลยที่ทำให้สัญญาต้องฉีกขาดลงก็มาจากเรื่องการที่ทีมจำต้องรัดเข็มขัด นับจากตลาดหน้าร้อนเปิดก็มีการลงทุนแค่ซื้อขาดตัวที่มีอยู่แล้วอย่างมาเตอุส คุนย่ากับบูบาคาร์ ตราโอเร่รวมกัน55ล้านปอนด์ อีกคนที่ย้ายกลับมาเป็นการเซ็นฟรีได้แก่แมตต์ โดเฮอร์ตี้
ความเข้มงวดของกฎไฟแน่นเชี่ยล แฟร์เพลย์(FFP)โดยวูล์ฟส์ได้ทุ่มเงินซื้อผู้เล่นเข้ามาทะลุหลักร้อยล้านเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ขณะเดียวกันแผนงานดึงผู้ร่วมลงทุนจากวงนอกก็มีการชะลอช้ากว่าที่คาดจึงทำให้ทางเจ้าของชาวจีนไม่สามารถทำได้ตามที่เคยตกลงไว้กับโลเปเตกี
ก็ตามที่เห็นว่านอกจากไม่มีซื้อเข้าแล้ว ก็ยังมีปล่อยออกไปหลายคนจนทำให้ทีมอ่อนลง ตั้งแต่รูเบน เนเบส(47ล้าน), นาธาน คอลลินส์(23ล้าน), ราอูล ฆิมิเนซ(5.5ล้าน), คอนอร์ คอดี้(7.5ล้าน)รวมไปถึงไรอัน จิลส์ที่ปล่อยให้ลูตัน5ล้านปอนด์
กรณีของฆิมิเนซก็ว่ากันว่าตัวโลเปเตกีไม่รู้มาก่อนด้วย ส่วนจิลส์นั้นต่อให้ซีซั่นก่อนไปฉายแววได้ดีกับมิดเดิ้ลสโบร์ชทำไปถึง11แอสซิตส์ก็ถูกขายทำเงิน
ไม่ใช่เท่านั้นยังมีเชา มูตินโญ่กับอดาม่า ตราโอเร่ อีกสองตัวหลักที่ถูกลอยแพออกจากทีมเพื่อลดเพดานค่าจ้าง
การทำทีมฟุตบอลก็เหมือนการทำงานในองค์กรทั่วไป มันต้องอาศัยความเข้าใจกันในทุกส่วน เรื่องของความคิดขัดแย้งหรือไม่ลงรอยมีเป็นปกติอยู่แล้วแต่ใครกันจะประคับประคองเอาตัวรอดได้นั่นต่างหากมีโอกาส
คาแรกเตอร์ที่แข็งกร้าวของโลเปเตกีก็นำมาถึงเส้นคั่นระหว่างเขากับพวกทีมงานที่รับใช้วูล์ฟส์มายาวนาน แม้แต่คนที่เคยเข้านอกออกในทีมประจำก็ต้องส่งอีเมลเพื่อขออนุญาตเข้าไปดูทีมซ้อม จุดนี้แตกต่างจากสมัยที่นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโตอยู่
นี่ก็เป็นบางสิ่งที่ฟุตบอลมีให้ได้เห็นต่อเนื่อง
เคสคล้ายกันนี้ก็คงจำกันได้ในรายอันโตนิโอ คอนเต้กับสเปอร์สที่ฉากจบนั้นเต็มด้วยรอยร้าวภายในสโมสรแห่งนอร์ธ ลอนดอน
มีผู้บริหารของวูล์ฟส์บางรายเชื่อว่าด้วยนักเตะที่มีอยู่ก็ถือว่าแข็งแกร่งพอที่จะประคองจบแถวกลางๆตาราง แต่ทางตัวโลเปเตกีคิดตรงกันข้าม
การแยกทางจึงยากหลีกเลี่ยง
ทางวูล์ฟส์ก็ได้เริ่มเจรจาหาโค้ชใหม่มาแทนแล้วโดยตัวเต็งเป็นแกรี่ โอนีลล์ อดีตโค้ชที่ช่วยเซฟบอร์นมัธได้ในปีที่ผ่านมา
ถึงตรงนี้แฟนบอลหมาป่าก็คงได้แต่ภาวนาว่าทีมจะไม่ลงเอยเหมือนเลสเตอร์ ซิตี้ แม้ว่าอย่างน้อยที่สุดการเปลี่ยนแปลงมีขึ้นเร็วตั้งแต่ต้นสิงหาคม
โลเปเตกีเป็นรายแรกและจะไม่ใช่สุดท้ายแน่นอน
มารอดูกันครับว่าซีซั่น2023/24นี้จะทำลายสถิติซีซั่นก่อนที่ถือว่าบ้าระห่ำแล้วหรือเปล่า
"ไก่ป่า"