แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งจบช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น และตอนนี้ทัพ "ปีศาจแดง" กำลังเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับแมตช์ปะทะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดเปิดฤดูกาล 2023/2024 วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคมนี้
ทีมของกุนซือเอริค เทน ฮาก ลงเล่นลับแขั้งจำนวน 8 เกมตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ และดูเหมือน นายใหญ่ชาวดัตช์ จะได้ขุมกำลังที่พร้อมสำหรับสู้ศึกในซีซั่นใหม่ หลังจากที่พวกเขาทุ่มเงินไปกว่า 170 ล้านปอนด์ (ราว 7,140 ล้านบาท) ในการคว้าตัว เมสัน เมาท์, อ็องเดร โอนาน่า และ ราสมุส ฮอยลุนด์ ช่วงซัมเมอร์นี้
สำหรับตอนนี้ เทน ฮาก ยังคงมีการบ้านที่จะต้องแก้ไขอีกหลายจุด ไม่ใช่แค่เรื่องการหาผู้เล่นใหม่มาร่วมทีมก่อนตลาดพ่อค้าแข้งรอบแรกจะปิดตัวในวันที่ 1 กันยายนนี้เท่านั้น เพราะทีมยังมีเรื่องที่ต้องรีบปรับจูนเป็นการด่วนก่อนเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีจะเปิดม่านฟาดแข้งช่วงสุดสัปดาห์นี้
1. ทีมจำเป็นต้องเสริมทัพเพิ่มอีกไหม ?
ด้วยการที่ทีมสามารถคว้า 3 เป้าหมายหลักที่ต้องการได้แล้ว แต่การที่ทีมมีเวลาอีกประมาณ 23 วันก่อนตลาดนักเตะวายในการที่จะเสริมทัพเพิ่ม แต่งานนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ยังคงสงสัยว่าทีมรักของพวกเขาพึงพอใจกับขุมกำลังที่มีอยู่ในตอนนี้ และไม่คิดจะซื้อใครมาเพิ่มอีกแล้วใช่ไหม ?
ช่วงที่ผ่านมา "ผีแดง" มีข่าวพัวพันกับ โซฟียาน อัมราบัต กองกลางคนสำคัญของ ฟิออเรนติน่า ซึ่ง เทน ฮาก รู้จักศักยภาพเป็นอย่างดีเพราะเคยทำงานร่วมกันสมัยที่อยู่กับสโมสรเอฟซี อูเทร็คท์
อย่างไรก็ตามด้วยค่าตัวจำนวน 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,260 ล้านบาท) ที่ทัพ "ม่วงมหากาฬ" แปะป้ายเอาไว้ดูเหมือนมันจะแพงเกินไปสำหรับยอดทีมแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในตอนนี้
แมนฯ ยูฯ เพิ่งเซ็นสัญญากับ ฮอยลุนด์ เพื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระการยิงประตูให้กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ โอนาน่า ก็ย้ายมาเป็นมือ 1 แทน ดาบิด เด เคอา ที่อำลาทีมหลังหมดสัญญา แต่ "ปีศาจแดง" ควรจะมีโกลหรือเพิ่มอีกซักคนไหม ?
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถปล่อยผู้เล่นที่ไม่ต้องการออกไปได้สำเร็จหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็น ดีน เฮนเดอร์สัน (ผู้รักษาประตู), เฟร็ด(กองกลาง), สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (กองกลาง) และ เอริค ไบยี่ (กองหลัง)
2. ปัญหาของ แม็กไกวร์ จะแก้ยังไง ?
ตอนนี้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลายเป็นส่วนเกินของ แมนฯ ยูไนเต็ด สมบูรณ์แบบแล้ว หลัง เทน ฮาก ตัดสินใจริบปลอกแขนกัปตันทีม และมอบให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำหน้าที่ผู้นำทีมในฤดูกาลใหม่ ขณะที่นักเตะยังโดนลดชั้นไปเล่นกับทีมชุดบีช่วงปรีซีซั่นด้วย
"เจ้าหัวแตงโม" เคยโดน โอนาน่า จวกยับไม่นับญาติในแมตช์พ่าย "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เกมอุ่นเครื่องเมื่อเร็วๆ นี้ และยังทำพลาดจนส่งผลให้ต้นสังกัดโดน แอธเลติก บิลเบา ยิงประตู ทั้งสองเหตุการณ์เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าเขาขาดความเชื่อมั่นอย่างมาก
กุนซือหัวใส แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ ไม่ใช่ตัวเลือกหลักในแนวรับอีกต่อไป โดย ราฟาแอล วาราน กับ ลิซานโดร มาร์ตเนซ คือ 2 เซนเตอร์แบ็กตัวจริง ขณะที่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เป็นยางอะไหล่ แถม ลุค ชอว์ ยังสามารถขยับจากแบ็กซ้ายมายืนตรงกลางได้ด้วย
สำหรับตอนนี้ เทน ฮาก ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะเลือกเก็บ แม็กไกวร์ เอาไว้เป็นกำลังเสริม หรือขายทิ้งเพื่อนำเงินมาใช้ในการเสริมทัพ แต่ถ้าอยากลดภาระด้านการเงินซึ่งนักเตะได้รับค่าเหนื่อยถึง 200,000 ปอนด์ (ราว 8.4 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ คงตอบคำถามนี้ได้ไม่ยากว่าจะต้องทำยังไง
3. ฮอยลุนด์ จะฟิตเมื่อไหร่ ?
ฮอยลุนด์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อหน้าแฟนผีโปรเจกต์ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนแมตช์ชนะ ล็องส์ 3-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่กระนั้นนักเตะยังคงต้องเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บที่หลัง และทำให้เขายังเล่นให้กับต้นสังกัดใหม่ไม่ได้
สำหรับตอนนี้แฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด คงได้แต่นับวันรอว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของ หัวหอกวัย 20 ปี ? โดย กองหน้าทีมชาติเดนมาร์กจะทำหน้าที่เป็นหน้าเป้าสำหรับแผนการเล่นในระบบ 4-3-3
ดาวยิงจากแดนโคนม โชว์ฟอร์มพอใจได้เมื่อซัดไป 10 ประตูให้กับ อตาลันต้ ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่เขาจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระการยิงประตูของ แรชฟอร์ด ได้อย่างที่คาดหวังเอาไว้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่สาวก "ผีแดง" ยังคาใจ
แน่นอนว่าบรรดาผู้ที่ถวายวิญญาณให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องอดทนและให้เวลาดาวรุ่งรายนี้ อย่าลืมว่าการย้ายทีมด้วยค่าตัวแพงมหาศาลถึง 72 ล้านปอนด์ (ราว 3,024 ล้านบาท) ย่อมทำให้ ฮอยลุนด์ แบกรับแรงกดดันมหาศาลเลยทีเดียว ดังนั้น เทน ฮาก จะต้องพยายามปกป้องแข้งรายนี้ไม่ให้เครียดเกินไปจนส่งผลต่อฟอร์มการเล่น
4. กองกลาง แมนยู สมดุลแล้วหรือยัง ?
ไลน์อัพของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมปะทะ ล็องส์ ดูเหมือนจะเป็นการบ่งบอกเป็นนัยๆ ว่านี่คือ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทีมสำหรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากในอีกไม่กี่วันนี้ ขณะที่แมตช์สุดท้ายช่วงปรีซีซั่นกับ แอธเลติก บิลเบา นั้น เทน ฮาก ใช้แข้งดาวรุ่งเป็นส่วนใหญ่ลงสนาม
นายใหญ่ชาวดัตช์ น่าจะเลือก เมาท์ เล่นเคียงข้างกับ กาเซมีโร่ ตรงกลางสนาม ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะขยับขึ้นไปเล่นสูง โยทำหน้าที่เป็นตัวสร้างสรรค์เกมแบบเต็มรูปแบบ
เมาท์ ทำผลงานได้ดีขึ้นเมื่อได้อิสระในการเล่นเกมรุก และยังขยันวิ่งกดดันเวลาที่ไม่มีบอล แต่กระนั้น อดีตสตาร์เชลซี อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อที่จะเล่นได้ลงตัวในแดนกลาง ขณะเดียวกัน คริสเตียน เอริคเซ่น ก็พร้อมที่จะลงสนามเพื่อช่วยสร้างความแตกต่างให้กับทีม ส่วน เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มีแววจะย้ายทีมในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม เทน ฮาก ต้องมาเจอเรื่องปวดหัวเมื่อ ค็อบบี้ ไมนู ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นเรื่องเสียหายเพราะแข้งดาวรุ่งวัย 18 ปีทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงปรีซีซั่น ดังนั้นเรื่องที่น่าสนใจก็คือ เทน ฮาก จะสร้างความสดมุลให้กับแผงกลางได้ยังไง โดยเฉพาะเมื่อต้องสู้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง
5. โอนาน่า ไว้วางใจได้มากแค่ไหน ?
การเซ็นสัญญากับ โอนาน่า เพื่อมาทำหน้าที่มือ 1 แทน เด เคอา เป็นเรื่องที่ เทน ฮาก ต้องการอย่างมาก เพราะเขารู้จักนักเตะรายนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเคยทำงานร่วมกันสมัยอยู่กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์
แมนฯ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินจำนวน 43 ล้านปอนด์ (ราว 1,806 ล้านบาท) ในการดึง นายด่านปราการสุดท้ายทีมชาติแคเมอรูน มาเสาเฝ้า เพราะแข้งรายนี้มีศักยภาพตามที่ กุนซือชาวดัตช์ ต้องการทุกอย่าง
โอนาน่า ถือเป็นหนึ่งในโกลที่ใช้เท้าเล่นกับบอลได้ดีเยี่ยม และยังอ่านเกมขาด แถมยังกล้าที่จะออกมาเล่นนอกกรอบเขตโทษ ซึ่งนั่นทำให้ แมนฯ ยูฯ สามารถสร้างเกมจากแดนหลังได้ตามที่ เทน ฮาก ต้องการ
สไตล์การเล่นของ อดีตนายทวาร อินเตอร์ มิลาน จะสร้างประโยชน์ให้กับ แมนฯ ยูฯ เวลาที่ทีมมีโอกาสได้ครองบอล แต่กระนั้นมันก็อาจมีข้อเสนออยู่บ้าง เพราะการที่ออกมาไกลเกินไป หากทีมพลาดเสียบอล มีสิทธิ์ที่เขาจะโดนส่องประตูเหมือนในแมตช์ที่พบกับ ล็องส์
โกลวัย 27 ปี มีความกระตือรือร้นที่จะเป็นผู้นำในเกมรับ และพร้อมที่จะคอยกระตุ้นทีม หรือตักเตือนเพื่อนๆ หากเล่นผิดพลาด เหมือนที่ แม็กไกวร์ โดนมาแล้วในเกมกับ ดอร์ทมุนด์ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นสมัยที่ทีมมี เด เคอา
ทอมเม้ง