เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเดินก้มหน้าผ่านสื่อไปขึ้นรถโค้ชที่จอดรออยู่ด้านนอก ก่อนนั้นเขาเองเพิ่งให้สัมภาษณ์ผ่านไมโครโฟนแสดงความรู้สึกไม่ชอบใจนักที่เกมมีการทดเวลาบาดเจ็บนานมากไป จากป้ายที่ชู8นาทีก็ยังต่อเลยมาอีกจนทำให้ทีมโดนตีเสมอจนไปแพ้ในการดวลจุดโทษ
ฟังดูคล้ายเป็นข้อแก้ตัว
หากคือสิ่งที่ใช่ว่าแต่เป๊ปต้องทำตัวให้ชิน แม้แต่แฟนบอลอย่างพวกเราเองก็เช่นกันเนื่องจากซีซั่นใหม่นี้ได้ทางอังกฤษได้มีการแก้ไขกฎให้มีการต่อเวลามากขึ้นเพื่อชดเชยช่วงที่เกมต้องหยุดระหว่างแมตช์ไป
ประตูจากเลอันโดร ทรอสซาร์นาที101นั้นจึงจะไม่ใช่ตัวเลขที่น่าตกใจที่สุดแน่พอพรีเมียร์ลีกกลับมาแข่งขันในสัปดาห์ที่จะถึงนี้
คอมมูนิตี้ ชิลด์อาจมีความหมายถึงเกมการกุศลแต่ก็สังเกตได้เลยว่าในระยะหลังแต่ละทีมที่ได้สิทธิเข้มาเวมบลีย์ก็คาดหวังจะได้ครองโล่สีเงินให้ได้ อย่างเดียวกับเมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ทั้งแมนฯซิตี้กับอาร์เซน่อลก็ใส่กันเต็มร้อย การจัดตัวจากโค้ชสองฝั่งรวมถึงแก้เกมก็บ่งบอกว่าต้องการจะออกมาในฐานะผู้ชนะ
"Arsenal Arsenal Arsenaaaaaal"กระหึ่มออกมาตลอดตอนเกมจบ
จากทีมที่อกหักเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาก็มีพัฒนาการชัดเจนภายหลังทุ่มเงินร่วม200ล้านปอนด์ช่วงซัมเมอร์ ต้องชื่นชมมิเกล อาร์เตต้ากับทีมงานที่ไม่หยุดแค่คำว่า'เกือบ' ทั้งสามคนที่ก็เป็นตัวจริงทั้งหมดไม่ว่าจะเดแคลน ไรซ์, ไค ฮาเวิร์ตซ์หรือว่ายูร์เรี่ยน ทิมเบอร์ล้วนเป็นการแก้ไขจุดบกพร่องกับยกระดับทีมให้แกร่งขึ้น
ทางเลือกมีมากขึ้น
คุณภาพของทีมก็สูงขึ้น
ประสบการณ์ก็พอกพูนขึ้น
นี่ย่อมเป็นขวบปีที่สาวกปืนเริ่มวาดฝันได้ว่าบางทีฤดูกาลนี้จะเป็นปีของพวกเขาบ้าง ทว่าแน่นอนคำถามแรกและสุดท้ายก็คือทำอย่างไรที่จะข้ามทีมของเป๊ปไปได้
อย่างหนึ่งเกมชิงโล่การกุศลนั้นไม่เคยจะมาชี้วัดอะไรได้ นับแต่มีพรีเมียร์ลีกก็มีแค่8ครั้งเท่านั้นที่ก้าวไปเป็นแชมป์ลีก ลงลึกไปจากปี2011มาก็มีเพียงหนเดียว นั่นก็ได้แก่แมนฯซิตี้ในปี2018/19
เป๊ปย่อมรับรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร
ทีมของเขาแพ้ในเกมคอมมูนิตี้ ชิลด์มาก่อนหน้านี้สองปีติด คราวนี้ก็นับเพิ่มเป็นสามครั้งติดแต่ถามว่าฉากจบสุดท้ายเป็นอย่างไร?
มีเสียงเฮเย้ยจากพวกกูนเนอร์สตอนเอร์ลิ่ง ฮาลันด์โดนเปลี่ยนออกในนาที64ซึ่งก็ถือเป็นเกมที่หัวหอกนอร์เวเจี้ยนทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากไม่มีสกอร์แล้วก็ยังได้สัมผัสบอลเพียง13ครั้งแค่นั้น อีกนั่นแหละก็ต้องนึกย้อนไปถึงเกมเดียวกันนี้ปีที่แล้วกับลิเวอร์พูล เชื่อว่าหลายคนยังน่าจำได้
ฟุตบอลไม่เคยสรุปได้ตั้งแต่สิงหาคม
ในเพรสที่เวมบลีย์ก็มีนักข่าวจากแท็บลอยด์ดังรายหนึ่งบอกไว้ว่า"นี่คือเรื่องปกติของซิตี้ พวกเขามักออกสตาร์ทช้า มีหลายเหตุผลเกี่ยวข้องเช่นเรื่องของทีมที่มีการเข้า-ออกอยู่กับแท็กติกที่เป๊ปพยายามลองใช้"
เกมกับอาร์เซน่อลก็ไม่พบแท็กติกเดียวกันจากซีซั่นที่แล้ว ไม่ได้เห็นไคล วอล์คเกอร์หรือจอห์น สโตนส์เติมเข้าตรงกลางเป็นมิดฟิลด์ตัวพิเศษ ระบบที่ใช้ในช่วงแรกก็เบสิคทั่วไปเลย4-4-2
การเสียอิลคาย กุนโดอันกับริยาด มาห์เรซไปโดยเฉพาะรายแรกก็ทำให้ทีมต้องมาจูนเครื่องกัน ถึงต่อให้จะได้ตัวตายตัวแทนอย่างมาเตโอ โควาซิชเข้ามาก็ตาม
แต่นี่ก็ใช่เรื่องใหม่หรือน่าตกใจ ที่ผ่านมาเป๊ปไม่เคยรีรอที่จะเปลี่ยนถ่ายทีม เขาไม่ได้ยึดติดโครงสร้างเดิมๆจนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พวกเขายืนอยู่บนยอดแท่นมาได้ยาวนาน
สามฤดูกาลที่ผ่านมาก็เคยออกตัวตามหลังจ่าฝูง10, 12และ7แต้มในสิบเกมแรกมาแล้ว เคยมีคนกาชื่อพวกเขาทิ้งออกจากสารบบลุ้นแชมป์ตั้งแต่เดือนตุลามาแล้ว
ใช่-นี่แค่ต้นสิงหาเอง
เปิดหัวแบบนี้อีกแล้ว เราจะได้พบตอนจบแบบเดิมเป็นปีที่4ติดต่อกัน?
"ผมยังจำได้ว่าปีนั้นพวกเขาเริ่มต้นได้ยอดเยี่ยม พวกเราเองก็ทำแต้มหล่นหายเยอะแต่แน่นอนผมก็คิดเสมอว่ายังไงพวกเขาก็ต้องมีช่วงแผ่วบ้างแต่น่าทึ่งที่มันไม่เคยมีช่วงเวลาของเราเลย"เป๊ปเคยกล่าวไว้ถึงในซีซั่น2019/20ที่ลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปป์ได้เขย่าโทรฟี่ลีกรอบ30ปี
ดังนั้นนี่ก็เป็นเรื่องที่อาร์เตต้าต้องคาดหวังว่าจะเกิด ออกสตาร์ทสวยจากต้นถึงจบเนื่องจากซิตี้มักเร่งสปีดมาแรงทีหลังเป็นประจำ
อีกข้อที่อาจส่งผลให้แรงเหวี่ยงผละออกจากสโมสรสีฟ้าของแมนเชสเตอร์ก็เป็นเรื่องของความหิวกระหาย ก็ทีมที่กวาดมาสามแชมป์ปีที่แล้ว ทีมที่ได้ครองบัลลังก์มาต่อเนื่องจนไม่เหลือความท้าทายแล้วก็ธรรมดาที่เชื้อเพลิงย่อมมอดลง
ยังมีนักเตะอีกบางคนในทีมที่มีข่าวจะย้ายออก เหตุผลเชิงลึกก็จากตรงนี้...ต้องการลิ้มลองประสบการณ์ใหม่
ไม่ใช่แค่เป๊ปที่เดินก้มหน้า ในทางออกขึ้นรถโค้ชก็ยังพบอาการเดียวกันนี้ได้จากเฟอร์ราน โซเรียโน่ ซีอีโอกับซิกิ เบกิริสไตน์ ผอ.ฟุตบอลของทีม
อาร์เซน่อลดีขึ้นก็อย่างหนึ่ง จะคาดหวังเห็นทีมตัวเองคงหิวกระหายเหมือนเดิมก็อีกอย่างหนึ่ง
"ไก่ป่า"