แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สาสมใจได้เชยชมหัวหอกคนใหม่ ราสมุส ฮอยลุนด์ เปิดตัวเป็นทางการเรียบร้อยในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกมกระชับมิตรปรีซีซั่นพบ ล็องส์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ต่อการย้ายร่วมกีวนปีศาจแดง ฮอยลุนด์ บนวัยเพียง 20 จะมี คริสเตียน เอริคเซ่น มิดฟิลด์รุ่นพี่ร่วมทีมชาติเดนมาร์กคอยเป็นพี่เลี้ยงดูแล แต่แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่ใช่แข้งแดนโคนมรายแรกๆ ที่ได้โอกาสโชว์ฝีเท้าในโรงละครแห่งความฝัน
ในที่นี้ยังมีทั้งสุดยอดตำนานนายด่านตลอดกาล, ผู้บุกเบิกคอนเน็กชั่น อาแจ็กซ์-แมนฯ ยูไนเต็ด, คนทำประตูแรกเปิดยุคสมัยเฟอร์กี้ ตลอดจน 1 ในตัวจริงชุดสุดท้ายของ "ป๋า"...
เยสเปอร์ โอลเซ่น 1984-88
นักเตะเดนมาร์กคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้มาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังย้ายจาก อาแจ็กซ์ เมื่อปี 1984 อยู่โยงจนถึง 1988 และการนั้นยังทำให้เขากลายเป็นคนแรกเช่นกันที่สร้างคอนเน็กชั่นโยกย้ายโดยตรงระหว่าง อาแจ็กซ์-ยูไนเต็ด
เยสเปอร์ โอลเซ่น ลงเล่น 139 นัดในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" รวมถึงนัดชิงเอฟเอ คัพ 1985 ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ด้วยประตูชัยจาก นอร์แมน ไวท์ไซด์ ในช่วงต่อเวลาพิเศษนั่นเอง
เมื่อ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ย้ายเข้ามา โอลเซ่น กำลังถูกขึ้นบัฐชีขายหลังมีปากเสียงสุดฉาวในสนามซ้อมกับ เรมี่ โมเสส แต่นายใหม่ชาวสกอตต์ตัดสินใจตีกลับคำสั่งของ รอน แอ็ตกินสัน เลือกเก็บปีกเดนิชเอาไว้อีก 2 ปี จากนั้นจึงย้ายออกไปค้าแข้งในฝรั่งเศสกับ บอร์กโดซ์ และ ก็อง
จอห์น ซิเวเบ็ค 1986-87
แบ็กขวาจอมบุกย้ายจากบ้านเกิดหลังคว้าทั้งแชมป์ลีก-บอลถ้วยกับ เวจเล่ และบางทีความสำเร็จสูงสุดของเขาคือ การได้ชื่อเป็นผู้ทำประตูแรกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคเรืองรองของ เฟอร์กูสัน โดย ซิเวเบ็ค ซัดฟรีคิกประตูโทนในเกมพบ ควีนส์ปาร์ค เพียงไม่นานหลังจาก "เฟอร์กี้" ได้รับแต่งตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1986
แต่อนิจจา นั่นเป็นเพียงประตูเดียวเช่นกันที่เขาทำได้ใน 1 ฤดูกาลไร้โทรฟี่บนเกาะอังกฤษ ก่อนย้ายข้ามช่องแคบโดเวอร์ ลงสนามทะลุหลักร้อยให้กับ แซงต์-เอเตียน รวมถึงติดทีมชาติเดนมาร์กชุดโค่นเยอรมนี สร้างเทพนิยายแชมป์ยูโร 1992
"แน่นอน ผมจำเกมนั้นได้ที่ผมยิงประตูชัยและประตูโทนในเกมพบ คิวพีอาร์ มันยังเป็นชัยชนะนัดแรกสำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ มันจึงเป็นช่วงเวลาพิเศษ เป็นความทรงจำสุดพิเศษ ผมภาคภูมิใจสุดๆ ในเรื่องนั้น ประตูเดียวที่ผมทำได้กับ ยูไนเต็ด มันเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์" ซิเวเบ็ค รำลึกความหลังผ่านเว็บไซต์ทางการของสโมสรเมื่อปี 2020
ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล 1991-99
ไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้นในฐานะนักเตะแดนโคนมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด การันตีด้วยโทรฟี่พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างละสมัย
ค่ำคืนมหัศจรรย์ 3 แชมป์ที่ คัมป์ นู ยังเป็นแมตช์สุดท้ายจากทั้งหมด 398 เกมของ "เดอะ เกรทเดนส์" กับทีมอสูรแดง ก่อนออกไปหาความท้าทายใหม่ที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน
ชไมเคิ่ล ใช้เวลาเพียง 2 ปีที่โปรตุเกสก็กลับแดนผู้ดีร่วมทีม แอสตัน วิลล่า ต่อด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังลุ่มๆ ดอนๆ จึงไม่ได้ทำให้แฟนผีโกรธเคืองสักเท่าไร ยกเว้นเพื่อนเก่าไว้คนหนึ่งอย่าง แกรี่ เนวิลล์ ถึงขั้นไม่ยอมเชกแฮนด์กันเลยทีเดียว!
มัดส์ ทิมม์ 2002-06
เป็นชื่อที่แฟนๆ หลายคนอาจลืมไปแล้วกับอดีตกองหน้าทีมเยาวชนในยุค 2000 ย้ายจาก โอเดนเซ่ มาเพียง 2 ปีก็ถูกส่งลงน้ำประเดิมเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีกพบ มัคคาบี้ ไฮฟา เมื่อเดือนตุลาคม 2002
อย่างไรก็ดีนั่นเป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสได้สวมเสื้อผีแดงในแมตช์ทางการ ได้แต่ตระเวนย้ายยืมตัวกระทั่งปี 2005 ทิมม์ ต้องเข้าสถานกักกันเยาวชนนาน 12 เดือนจากความผิดข้อหาขับรถเร็วกว่ากำหนดจนเกิดอุบัติเหตุบนถนนสาธารณะ
ทิมม์ ยังได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อกับสโมสร ก่อนถูกปล่อยตัวในปี 2006 ขณะที่อายุ 22 และไม่เคยได้โอกาสโลดแล่นบนเวทีลูกหนังระดับสูงอีกต่อไป...
อันเดอร์ส ลินเดอการ์ด 2011-15
ฉายฟอร์มเซฟเด็ดดวงกับ อาเลซุนด์ ในลีกนอร์เวย์ จนถูกดึงมาเป็นโกลแบ็กอัพให้กับ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เมื่อปี 2010 พลางได้รับการคาดหวังพอประมาณในฐานะคนบ้านเดียวกับตำนานอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล
อันเดอร์ส ลินเดอการ์ด ได้ลงเฝ้าเสารวม 18 เกมระหว่างฤดูกาล 11/12 และ 12/13 ตรงช่วงรอยต่อหลัง "น้าซาร์" รีไทร์ และ ดาบิด เด เคอา ยังต้องใช้เวลาปรับตัว อีกทั้งยังได้ออกสตาร์ทนัดสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ ที่เสมอกับ เวสต์บรอมวิช 5-5 ด้วยเช่นกัน
ชีวิตหลังเฟอร์กี้ไม่ง่าย เขากลายเป็นตัวสำรองนั่งยาวๆ ก่อนอำลาในยุค หลุยส์ ฟาน กัล เมื่อปี 2015 ไปร่วมทัพ เวสต์บรอมวิช, เปรสตัน, เบิร์นลี่ย์ และ เฮลซิงบอร์ก ก่อนประกาศแขวนถุงมือเมื่อปลายปี 2022
คริสเตียน เอริคเซ่น 2022-ปัจจุบัน
กองกลางว่าที่พี่เลี้ยงของ ฮอยลุนด์ ย้ายเข้ารั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบไม่มีค่าตัวเมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้วนี้เอง หลังจากที่หมดสัญญาระยะสั้นกับ เบรนท์ฟอร์ด
ย้อนเวลาไปอีกไม่ไกลในฤดูร้อนปี 2021 เอริคเซ่น เกือบจะต้องสิ้นชีพคาสังเวียนฟาดแข้งเมื่อเกิดอาการวูบระหว่างรับใช้ทีมชาติเดนมาร์กประเดิมศึกยูโร รอบสุดท้าย ก่อนพบปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ต้องสวมใส่เครื่องช่วยกระตุ้น จนส่งผลให้ต้องยกเลิกสัญญากับ อินเตอร์ มิลาน ในเวลาต่อมา
จากที่เกือบเสียชีวิตกลับมาลงเล่นได้ถือว่าน่าทึ่งแล้วก็ยิ่งสุดยอดไปอีกเมื่อเขาได้เซ็นสัญญากับ 1 ในสโมสรยักษ์ใหญ่ยุโรป พร้อมกับฝากผลงานไว้ในระดับน่าประทับใจ แม้ประสบปัญหาบาดเจ็บข้อเท้าพักแข้งยาวอยู่ช่วงหนึ่งก็ตาม