5 สถิติเด็ด! "เออร์ลิง ฮาลันด์" กลัดมันรอวันทำลายล้าง!

กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์สร้างสถิติใหม่ยิง 36 ประตูใน 35 เกมลีกกวาดรางวัลรองเท้าทองคำแบบไร้คู่แข่ง อีกทั้งยังซัด 52 ประตูใน 53 เกมทุกรายการเป็นสถิติสูงสุดในฐานะนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยเช่นกัน

จากความสำเร็จบุคลลสู่ประเภททีม ฮาลันด์ ยังเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ ผงาดเทรเบิลแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นทีมที่ 2 ของอังกฤษที่ทำได้สำเร็จถัดจากเพื่อนบ้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อซีซั่น 1998/99

แล้วฤดูกาลใหม่ 2023/24 จะมีสถิติอะไรบ้างที่รอวันให้เขาเฝ้าทำลาย!?

สถิติพรีเมียร์ลีก

36 ประตูของ ฮาลันด์ ในซีซั่นที่แล้วส่งผลให้เขาทำลายสถิติที่ซึ่ง อลัน เชียเรอร์ และ แอนดรูว์ โคล ถือครองร่วมกันมายาวนาน หลังจากตะบัน 34 ประตูในช่วง 3 ปีแรกตั้งไข่พรีเมียร์ลีก ที่มีเกมแข่ง 42 นัด หรือระบบ 22 ทีม

ส่วนในยุค 38 นัด (20 ทีม) นั้นเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รั้งแท่น 32 ประตูเมื่อฤดูกาล 2017/18 ก่อนที่เจ้าจอมมารบูย้ายมาทำลายพินาศสิ้น!

บนวัยเพียง 23 ฮาลันด์ มีทั้งเวลาและพละกำลังที่จะสร้างสถิติใหม่ๆ แทนที่ตัวเองไม่ใช่คนอื่นแต่อย่างใด โดยหัวหอกนอร์วีเจี้ยนที่ลืมตาดูโลกในเมืองลีดส์ ครองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกทั้งที่ลงสนามเพียง 35 จากทั้งหมด 38 (ตัวจริง 33) น้อยกว่าทั้ง เชียเรอร์, โคล และ ซาลาห์ ในฤดูกาลของแต่ละคน

อีกอย่างอย่าลืมว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ทีมเรือใบสั่งพัก ฮาลันด์ ไว้ม้านั่งสำรองในเกมรูดม่านพรีเมียร์ลีกที่ออกไปพ่าย เบรนท์ฟอร์ด เนื่องด้วยมีนัดชิงทั้ง เอฟเอ คัพ และแชมเปี้ยนส์ ลีก รออยู่นั่นเอง

จึงตีความได้ว่า ถ้าฤดูกาลหน้าได้เวลาลงสนามมากขึ้น เขาย่อมมีสิทธิ์เพิ่มยอดประตูตามมาด้วย

ยังมีอีกสถิติไว้ให้ทำลายในฐานะคนทำประตูครบหลัก 50 เร็วที่สุดบนเวทีพรีเมียร์ลีก โดย "คิง โคล" ทำไว้ 65 เกม ขณะที่ ฮาลันด์ จะขยับขึ้นมาแทนที่ทันทีถ้าสอยตาข่ายได้ 14 ในอีก 29 เกมหน้า

โค่นบัลลังก์ ดิ๊กซี่ ดีน

กระทั่งตัวเลขประตูสุดบ้าคลั่งของ ฮาลันด์ ยังเทียบไม่ได้กับผลงานที่ ดิ๊กซี่ ดีน ตำนานแข้ง เอฟเวอร์ตัน ทำไว้ถึง 60 ประตูในฤดูกาล 1927/28

เฉพาะในลีกเพียวๆ คงยาก แต่ถ้าทุกรายการ ฮาลันด์ มีโอกาสทำได้เหนือกว่าสถิติ 63 ประตูของ ดิ๊กซี่ ดีน จากซีซั่นเดียวกันในอดีต ซึ่งยังเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังอิงลิชจนทุกวันนี้

สำหรับ ฮาลันด์ ตะบันทั้งสิ้น 52 ตุงในฤดูกาลแรกกับ แมนฯ ซิตี้ รั้งที่ 2 ตลอดกาล หากแต่ในช่วงหนึ่งมันก็ดูจะเป็นไปได้เหมือนกันที่เขาจะยิงแซงขึ้นแท่นได้!

อดีตสตาร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยิงแตะตัวเลข 50 ขณะเหลือ 10 เกมสุดท้าย ก่อนซัดเพิ่มได้อีกเพียง 2 เม็ด และนั่นย่อมจะกลายเป็นอีกเป้าหมายสำคัญของเขาในการยืนระยะผลงานไม่ให้ตกหล่นระหว่างทางอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามกับสถิติยิงสูงสุดทุกรายการในเวทียุโรปนั้น ฮาลันด์ คงต้องพยายามอย่างหนักหน่อยเพื่อจะปาดหน้า ลีโอเนล เมสซี่ เจ้าของผลงาน 73 ประตูกับ บาร์เซโลน่า เมื่อฤดูกาล 2011/12

สถิติ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ฮาลันด์ ยึดแท่นดาวยิงสูงสุดสโมสรต่อฤดูกาลไปเรียบร้อย ทลายสถิติ 94 ปีของ ทอมมี่ จอห์นสัน ผู้ทำไว้ 38 ประตูทุกรายการ

ต่อเมื่อสามารถรักษามาตรฐานเดิมจากฤดูกาลที่แล้วก็จะส่งผลให้เขาติดโผดาวยิงสโมสร 20 อันดับแรก แต่กับเป้าหมายท็อป 10 จะต้องยิงอีกถึง 80 เม็ดด้วยกัน

สถิติแชมเปี้ยนส์ ลีก

ฮาลันด์ ตะบัน 35 ประตูในการลงสนามเพียง 30 เกมแรกแชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมติดอันดับ 21 ร่วมในประวัติศาสตร์การแข่งขัน นับรวมสมัยใช้ชื่อว่า ยูโรเปี้ยน คัพ

มิเท่านั้นเขายิงประตูมากกว่าจำนวนเกมลงเล่นให้กับทั้ง 3 สโมสรเคยสังกัด ตั้งแต่ 8 ใน 6 นัดกับ เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก, 15 ใน 13 กับ ดอร์ทมุนด์ และ 12 ใน 11 ให้ทัพ "เรือใบสีฟ้า"

มียอดดาวยิง 7 รายทั้งอดีตและปัจจุบันที่ครองรองเท้าทองคำ หรือดาวยิงชปล. มากกว่า 2 สมัยของ ฮาลันด์ แต่เมื่อไรที่ได้อีกสมัย เขาจะตามหลังเพียง 3 ตำนานอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เมสซี่ และ แกร์ด มุลเลอร์ (ผู้ล่วงลับ)

อย่างไรก็ดี ฮาลันด์ ได้กวาดสถิติเรียบในหัวข้อใช้เกมลงสนามน้อยที่สุดเพื่อยิงถึงหลัก 10, 15, 20, 25, 30 และ 35 ทั้งยังน่าจะมี 40 ตามมาในอีกไม่นาน โดย รุด ฟาน นิสเตลรอย ครอบครองจากการลงล่าตาข่ายทั้งสิ้น 45 นัด

ดาวยิงเด็กยักษ์ต้องการอีก 15 ประตูเพื่อไปให้ถึงหลักไมล์ครึ่งร้อย ซึ่ง ฟาน นิสเตลรอย ยึดแท่นนี้เช่นกันโดยใช้เวลา 62 เกม

ส่วนเจ้าของสถิติยิงสูงสุดต่อฤดูกาลยูซีแอลนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก "ซีอาร์ เซเว่น" 17 ประตูใน 11 เกมฤดูกาลแชมป์ 2013/14

สถิติทีมชาติ

ปัจจุบัน ฮาลันด์ เป็นดาวยิงอันดับ 4 ร่วมของทีมชาตินอร์เวย์ ด้วยผลงาน 24 ประตูใน 25 เกม ตามหลัง 9 ประตูจาก ยอร์เก้น ยูเว่ ดาวยิงสูงสุดทีมชาติที่ทำไว้ 33 ประตูระหว่างปี 1928-37

กองหน้าทายาทของ อัลฟ์ อิงเก้ ฮาลันด์ มี 6 เกมทีมชาติให้ไล่ล่าสถิติใหม่ก่อนสิ้นโปรแกมทีมชาติประจำปีในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ต่อให้ทำไม่ได้ก็ยังมีเวลาเหลือๆ อีกหลายปี หากไม่รีบร้อนรีไทร์ทีมชาติไปเสียก่อน...