จากนักเตะที่ "ไม่เห็นมีอะไร" สู่ตำนานลิเวอร์พูล

จากนักเตะที่ "ไม่เห็นมีอะไร" สู่ตำนานลิเวอร์พูล
ประโยคไหนก็ได้ครับในคำพูดของ เจอร์เก้น คล็อปป์.. จะเป็นประโยคไหนก็ได้

เพราะทุกถ้อยคำของเขาบ่งบอกความรู้สึกที่มีต่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว

"เราจะคิดถึงนาย นายก็รู้ นายเองก็จะคิดถึงเรา ฉันก็รู้ แต่นั่นล่ะนะชีวิต

"มันไม่ใช่ไปแล้วไปลับไม่เจอกันอีกหรอกนะ มันแค่การร่ำลา อวยพรต่อกันว่าขอให้โชคดี นายอวยพรให้เรา เราอวยพรให้นาย นายจะยังติดตามเรา เราก็จะยังติดตามนาย"

ทุกวลี ทุกถ้อยคำ ทุกประโยคที่คล็อปป์พูดถึงกัปตันทีมของเขาล้วนอบอุ่น บางคนฟังแล้วอบอุ่นหัวใจ หลายคนฟังแล้วไม่เพียงอุ่นที่หัวใจ หากยังมีน้ำอุ่นๆ เอ่อในดวงตา

"ฉันพูดเอาไว้ตั้งแต่วันที่มาที่นี่แล้วว่าชีวิตที่ควรจะเป็นนั้นคือเราร่วมเก็บเกี่ยวมันด้วยกัน และตราบใดก็ตามที่เราอยู่ด้วยกัน เราก็จะเก็บเกี่ยวเรื่องราวต่างๆ ร่วมกัน

"เราร่วมกันสร้างเรื่องราวของพวกเราเองขึ้นมา และถ้านายมองย้อนกลับไปฉันเชื่อว่านายคงจะอดอมยิ้มไม่ได้ เพราะฉันเองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน"

ด้วยความเป็นคนอย่างคล็อปป์ คิดฉลาด พูดฉลาด เปี่ยมด้วยวาทศิลป์ แปลงทัศนคติด้านบวกออกมาเป็นถ้อยคำที่ไม่ต้องประดิษฐ์ประดอย แต่ทรงคุณค่า และสัมผัสได้ถึงหัวใจจริง

"นายเป็นผู้นำทีมให้ฉันนานที่สุดแล้ว ที่ผ่านมาฉันไม่เคยขาดผู้นำทีมที่อยู่กันมาอย่างยาวนานเลยนะ (เซบาสเตียน) เคห์ล เจ็ดปี (ที่ดอร์ทมุนด์) (ดิโม) วาเค่ เจ็ดปีกับอีกสามเดือน (ที่ไมนซ์) ส่วนนายเจ็ดปีกับอีกแปดหรือเก้าเดือนนี่แหละ นายเป็นผู้ชนะนะรู้มั้ย

"ฉันจะคิดถึงนายแน่นอน จะคิดถึงการพูดคุยของเรา มันไม่ได้ราบรื่นเสมอไปหรอก แต่ฉันก็อยากจะอวยพรให้นายจากใจจริงว่าขอให้โชคดี

"นาย เบ็คส์ และลูกๆ ของนาย ฉันขออวยพรให้ทุกคนสำหรับการเดินทางครั้งนี้"

การจากลาของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่งผลกระทบเพียงไรในสนามไม่รู้ ส่งผลกระทบอย่างไรนอกสนามก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ในด้านความรู้สึกที่ผู้คนมีต่อเขานั้นชัดเจนที่สุด คำกล่าวลาจากเพื่อนร่วมทีม ความอาลัยจากแฟนบอล คงไม่มีอะไรยืนยันถึงคุณค่าที่เขามีต่อลิเวอร์พูลได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว

จากวันที่เดินเข้าสู่แอนฟิลด์ด้วยคำถาม สิบสองปีผ่านไปเด็กหนุ่มที่ต้องเผชิญหน้ากับคำดูแคลนตั้งแต่แรกคนนั้นพิสูจน์ตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

สมบูรณ์แบบที่สุด.. เราสามารถพูดอย่างนั้นได้เต็มปากเต็มคำ และเขาก็คู่ควรกับความภาคภูมิใจนั้นโดยแท้ ไม่มีใครแย่งมันไปจากเขาได้

"ถ้ายังไม่มีใครบอกนาย ฉันขอเป็นคนบอกเอง นายคือตำนานนะ ฉันรู้ว่าเดี๋ยวนี้คนใช้คำๆ นี้กันบ่อยเกินไปแล้ว แต่มันไม่ใช่เลยสำหรับกรณีของนาย"

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน.. ตำนาน

มองย้อนกลับไปก็ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ในวันที่ เคนนี่ ดัลกลิช ซื้อเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์จากซันเดอร์แลนด์ ความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อกองกลางวัย 21 ปีเวลานั้นมีจำกัดจริงๆ แม้จากแฟนบอลฝั่งเดียวกัน

ก็แค่นักเตะจากซันเดอร์แลนด์..

กระทั่งในวันที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก เป็นกัปตันทีม เป็นผู้นำที่ผู้จัดการทีมและเพื่อนไว้วางใจ เสียงถากถางก็ยังมีให้ได้ยินอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า "ไม่เห็นมีอะไรเลย"

แต่คนที่ "ไม่เห็นมีอะไรเลย" อย่างเฮนเดอร์สันคงต้อง "มีอะไรบางอย่าง" แน่ๆ กระมังครับถึงเป็นตัวหลักให้กับผู้จัดการทีมหงส์แดงทุกคนตลอดสิบสองปีที่ผ่านมา ทั้งดัลกลิช เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ คล็อปป์

เฮนโด้น่าจะเป็นนักฟุตบอลที่ถูกมองข้ามความสามารถมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยความที่ไร้ต้นทุนโดยสิ้นเชิง ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก่อน ไม่ได้มีฝีเท้าเอกอุระดับฟ้าประทาน ไม่ได้มีแคแร็กเตอร์โดดเด่นที่จะทะลุขึ้นไปเป็นซูเปอร์สตาร์

แต่เขากลับก้าวขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครต่อใครมากมาย กลายเป็นต้นแบบที่เรารู้สึกว่าเอื้อมถึง เป็นแบบอย่างที่จับต้องได้ที่สุดสำหรับคนที่มีความฝันและไม่ย่อท้อที่จะทำความฝันนั้นให้เป็นจริง

เป็นคำตอบให้กับเราว่า เราทุกคนสามารถสง่างามได้ด้วยวิถีทางของตัวเอง

นักเตะธรรมดาๆ กัปตันทีมธรรมดาๆ แต่ช่างยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องมีคำสรรเสริญใดๆ หรอก เอาเพียงความรู้สึกที่มีต่อเขาในวันแรกมาเปรียบเทียบกับวันนี้ก็รู้คำตอบชัดเจน

ความเชื่อมั่นที่เจ้านายมีต่อเขา ความเคารพที่ลูกทีมมอบให้เขา ความรักที่แฟนบอลชื่นชมเขา ความเป็นสุภาพบุรุษทั้งในและนอกสนาม การเป็นตัวแทนที่น่าภาคภูมิใจของสโมสร

มองย้อนกลับไปอีกที จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เหมาะสมอย่างยิ่งกับคำว่าตำนาน และเหมาะสมอย่างยิ่งเช่นกันกับการก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในกัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลิเวอร์พูล

"ขอให้โชคดีนะกัปตัน แล้วคุยกันใหม่ เราคงจะได้เจอกันเร็วๆ นี้ ฉันหวังว่านายจะหาเวลากลับมาที่นี่เพื่อที่เราจะได้กล่าวคำร่ำลากันอย่างเป็นทางการของสโมสร นั่นคือสิ่งที่นายควรได้รับ

"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเจอกันนะ อ้อ.. อย่าลืมล่ะ นายไม่มีวันเดินเดียวดาย"

ทุกคำพูดของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่มีต่อใครหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับลิเวอร์พูลยังคงอบอุ่นเสมอ เขาช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกินกับการเป็นตัวแทนของเราทุกคนในการกล่าวคำลาต่อกัปตันทีมธรรมดาๆ ที่ยิ่งใหญ่คนนี้

หาเวลาเหมาะๆ กลับมาแอนฟิลด์นะ แล้วเราจะได้ร่ำลากันอย่างเป็นทางการ ทุกคนเฝ้ารอวันนั้นอยู่

ในวันที่เราได้รู้ว่าเรารัก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มากแค่ไหน คำกล่าวลาจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ งดงามและสะท้อนความรู้สึกของเราได้ดีที่สุด

กระทั่งคำทักทายสั้นๆ ตอนเริ่มต้น..

"Hi, skipper"

เพียงแค่คำสั้นๆ นี้.. เดอะค็อปหลายคนก็เริ่มน้ำตาซึม

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน.. จากนักเตะที่ "ไม่เห็นมีอะไร" สู่ตำนานของลิเวอร์พูล เราจะยังคงติดตามนายและเป็นกำลังใจให้นาย

และก็อย่างที่คล็อปป์บอกนั่นล่ะ สะดวกเมื่อไหร่ก็กลับมาแอนฟิลด์อีกครั้งนะ แล้วนายจะได้รู้และมั่นใจได้อย่างจริงๆ จังๆ ว่านายนั้นเป็นที่รักของที่นี่เพียงใด..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport