ความสำคัญของ ฟาบินโญ่ ต่อ ลิเวอร์พูล ไม่ต่างอะไรกับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ อลีสซง เบ็คเกอร์ เพียงแต่ว่า กว่าเขาจะทำให้เป็นที่ยอมรับได้นั้นมันต้องใช้เวลา
สองวันหลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่กรุงเคียฟ, ยูเครน ลิเวอร์พูล ประกาศคว้า ฟาบินโญ่ กองกลางเชิงรับจาก โมนาโก ด้วยค่าตัว 43.7 ล้านปอนด์
เวลานั้น ลิเวอร์พูล มีความจำเป็นต้องเสริมตรงตำแหน่งหมายเลข 6 ซึ่งเป็นจุดอ่อนมาโดยตลอด นับตั้งแต่ไม่มี ฮาเวียร์ มาสเคราโน่
ลูคัส เลว่า ก็แล้ว คริสเตียน โพลเซ่น ก็แล้ว เจย์ สเปียริ่ง ก็ขุนไม่ขึ้น คอเนอร์ โคดี้ ก็ไม่ดี โจ อัลเลน ก็ไม่ปัง เอ็มเร่ ชาน เกือบตรงสเปค แต่ดันเลือกไม่ต่อสัญญา
วันเปิดตัว ฟาบินโญ่ เป็นเหมือนสิ่งเยียวยาแผลใจ "เดอะ ค็อป" ที่พลาดหวังแชมป์ยุโรปสมัย 6
ฟาบินโญ่ เริ่มเรียนรู้กับทีมใหม่ตอนปรี-ซีซั่น 2018
เจอร์เก้น คล็อปป์ หมายมั่นว่าจะให้ ฟาบินโญ่ เป็นผึ้งงานคนใหม่บนแผงกลางลิเวอร์พูล เพราะ ฟาบินโญ่ มีความสามารถในการเล่นบอลบนพื้นดี, ตัดเกมได้, พาบอลขึ้นหน้าเองก็ได้ เหมาะสมสุดที่จะเป็นนักเตะในรูปแบบ Anchor Man
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดฤดูกาล ฟาบินโญ่ กลับยังไม่ใช่ผู้เล่นชุดตัวจริง
4 เกมแรกในลีก ฤดูกาล 2018/19 ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้ทุกนัด คว้าสามแต้มได้โดยไม่มี ฟาบินโญ่
เกิดคำถามต่อ ๆ กันว่า "อ่าวไหนล่ะ ฟาบินโญ่" , "ทำไมถึงไม่ได้ลง ปรับตัวไม่ได้เหรอ?", "40 ล้านปอนด์มันเสียเปล่ามั้ย?"
ถึงกระนั้น กุนซือชาวเยอรมัน เคลียร์คำถามเหล่านั้นตอนหลังจบเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้
คล็อปป์ ยืนยันว่า ฟาบินโญ่ ดีพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ ลิเวอร์พูล แต่ทีมกำลังลงตัว และเน้นว่าต้องการเวลาเพื่อปรับตัวให้ได้มากกว่านี้
แต่เวลาผ่าน 3 เดือนนับจากวันเปิดฤดูกาล 2018/19 ยังไม่มีพื้นที่การันตีให้ ฟาบินโญ่ เป็นตัวจริง เขายังลงตัวจริงบ้าง สำรองบ้าง สลับกันไป
จนกระทั่งเดือนธันวาคม ลิเวอร์พูล มีสองเกมใหญ่ที่ต้องรับมือคือ ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ กับ เอฟเวอร์ตัน และ แมนฯยูไนเต็ด
ฟาบินโญ่ ได้รับโอกาสลงเล่นสองเกมสำคัญนั้น และเล่นได้ประทับใจสุด ๆ ในเกมดาร์บี้ นัด 232 ที่ ดิว็อค โอริกี้ โขกประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+6
ขณะที่เกมแดงเดือด เขาจัดแอสซิสต์ที่เกิดจากมันสมองเฉลียวฉลาดเปิดบอลให้ ซาดิโอ มาเน่ ยิงประตูขึ้นนำในเกมฟางเส้นสุดท้ายระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กับ แมนฯยูไนเต็ด
สองแมตช์นี้คือ เกมที่เราเริ่มประจักษ์ในความสามารถของฟาบินโญ่ ว่าเขามีดีอย่างไร แต่จะพูดได้เต็มปากหรือยังว่าเขาปรับตัวเข้ากับทีมได้แล้ว? ต้องรอดูต่อไป
ความสำคัญของ ฟาบินโญ่ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลักฐานที่ยืนยันได้ชัดคือ 10 เกมต่อจากนัดที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2 เขายึดตัวจริงได้ถึง 9 เกม ซึ่งหนึ่งนัดที่เขาถูกดรอปคือเกมในบ้านที่พลาดเสียสองแต้มสำคัญให้กับ เลสเตอร์
บนเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก ฟาบินโญ่ รับบทเป็นปราการหลังตัวกลางในเกมเจอ บาเยิร์น มิวนิค รอบ 16 ทีมนัดแรก แต่นัดสองที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า เขาโดนจับนั่งสำรอง แต่ก็ได้ลงสนามตั้งแต่นาทีที่ 13 เมื่อลงเล่นแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่บาดเจ็บ
แต่เกมที่น่าจดจำจนทำให้ ฟาบินโญ่ ได้รับการยอมรับมากที่สุดคือแมตช์เจอ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในวันสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2019
อาจดูแปลกไปหน่อยที่ว่า เกมนั้นเขาเป็นตัวสำรองหลังก่อนหน้านั้นลงเล่นเป็นตัวจริง 7 เกมติดต่อกัน แต่ ฟาบินโญ่ ใช้เวลาแค่ 13 นาทีกับการพิสูจน์ให้เห็นว่าทำไม ลิเวอร์พูล ต้องมีเขา
ทันทีที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โหม่งทำประตูขึ้นนำ 1-0 ตอนครึ่งแรก จากนั้น สเปอร์ส เป็นฝ่ายคุมเกมได้แทบทั้งหมดในครึ่งหลังและทำประตูตีเสมอ 1-1 ได้จาก ลูคัส มูร่า
เหลือ 13 นาทีจะจบเกม คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยน ฟาบินโญ่ ลงสนามแทน เจมส์ มิลเนอร์ แล้ว ลิเวอร์พูล ก็กลับมาคุมเกมได้อีกครั้ง จนกระทั่งได้ประตูชัยจากความผิดพลาดของ อูโก้ โยริส กับ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ที่ช่วยให้ลูกโหม่งของ โม ซาลาห์ มันข้ามเส้นเข้าไปได้ในช่วงท้ายเกม
ช่วง 11 นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2018/19 ฟาบินโญ่ ลงเล่นเป็นตัวจริง 10 เกมในช่วง 11 นัด ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลด้วยแต้มประวัติศาสตร์ 97 คะแนนก็จริง แต่ไม่เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ลีก
แต่สำหรับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ลิเวอร์พูล ไปไกลจนเป็นฝ่ายได้ชูโทรฟี่บิ๊ก เอียร์ ที่ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่
"ลิเวอร์พูล พาผมไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพ สิ่งที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดคือการคว้าแชมป์ซึ่งผมสามารถทำมันได้กับลิเวอร์พูล"
"ในแนวรุกเรามีพวกจอมถล่มประตูอยู่แล้ว ดังนั้นผมเลยพยายามเล่นเกมรับและช่วยทีมสักหน่อย" ฟาบินโญ่ เผย
ปีต่อมา ลิเวอร์พูล สานต่อความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยการมี ฟาบินโญ่ เป็นแกนหลักบนแดนกลาง
เขาสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดบนทวีปยุโรป รังสรรค์ผลงานแสดงศักยภาพให้ทุกได้เห็น
เขากลายเป็นผู้เล่นที่สร้างความสมดุลระหว่างเกมรับและเกมรุกให้เนียนตา เติมเต็มในสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ขาดหายมานาน และบุกเบิกมิติใหม่บนแดนกลางที่ เดอะ ค็อป ทุกคนไม่เคยเห็น
"ผมพยายามที่จะยังใจเย็นในตอนที่ได้ครองบอล แต่ก็จะไม่ใจเย็นมากเกินไปจนกลายเป็นการเล่นแบบเชื่องช้านะ ผมพยายามที่จะคุมเกมเอาไว้ให้ได้ ผมมีความสุขมาก ๆ กับการเล่นที่นี่"
ความจริง ชีวิตที่ ลิเวอร์พูล มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องอดทนนั่งรอโอกาส
ย้อนไปตอนยังเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ บราซิล ฟาบินโญ่ โดนมองข้ามจากหลายสโมสรที่เขาเคยอยู่ด้วย และกว่าพรสวรรค์จะไปเข้าตาคนอื่น ก็ต้องรอถึงตอนย้ายไปเล่นในทวีปยุโรป
"ตอนแรก ฟาบินโญ่ มีอาชีพการเล่นที่ดีตอนเล่นให้ เปาลิเนีย ในลีกล่าง ๆ ของที่ บราซิล" ติอาโก้ แฟร์เรยร่า ผู้เชี่ยวชาญด้านวงการฟุตบอลชาวบราซิเลียนเผยกับรายการพ็อดแคสต์ 'บลัด เร้ด' ที่พูดถึงพัฒนาการของ ฟาบินโญ่
ฟาบินโญ่ ในฐานะผู้เล่นตำแหน่งแบ็กขวา เริ่มต้นเป็นนักเตะอาชีพเต็มตัวให้กับ ฟลูมิเนนเซ่
สโมสร ฟลูมิเนนเซ่ คือทีมระดับชั้นนำของลีกสูงสุด บราซิล แต่การย้ายมายังที่นี่ ไม่ได้ทำให้ ฟาบินโญ่ พัฒนาขึ้นสักเท่าไหร่
แม้โอกาสได้ลงเล่นมีไม่มาก แต่ฝีเท้า ฟาบินโญ่ ไปเข้าตาสโมสรในลีก โปรตุเกส
กลางปี 2012 ฟาบินโญ่ ย้ายข้ามทวีปไปอยู่กับ ริโอ อาฟ ซึ่งตอนที่เขาย้ายออกมานั้น ไม่มีใครที่เกี่ยวข้อง ฟลูมิเนนเซ่ รู้สึกเสียดายที่ปล่อย ฟาบินโญ่ ไป
"ตอนที่เขาโดนขายออกไปไม่มีแฟนบอลหรือผู้บริหารคนไหนของทีมที่รู้สึกกังวลเลย และเขาก็โดนปล่อยออกไปเพราะคนของ ฟลูมิเนนเซ่ ไม่รู้ถึงฝีเท้าของ ฟาบินโญ่ ดีพอ"
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม นูโน่ เอสปิริโต้ กุนซือ อัล-อิตติฮัด ถึงอยากได้ ฟาบินโญ่ ไปร่วมงานในตอนนี้ เพราะ ริโอ อาฟ ชุดนั้นที่ ฟาบินโญ่ ไปอยู่ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ มี นูโน่ เป็นเฮดโค้ช แต่กลับไม่สามารถได้ใช้งานแข้งแซมบ้าเลย เพราะเพียง 6 เดือน ฟาบินโญ่ ก็ถูกปล่อยให้ เรอัล มาดริด ยืมตัว
ที่ มาดริด ฟาบินโญ่ ได้โอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่ให้ เรอัล ในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ แค่ 14 นาที
เขาไม่สามารถเบียดตำแหน่งจาก ดานี่ การ์บาฆาล เจ้าของสัมประทานแบ็กขวาได้ และกว่าที่เขาจะได้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ก็ต้องรอถึงตอนที่เขาไปอยู่กับ อาแอส โมนาโก
ที่ โมนาโก ฟาบินโญ่ ผันมาเล่นกองกลางตัวรับเต็มตัว แต่ก็มีสลับไปเล่นแบ็กขวาบ้างบางนัด แต่นั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่แท้จริงของเขาอีกต่อไป
เขาประสบความสำเร็จกับ โมนาโก คว้าแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส ตอนฤดูกาล 2016/17 และพาทีมทะลุเข้ารอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นเดียวกัน
จนเวลาต่อมาได้เป็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล และประสบความสำเร็จมากมายกับที่นี่ รวมถึงช่วงที่เขาต้องผันไปรับบทเซ็นเตอร์แบ็กจำเป็นตอนช่วงวิกฤตแนวรับฤดูกาล 2021/22
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่เขามีส่วน มันก็ไม่ได้ทำให้เขารอดพ้นจากเสียงวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีซั่น 2022/23 ที่หลายคนมองว่า ฟาบินโญ่ เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน และเชื่องช้าลงไปเยอะ
เสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักข้อขึ้น บ้างว่าเขาหมดสภาพ บ้างว่าเขาเป็นจุดอ่อนของทีม แต่เขาก็ยังทุ่มเทให้ทีมต่อไป และยกระดับฟอร์มดีขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาล
เวลาของ ฟาบินโญ่ กับ ลิเวอร์พูล สิ้นสุดในระยะเวลาเพียง 5 ปี แต่เราสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นหนึ่งในการเสริมทัพที่ดีที่สุดของสโมสรลิเวอร์พูล
เขาได้ตอบแทนเงินจำนวน 40 ล้านปอนด์ได้อย่างคุ้มค่าแล้ว
HOSSALONSO