แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั่วโลก คาดหวังว่า "ปีศาจแดง" จะคว้าหน้าเป้ามาร่วมทัพ ซึ่งเป็นตำแหน่งหลักที่พวกเขาอยากได้อย่างมาในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้
ฤดูกาลล่าสุดภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือเอริค เทน ฮาก ซึ่งเป็นซีซั่นแรกที่ได้ทำงานกับ แมนฯ ยูฯ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทัพ "เร้ด เดวิลส์" มีปัญหาเรื่องการจบสกอร์อย่างมาก
แม้ว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็ตาม แต่ภาพรวมของทีมทำได้เพียงแค่ 58 ประตูจากจำนวน 38 เกมในพรีเมียร์ลีก เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ถือว่าน้อยที่สุดในบรรดาทีมที่ติดท็อปโฟร์ และยังน้อยกว่า ลิเวอร์พูล กับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ทีมอันดับ 5 กับ 6 ตามลำดับ ด้วย
ที่ย่ำแย่กว่านั้นก็คือผลงานการยิงประตูซีซั่นล่าสุด ยังน้อยกว่าผลงานทีม แมนฯ ยูฯ เมื่อฤดูกาล 2021/2022 ภายใต้การคุมทัพของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ ราล์ฟ รังนิค อยู่ 1 ประตู ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เทน ฮาก ต้องการเสริมแกร่งในทุกๆ พื้นที่ โดยเฉพาะตำแหน่งกองหน้า !!
ก่อนหน้านี้ แมนฯ ยูฯ อยากได้ แฮร์รี่ เคน แต่ แดเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องการค่าตัว 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,200 ล้านบาท) นั่นทำให้ "ผีแดง" ต้องถอดใจไม่ทุ่มเงินซื้อ กัปตันทีมชาติอังกฤษ
ขณะที่เป้าหมายอีกรายก็คือ วิคเตอร์ โอซิมเฮน หัวหอกตัวเก่งของ นาโปลี นอกจากนี้นักเตะอีกรายที่ทีมสนใจก็คือ ราสมุส ฮอยลุนด์ ศูนย์หน้าทีมชาติ เดนมาร์ค จากสโมสร อตาลันต้า ซึ่งมีค่าตัว 86 ล้านปอนด์ (ราว 3,612 ล้านบาท) รวมทั้ง ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ดาวยิงจาก ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต
อย่างไรก็ตามถ้าหาก เทน ฮาก ไม่สามารถคว้ากองหน้าเป้าหมายที่ต้องการได้ในช่วงซัมเมอร์ งานนี้ นายใหญ่ชาวดัตช์ อาจใช้ 5 ทางเลือก เพื่อรองรับฤดูกาล 2023/2024 ที่ใกล้จะเปิดฉากเต็มทีแล้ว
1. เชื่อมั่นในตัว มาร์กซิยาล
อองโตนี่ มาร์กซิยาล ผ่านช่วงเวลาทั้งรุ่งเรือง และร่วงโรยจากการทำงานร่วมกับผู้จัดการทีมหลายคนในช่วงระหว่าง 8 ปีที่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ฉะนั้นนักเตะรายนี้ยังมีของดีที่พร้อมโชว์ให้เห็นอีกเพียบ
ดาวเตะวัย 27 ปี ซึ่งยังไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" คาดหวังเอาไว้ กำลังอยู่ในช่วงสัญญาปีสุดท้ายกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดังนั้นนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้พิสูจน์ศักยภาพของตนเอง
"พี่หมาก" เป็นนักเตะที่มีความอันตรายในแนวรุก แต่ดันติดปัญหาก็คือเรื่องอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้มีรายงานจากสื่อหลายสำนักว่าสโมสรพร้อมรับฟังข้อเสนอในช่วงซัมเมอร์นี้
กระนั้นในกรณีที่ แมนฯ ยูฯ ไม่สามารถหากองหน้าคนใหม่ได้ พวกเขาจำเป็นต้องเก็บ ดาวยิงเลือดเฟร้นช์ เอาไว้ ซึ่งอย่างน้อยจะได้มีหน้าเป้าเอาไว้ช่วยทีม เพื่อเป็นออปชั่นในแนวรุก
มาร์กซิยาล ซัดไป 9 ประตูจากทุกรายการเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ต้องเจอกับปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย จริงๆ แล้ว "พี่หมาก" เคยทำผลงานตะบัน 20 ประตูต่อซีซั่นให้กับ "ผีแดง" มาแล้ว
แม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการหน้าเป้าที่สามารถการันตีว่าจะยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าทีมซื้อใครไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องภาวนาอย่าให้ มาร์กซิยาล โดนโรคเดี้ยงเล่นงานก็พอ
2. จับ แรชฟอร์ด สวมบทหน้าเป้า
ไม่มีใครปฏิเสธว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำผลงานได้อย่างสุดยอดกับการเล่นแนวรุกฝั่งซ้าย โดยเขามีฤดูกาลที่ดีที่สุดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และนั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เทน ฮาก คงอยากให้เขาเล่นทางฝั่งนี้
"ดร.แรชชี่" ตะบันไป 30 ประตูจากการเล่นที่หลากหลายในแนวรุกสำหรับปีแรกที่ เทน ฮาก เข้ามากุมบังเหียน ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องดีมากๆ เพราะ กุนซือชาวดัตช์ สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงของนักเตะออกมาได้อย่างเต็มที่
เมื่อพิจารณาฟอร์มของ แรชฟอร์ด และสไตล์การเล่นที่โดดเด่นทางฝั่งซ้าย ซึ่งเขาสามารถลากบอลตัวเข้าในและยิงประตู เชื่อว่าแฟนผีโปรเจ็กต์ คงไม่อยากเห็นนักเตะถูกจับโยกไปเล่นตำแหน่งอื่น
แต่ในกรณีที่ มาร์กซิยาล ไม่สามารถลงเล่นได้ และทีมไม่ได้ซื้อใครมาร่วมทัพ งานนี้ เทน ฮาก จำเป็นจะต้องจับ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ วัย 25 ปี ไปยืนเป็นหน้าเป้า เพื่อแก้ปัญหาแบบขัดตาทัพ
จริงๆ แล้ว แรชฟอร์ด เคยเล่นหน้าเป้ามาแล้วหลายครั้งเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน เทน ฮาก จะใช้งาน เจดอน ซานโช่ กับ อเลฮานโดร กรานาโช่ สลับกันลงเล่นทางฝั่งซ้าย และ "แรชชี่" ยังสามารถรักษาฟอร์มการยิงประตูได้ดี
ซานโช่ สามารถทำผลงานได้ดีแต่อาจจะฟอร์มไม่คงเส้นคงวา สวนทางกับ กรานาโช่ ที่ระเบิดผลงานขั้นเทพโดยเฉพาะลีลาการกระชากบอลที่รวดเร็วที่ทำเอาแนวรับคู่แข่งต้องปวดหัวในการรับมือ
ดังนั้นการสลับตำแหน่งจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เทน ฮาก อยากเสี่ยงใช้งาน แรชฟอร์ด ที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอดทางฝั่งซ้าย และมายืนเป็นหน้าเป้าซึ่งคงทำให้เขาเจอกับแรงกดดันพอสมควร
3. ให้อิสระปีกเล่นเกมรุก
ในเกมอุ่นเครื่องที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เทน ฮาก เลือกที่จะจับ ซานโช่ ทำหน้าที่ฟอลส์ไนน์ ขณะที่ โอมารี ฟอร์สัน ดาวรุ่งพุ่งแรงได้ลงประจำตำแหน่งแนวรุกฝั่งซ้าย และ อาหมัด ดิยัลโล่ เล่นทางขวา
แม้ว่าจะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องนัดแรกสำหรับปรีซีซั่น แถมผู้เล่นตัวหลักทีมชุดใหญ่ก็ยังมาไม่ครบ ด้วยเหตุนี้การให้โอกาสบรรดาแข้งเท้าติดจรวดได้ลงสนามก็ถือเป็นแผนที่ดีในการเล่นงานคู่แข่ง
ลองนึกภาพ ซานโช่ สวมบทหน้าเป้าโดยมี แรชฟอร์ด ยืนทางซ้าย และ อันโตนี่ เล่นทางขวา แน่นอนว่าทั้งสามคนคงสร้างความปั่นป่วนให้กับกองหลังคู่แข่งด้วยการใช้ความเร็ววิ่งจี้เข้าใส่ในทุกทิศทุกทาง
สำหรับแท็คติกนี้อาจจะมีข้อดีมากมาย แต่คงมีปัญหาเรื่องการจบสกอร์ เพราะ ซานโช่ มักจะพลาดโอกาสง่ายๆ ยกตัวอย่างจังหวะที่ ฮันนิบาล เมจบรี้ ส่งบอลให้ในเกมอุ่นเครื่องกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เน้นย้ำว่า แมนฯ ยูฯ ต้องการหน้าเป้าที่แท้จริง
4. เลียนแบบฟอลส์ไนน์อาจารย์เป๊ป
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โด่งดังอย่างมากตอนที่สร้างแท็คติกให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยไม่มีการใช้หน้าเป้าเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก กาเบรียล เชซุส ไม่สามารถระเบิดฟอร์มเก่งได้นับตั้งแต่ที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ อำลาทีม
นายใหญ่ชาวสแปนิช ทำให้กุนซือคู่แข่งคาดเดาระบบการเล่นไม่ออก เมื่อเขาใช้วิธีโรเตชั่นแนวรุก ด้วยการส่ง เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน และ ริยาด มาห์เรซ รับบทบาท "ฟอลส์ไนน์"
ถ้า เทน ฮาก ซึ่งเคยทำงานร่วมกับ กวาร์ดิโอล่า สมัยที่อยู่กับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค อยากลองใช้ระบบนี้ เขาก็สามารถทำได้เหมือนกัน โดย บรูโน่ แฟร์นันด์ส น่าจะเติมเต็มแท็คติกนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเขาสามารถดักซุ่มอยู่แถวกรอบเขตโทษจากนั้นก็วิ่งทะลุเข้าไปข้างในเพื่อรับบอลจากการเปิดจากด้านข้างและจบสกอร์
ขณะเดียวกับ เมสัน เมาท์ ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดีเยี่ยมเช่นกัน เนื่องจากเขาเคยรับบท "ฟอลส์ไนท์" เป็นครั้งคราวตอนเล่นให้กับ เชลซี ซึ่งนักเตะมีความฉลาดในการหาพื้นที่ว่าง และสร้างโอกาสจบสกอร์ได้ดี
การผสมผสานระหว่าง แฟร์นันด์ส กับ เมาท์ น่าจะไปได้สวย หากมี กาเซมีโร่ และ คริสเตียน เอริคเซ่น คอยหนุนหลัง ซึ่งแน่นอนว่าวิธีการสร้างต้องสร้างความลำบากใจให้กับคู่แข่งในการรับมือ
5. จับ กรีนวู้ด คืนสู่ชุดใหญ่
ถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเซ็นสัญญากับกองหน้าตัวใหม่ได้เลยจริงๆ ในช่วงซัมเมอร์นี้ พวกเขายังมีอีก 1 ทางเลือกนั่นก็คือการให้โอกาส เมสัน กรีนวู้ด กลับคืนสู่ทีมชุดใหญ่
หัวหอกวัย 21 ปี รอดจากคดีทำร้ายร่างกาย และข่มขืนแฟนสาว หลังจากศาลยกฟ้องเนื่องจากพยานปากสำคัญหลายรายพากันถอนตัว แต่กระนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงต้องทำการสืบสวนเรื่องนี้เป็นการภายใน นั่นทำให้นักเตะยังคงโดนแบนจากทีม
สำหรับอนาคตของ "ไม้เขียว" ยังไม่มีความแน่นอน เพราะสโมสรอาจจะเลือกปล่อยเขาไปเล่นแบบยืมตัวในฤดูกาลหน้า และมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นหนึ่งในข้อตกลงเพื่อขอซื้อ ฮอยลุนด์ จากอตาลันต้า
ช่วงซัมเมอร์นี้ กรีนวู้ด กำลังซ้อมอย่างหนักเพื่อเรียกความฟิตกลับมา โดยเขาไม่ได้เล่นให้กับต้นสังกัดตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่าเจ้าตัวมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะได้หวนคืนทัพ "ผีแดง" อีกครั้ง
กระนั้นหาก แมนฯ ยูฯ หาหน้าเป้าไม่ได้จริงๆ มีความเป็นไปได้ที่ เทน ฮาก จะเลือก กรีนวู้ด ลงเล่นตำแหน่งนี้ แม้ว่าในช่วงแรกๆ ตอนที่ถูกดันขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ นักเตะจะถูกจับไปเล่นแนวรุกฝั่งขวา แต่ด้วยการจบสกอร์ที่เฉียบคม นั่นอาจทำให้เขาถูกปรับให้มาทำหน้าที่เป็นกองหน้าเต็มตัวก็ได้
ทอมเม้ง