ลือกันให้แซดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จ่อมอบเสื้อหมายเลข 7 ของสโมสรให้กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกดาวรุ่งทีมชาติ อาร์เจนติน่า
เท่าที่ผ่านมา พ่อค้าแข้งที่ได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ของ ผีแดง ล้วนแล้วแต่เป็นสตาร์ดังมีระดับแทบทั้งสิ้น
แน่นอนว่าบางรายอาจโชว์ฟอร์มได้ไม่เป็นที่ประทับใจสาวก เร้ด อาร์มี่ แต่สำหรับ การ์นาโช่ เจ้าหนูวัย 18 ปีที่มีลีลาการเล่นห้าวหาญ และมั่นใจเกินอายุ แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่แสดงความเห็นพ้องว่าเขาสมควรได้รับบททายาทของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ้าของเสื้อหมายเลข 7 ของ โรงละครแห่งความฝัน รายล่าสุด
แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร นี่คือประวัติศาสตร์การครอบครองเสื้อหมายเลข 7 ของทีม ปีศาจแดง โดยมี จอร์จ เบสต์ เป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนาน
- จอร์จ เบสต์
นับเป็นดาวเด่นของวงการลูกหนังทั้งในและนอกสนาม และเป็นนักเตะชาว ไอร์แลนด์เหนือ คนเดียวที่ได้รางวัล บัลลงดอร์ อีกทั้งครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรติดต่อกันหกซีซั่นก่อนย้ายออกไปในปี 1974
พาทีม แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกได้สองสมัยเช่นเดียวกับแชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ ปี 1968 ซึ่งเขาซัดประตูได้เช่นกันในเกมยำใหญ่ เบนฟิก้า 4-1
- ไบรอัน ร็อบสัน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 เจ้าของฉายา "กัปตันมาร์เวล" ได้รับการโหวตให้เป็นอดีตนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และไม่น่าประหลาดใจแม้แต่น้อยหากจะมองจากสิ่งที่เขาแสดงให้เห็นในสังเวียนแข้ง
ลงบู๊ให้ ผีแดง 461 นัด และยิงประตูได้ 99 ลูก อีกทั้งผงาดเป็นกัปตันทีมชาวเมืองผู้ดีของถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด คนแรกที่ได้ชูโทรฟี่ เอฟเอคัพ , พรีเมียร์ลีก และ คัพวินเนอร์สคัพ
- คีธ กิลเลสพี
เป็นขุนพลทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดซิวแชมป์ เอฟเอยูธคัพ ปี 1992 ก่อนได้เจริญรอยตาม เบสต์ นักเตะร่วมชาติด้วยการได้รับเสื้อหมายเลข 7 จากการตัดสินใจของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ล้มเหลวในการสร้างชื่อกับ ผีแดง เนื่องจากถูก อังเดร แคนเชลสกี้ แย่งตำแหน่งไปครองก่อนโดนขายให้กับ นิวคาสเซิ่ล ในปี 1995
-เอริค คันโตน่า
ตอนที่กฏฟุตบอลลีกเมืองผู้ดีปรับเปลี่ยนให้นักเตะสวมเสื้อหมายเลขประจำตัวของแต่ละคนในซีซั่น 1993/94 มีเพียงอ็อปชั่นเดียวเท่านั้นสำหรับ "คิง เอริค" ซึ่งก็คือเสื้อหมายเลข 7
หลังย้ายมาจาก ลีดส์ ในปี 1992 คันโตน่า ก็สร้างความหนักใจให้กับแผงหลังฝ่ายตรงข้ามตลอดห้าปีของเขากับ โรงละครแห่งความฝัน จากการพังประตูได้อย่างเหนือชั้นพาทีมของ เฟอร์กูสัน ประกาศศักดาครองความยิ่งใหญ่คับเกาะอังกฤษ
แม้จะก่อเหตุฉาวกระโดดถีบแฟนบอล คริสตัล พาเลซ ที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค แต่ไม่มีทางเลยที่ดาวเตะเฟรนช์แมนจะถูกลืมผลงานชิ้นโบแดงมากมายที่เขาฝากเอาไว้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
- เดวิด เบ็คแฮม
เบ็คแฮม พ่อค้าแข้งระดับเซเลบริตี้สร้างชื่อด้วยการเป็นปีกตัวฉกาจของวงการฟุตบอลยุคใหม่ และได้รับบทกัปตันทีมชาติ อังกฤษ เช่นกัน
แม้จะไม่ลงรอยกับ เฟอร์กูสัน สักเท่าไหร่ แต่เขามีบทบาทสำคัญพาทีม ผีแดง ครองความยิ่งใหญ่ได้อย่างต่อเนื่องและยาวนานในปลายยุค 1990 จนถึงต้นยุค 2000
อำลา แมนฯ ยูไนเต็ด ไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ปี 2003 หลังลงสนามให้กับ เร้ด เดวิลส์ ทีมที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็ก 350 นัด
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ก้าวขึ้นมาเป็นทายาทของ เบ็คแฮม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความสามารถและความมั่นใจ โรนัลโด้ จึงกลายเป็นนักเตะคนโปรดของสาวก ผีแดง
ย้ายมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมในบ้านเกิดตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นกระทั่งกระโดดขึ้นเป็นนักเตะระดับแนวหน้าของโลก และเป็นนักเตะคนแรกของทีมถัดจาก เบสต์ ที่คว้ารางวัล บัลลงดอร์
อำลา แมนฯ ยูไนเต็ด ไปค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด เช่นเดียวกับ เบ็คแฮมด้วยค่าตัวสถิติโลกเมื่อปี 2009 ในราคา 80 ล้านปอนด์
- ไมเคิ่ล โอเว่น
ย้ายมาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 2009 แต่เป็นเพราะโดนปัญหาบาดเจ็บเล่นงานถี่ยิบ อดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล จึงต้องต่อสู้แย่งตำแหน่งกับ เวย์น รูนีย์ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
ไม่อาจสร้างผลงานได้ดีพอตลอดสามปีกับ โรงละครแห่งความฝัน แม้จะซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาพาทีมกำราบ แมนฯ ซิตี้ ได้หลังย้ายมาสวมยูนิฟอร์ม ผีแดง หมาดๆ
- อันโตนิโอ วาเลนเซีย
ถูกดึงมาจากทีม วีแกน เพื่อให้รับภาระเป็นปีกขวา และได้เสื้อหมายเลข 7 ในซีซั่น 2012/13 หลังจาก โอเว่น ย้ายทีม
แน่นอนว่าไม่สามารถแบกรับภาระที่หนักอึ้งได้ และหวนกลับไปสวมเสื้อหมายเลข 25 ตามเดินในปีต่อมาซึ่งทำให้เขามีฟอร์มที่กระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- อังเคล ดิ มาเรีย
หลังจากเสื้อหมายเลข 7 ของ ผีแดง ไม่มีผู้ครอบครองนานหนึ่งปี ดิ มาเรีย ก็ย้ายมาจาก เรอัล มาดริด พร้อมกับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของศึก แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศไม่กี่เดือนก่อน
อย่างไรก็ดี สตาร์อาร์เจนไตน์ผิดใจกับ หลุยส์ ฟาน กัล ในเวลาเพียงไม่นาน และแม้จะจบซีซั่นด้วยผลงาน 12 แอสซิสต์ และ 4 ประตู แต่ปีกละตินก็ถูกขายทิ้งให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หลังค้าแข้งในอังกฤษได้แค่ปีเดียวเท่านั้น
- เมมฟิส เดอปาย
เซ็นสัญญาจาก พีเอสวี ในราคา 25 ล้านปอนด์ แต่ไม่สามารถตอบแทนสโมสรได้อย่างคุ้มค่าตัวเลย
โชว์ฟอร์มกับ ผีแดง ได้อย่างโดดเด่นในถ้วยยุโรป แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นถูก โชเซ่ มูรินโญ่ ขายให้กับ ลียง ในเดือนม.ค.2017
-อเล็กซส ซานเชซ
ได้รับการทาบทามจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้ย้ายไปร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด จัดแจงคว้าเขามาเสริมทัพได้สร้างความยินดีปรีดาให้กับสาวก เร้ด อาร์มี่ โดยถ้วนหน้า
อย่างไรก็ดี ในเวลาไม่นานมันก็ถูกพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นฝันร้ายสำหรับทั้งสองฝ่ายโดยเจ้าตัวเปิดอกในเวลาต่อมาว่าอยากย้ายทีมทันทีนับตั้งแต่การลงซ้อมหนแรกซึ่งสุดท้ายแล้วเขาเป็นนักเตะ ผีแดง แค่ซีซั่นครึ่งเท่านั้น
ลงสนาม 45 นัด และยิงได้แค่ 5 ประตูก่อนถูกส่งให้ อินเตอร์ ยืมตัวในซีซั่น 2019/20 กระทั่งได้เซ็นสัญญาอย่างถาวรกับ งูใหญ่ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020
-เอดินสัน คาวานี่
คาวานี่ ย้ายสู่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเดือนต.ค.2020 โดยเชื่อกันว่าเขาจะเป็นจิ๊กซอวที่ทีมขาดหายไปสำหรับการเสริมประสิทธิภาพของแผงรุก
แต่แล้วดาวยิงอุรุกวัยคลำเป้าได้แค่ 19 ลูกตลอดสามซีซั่น และส่งผลให้เขาถูกปล่อยตัวแบบฟรีๆ
ถึงอย่างนั้นก็อาจบอกได้ว่าพ่อค้าแข้งละตินสร้างชื่อกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เนื่องจากถูกอาการบาดเจ็บรังควานจนก่อให้เกิดอุปสรรคด้านสภาพความฟิต แถมยังต้องเจอการแย่งตำแหน่งที่หนักหน่วงในทีมอีกด้วย
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้
แน่นอนว่า โรนัลโด้ กลับมาคว้าเสื้อหมายเลข 7 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปสวมอีกหน แต่ทุกอย่างผิดไปจากที่ถูกคาดหมายเอาไว้
ดาวยิงเลือดฝอยทองเช็กบิลได้ 18 ประตูจากการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก 30 นัดในซีซั่น 2021/22 แต่ถัดมาเขามีปัญหากับ เอริค เทน ฮาก และยิงได้ประตูเดียวจาก 10 นัดสุดท้ายในเกมลีกของเขาก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปขุดทองใน ซาอุดิ อาระเบีย
- อเลฮานโดร การ์นาโช่
ว่ากันว่าไอ้หนูมหัศจรรย์มีโอกาสเป็นรายต่อไปที่จะได้เสื้อหมายเลข 7 ไปครอบครอง
หากเป็นเหมือนข่าวลือ การ์นาโช่ จะถือเป็นสตาร์วัยรุ่นรายแรกถัดจาก โรนัลโด้ ในปี 2003 ที่ได้ลงเล่นภายใต้ยูนิฟอร์มหมายเลขสำคัญ
แม้จะเพิ่งได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปีก่อน แต่สตาร์วัย 18 ปีพัฒนาฝีเท้าได้อย่างรุดหน้าจนกลายเป็นพ่อค้าแข้งที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นหน้า ปีกเลือดฟ้าขาวจะถูกสปอตไลท์สาดใส่ตัวเขาเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย