เบลลิ่งแฮม ผงาดครองบัลลังก์! ท็อป 10 นักเตะอังกฤษค่าตัวแพงที่สุด

เบลลิ่งแฮม ผงาดครองบัลลังก์! ท็อป 10 นักเตะอังกฤษค่าตัวแพงที่สุด
ในที่สุด จู๊ด เบลลิ่งแฮม ก็กลายเป็นนักเตะอังกฤษที่มีค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล

กองกลางวัย 19 ปีย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปร่วมทีม เรอัล มาดริด เรียบร้อยแล้วด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติใหม่ของประเทศ 115 ล้านปอนด์

ต่อเม็ดเงินดังกล่าว ส่งผลให้สตาร์ใหม่ของ ราชันชุดขาว ก้าวขึ้นครองบัลลังก์แทน แจ็ค กรีลิช มิดฟิลด์ขาดริ๊งค์ของ แมนฯ ซิตี้

ส่วนอีกแปดรายที่ติดอยู่ในอันดับท็อปเทนมีใครกันบ้าง เราไปดูกันเลยดีกว่า

1. จู๊ด เบลลิ่งแฮม

แม้จะยังไม่อาจรู้ได้ว่า เบลลิ่งแฮม จะไปได้สวยกับ เรอัล มาดริด หรือไม่ แต่อดีตขุนพลทีม เสือเหลือง กลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของ ราชันชุดขาว อย่างเป็นทางการแล้วด้วยค่าตัวมหาศาล

ในวัย 19 ปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าดาวเตะอิงลิชยังมีอนาคตอีกยาวไกล และที่แน่ๆเขายังค้าแข้งต่อได้อีกถึงหนึ่งทศวรรษ แถมยังรอเวลาผงาดถึงจุดสูงสุดของอาชีพนักเตะด้วย

อย่างไรก็ดี เบลลิ่งแฮม ติดทีมชาติ อังกฤษ ชุดใหญ่มาแล้ว 24 นัด และผ่านการลงบู๊ให้กับ เสือเหลือง 124 นัด อีกทั้งมีโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมด้วย ฉะนั้นแล้วจึงพอจะมั่นใจได้ว่าเขาน่าจะแจ้งเกิดใน ลา ลีกา ได้ไม่ยาก

2. แจ็ค กรีลิช


ปีกขาเมาย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ ในราคา 100 ล้านปอนด์เมื่อปี 2021

แม้ซีซั่นแรกกับ เรือใบสีฟ้า จะยังกระชากลากเลื้อยไม่ออก แต่ถึงตอนนี้ กรีลิช กลายเป็นนักเตะตัวหลักในสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับซีซั่นที่ผ่านมา ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ ได้ลงสนาม 50 นัด และพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่จนทำให้การควักกระเป๋าจ่ายของ เรือใบสีฟ้า คุ้มค่าทุกเพนนี

3. แฮร์รี่ แม็กไกวร์


แม็กไกวร์ ย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในราคา 85 ล้านปอนด์เมื่อปี 2019 ซึ่งทำให้เขาเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกในเวลานั้น

ถึงขณะนี้ กัปตันทีม ผีแดง ลงสนามให้กับ โรงละครแห่งความฝัน ไปแล้ว 175 นัด แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจเรียกคะแนนนิยมจากสาวก เร้ด อาร์มี่ ได้เนื่องจากมีช่วงที่โชว์ฟอร์มดีแย่สลับกันไป

จนในที่สุด เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ อังกฤษ ตกกระป๋องอย่างถาวรแล้วหลังจากสโมสรดึง เอริค เทน ฮาก มารับบทกุนซือ และคาดว่าเขาน่าจะย้ายทีมในซัมเมอร์นี้หากยังหวังได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง

4. เจดอน ซานโช่


เป็นนักเตะอีกรายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายอย่างแพงดึงมาร่วมทีมเมื่อปี 2021 โดย ดอร์ทมุนด์ รับทรัพย์เข้ากระเป๋า 75 ล้านปอนด์

ไม่ต่างอะไรกับ แม็กไกวร์ ที่ไม่อาจโชว์ฟอร์มอย่างน่าประทับใจออกมาได้ และยิงได้แค่ 5 ประตูจากการลงสนาม 38 นัดในซีซั่นแรกของเขากับ ผีแดง

จากนั้นในซีซั่น 2022/23 ซานโช่ ยังไม่มีทีท่าว่าจะระเบิดฟอร์มเก่งได้ และถูกลือว่าอาจโดนโละทิ้งในซัมเมอร์นี้โดยมี สเปอร์ส พร้อมรับไปเข้าแก๊งจากการยื่นข้อเสนอให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พิจารณา 50 ล้านปอนด์

5. เบน ไวท์


อาร์เซน่อล ดึงกองหลังทีมชาติ อังกฤษ มาจาก ไบรท์ตัน ในราคา 50 ล้านปอนด์เมื่อปี 2021

แรกทีเดียวแฟนบอลพากันมองว่าเขามีค่าตัวที่สูงเกินไป แต่ในไม่ช้า ไวท์ ก็ผงาดขึ้นมาเป็นกำลังหลักในทีม ปืนใหญ่ ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า

แม้ซีซั่นที่ผ่านมาจะไม่อาจพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ แต่ ไวท์ แสดงให้เห็นถึงความเป็นขุนพลคนสำคัญเนื่องจากได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องครบทั้ง 38 นัด

6. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง


ก่อนจะลงเอยกับ เชลซี สเตอร์ลิ่ง เคยย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ ในปี 2015 ด้วยค่าตัว 49 ล้านปอนด์

แน่นอนว่ามันเป็นเม็ดเงินที่ เรือใบสีฟ้า ลงทุนได้อย่างคุ้มค่าเนื่องจากปีกจอมพลิ้วลงเล่นให้ทีมเงินถังไปทั้งสิ้น 339 นัดตลอดระยะเวลาเจ็ดปีโดยยิงประตูได้ 131 ลูก พร้อมทั้งได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก สี่สมัย ตลอดจนแชมป์ เอฟเอคัพ หนึ่งสมัย และแชมป์ ลีกคัพ ห้าสมัย 

กระทั่งเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว สเตอร์ลิ่ง ก็ย้ายสังกัดอีกหนไปค้าแข้งกับ สิงห์บลูส์ ด้วยค่าตัวที่เท่ากัน และมีผลงานสอยตาข่ายได้ 9 ประตูจากการลงบู๊ในทุกรายการ 38 นัด

7. อารอน วาน บิสซาก้า


แบ็คขวาผิวสีย้ายจาก คริสตัล พาเลซ มาเป็นดาวเตะทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 49 ล้านปอนด์เมื่อปี 2019

กระนั้นก็ดี เขาเป็นขุนพลทีม ผีแดง อีกรายที่มีช่วงเวลาดีร้ายผสมปนเปกันไปจากปฏิกริยาที่แฟนบอลแสดงให้เห็น

กระทั่งหลังจาก เทน ฮาก เข้ามารับตำแหน่งบิ๊กบอสแห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด วาน บิสซาก้า ก็แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้จนทำให้เขาได้รับบทกองหลังตัวจริงโดยเขี่ย ดีโอโก้ ดาโลต์ ฟูลแบ็คทีมชาติ โปรตุเกส ให้หล่นไปนั่งเป็นตัวสำรองบ้าง

8. จอห์น สโตนส์


ด้วยเม็ดเงิน 47.5 ล้านปอนด์ที่ แมนฯ ซิตี้ จ่ายให้ เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 2016 มันถูกพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมหาศาล

ถึงขณะนี้ กองหลังทีมชาติ อังกฤษ ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ห้าสมัยแล้ว รวมทั้งแชมป์ เอฟเอคัพ สองสมัย แชมป์ ลีกคัพ สี่สมัย และแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก อีกใบ

ขณะเดียวกัน สโตนส์ จะได้รับการจารึกชื่ออีกรายในฐานะขุนพลทีม เรือใบสีฟ้า ที่ประสบความสำเร็จคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

9. ไคล์ วอล์คเกอร์


ไม่ต่างอะไรกับ สโตนส์ ที่ วอล์คเกอร์ ประสบความสำเร็จได้แชมป์รายการใหญ่แทบครบถ้วนกระบวนความแล้ว

ย้ายจาก สเปอร์ส มาค้าแข้งกับถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ตามหลัง สโตนส์ หนึ่งปี แต่มีเกียรติประวัติติดตัวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากองหลังร่วมชาติ

แถมปฏิเสธไม่ได้ว่า กวาร์ดิโอล่า ใช้เงินได้อย่างชาญฉลาดอีกหนกับการคว้าฟูลแบ็คสายสปีดมาเสริมทัพในราคา 45 ล้านปอนด์

10. เบน ชิลเวลล์


ชิลเวลล์ ย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ มาเป็นพลพรรคทีม เชลซี ในปี 2020 ด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์

แม้จะได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก และ สโมสรโลก กับ สิงห์บลูส์ แต่เวลาของเขาส่วนใหญ่ในรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ หมดไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บซะมาก

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ฟิตสมบูรณ์ กองหลังทีมชาติ อังกฤษ สามารถรับใช้ต้นสังกัดได้อย่างแข็งแกร่ง แถมเติมเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport