ย้อนไปดูตารางคะแนนเมื่อจบนัดที่ 30 ปรากฏว่ามีทีมลุ้นพื้นที่เสี่ยงมากถึง 7 ทีม
จากอันดับ 13 ลงมาถึง 20 (เซาธ์แฮมป์ตันโคม่า) นั่นคือวูล์ฟแฮมป์ตัน 31 แต้ม เทียบอันดับตกชั้นคือ 18 นอตติงแฮม ฟอเรสต์ 27 แต้ม
ช่องว่าง 4 เมื่อเหลืออีก 8 นัด มีโอกาสร่วงและรอดไม่ต่างกัน
ลองดูคะแนนเมื่อจบนัดที่ 30 นะครับ
13 วูล์ฟส์ 31
14 เวสต์แฮม 30 (เตะ 29 นัด)
15 บอร์นมัธ 30
16 ลีดส์ 29
17 เอฟเวอร์ตัน 27
18 ฟอเรสต์ 27
19เลสเตอร์ 25
20 เซาธ์แฮมป์ตัน 23
หนึ่งเดือนครึ่งผ่านไป...ถึงนัดที่ 37 ทีมที่ลุ้นว่ารอดหรือไม่รอดแย่งกันแค่ 3 ทีม
มี 1 เท่านั้นที่รอด ส่วนอีกสองตามเซาธ์แฮมป์ตัน ลงไปเดอะ แชมเปี้ยนชิพ
ดูตารางคะแนนที่ไม่โกหกกันครับ ในวงเล็บคือผลต่างประตูได้เสีย
17เอฟเวอร์ตัน 33 (-24)
18เลสเตอร์ 31 (-18)
19 ลีดส์ 31 (-27)
โปรแกรมนัดที่ 38
เอฟเวอร์ตัน-บอร์นมัธ
เลสเตอร์-เวสต์แฮม
ลีดส์-สเปอร์ส
ตามเงื่อนไขง่ายๆ ขึ้นกับผลของทอฟฟี สีน้ำเงินเป็นหลัก ครับ
มีเงื่อนไขหลายข้อมันคือ "ความน่าจะเป็น" แต่สถานการณ์ตอนนี้ขึ้นกับเอฟเวอร์ตัน ถ้าผล 3 คู่ออกมาเหมือนกัน... เลสเตอร์ และลีดส์ ตกชั้นครับ
หากผลไม่เหมือนกัน แม้กระทั่ง เอฟเวอร์ตันแพ้ ยังรอด หากเลสเตอร์และลีดส์ ไม่ชนะในเกมสุดท้าย
คิดแบบนี้ง่ายที่สุด ไม่ต้องไปวางเงื่อนไขให้ลุ้นกัน 5555
มีคำถามฝากให้คอมเม้นต์กัน ครับ
คุณคิดว่าใครจะตกชั้นระหว่าง เอฟเวอร์ตัน, เลสเตอร์ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด
ก่อนไปเม้นต์กันนั้นมีข้อมูลเชิงเปรียบเทียบประกอบการพิจารณาคอมเม้นต์
ลีดส์....โอกาสตกชั้น 96.98%
(ห) สเปอร์ส
จะว่าไปช่วงแรกของ เจสซี มาร์ช เป็นไปด้วยดี แต่จากนั้นเขาพบว่าชีวิตในพรีเมียร์ลีกไม่มีทางง่ายเลย แต่ทุกคนสงสัยว่าทำไมเขาได้โอกาสนานขนาดนั้นกว่าที่ลีดส์ จะตั้งหลักได้รอจนถึง 6 ก.พ. 2023 ค่อยปลดเขาออกจากตำแหน่ง
มาร์ช ทำงานนานถึง 20 นัด หลังเกมแพ้ฟอเรสต์ 1-0 วันรุ่งขึ้นผู้บริหาร ลีดส์ ปลดเขาออกจากตำแหน่ง....ผลงานชิ้นโบดำคือแพ้ 9 นัดด้วยกัน ชนะแค่ 5 นัด พวกเขาเก็บแต้มได้ 21 แต้มเท่านั้นเอง
เกือบเดือนกว่าจะได้โค้ชใหม่ ทีมใช้ ไมเคิล สกูบาลา รักษาการ ผลงานของเขาระหว่าง 6-21 ก.พ.ทำงานแค่สามนัด เสมอ1 แพ้ 2 เหมือนช่วงโชว์ตัวยังไงชอบกล 15 วัน จึงได้ ฆาบี กราเซีย โค้ชมือดีจากสเปนมาคุมทีม
ทุกอย่างดูเหมือนจะดี....เริ่มต้นชนะเซาธ์แฮมป์ตัน แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นๆลงๆ แพ้เละเทะ โดนยิงเฉพาะเดือนเม.ย. ถึง 23 ลูก แถมยังแพ้เกมทีมกลุ่มเสี่ยงด้วยกันอย่างบอร์นมัธ
โดนอาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล ถลุงเละเทะเหมือนเป็นทีมจากลีก ทู
กราเซีย ทำงานได้จนถึง 3 พ.ค. ก็โดนปลดออกเมื่อเหลือสี่เกมสุดท้าย แซม อัลลาไดส์ ถูกดึงเข้ามา ตามชื่อเสียงเซฟทีมไม่ตกชั้นมาสามทีมก่อนหน้านี้ ทั้งซันเดอร์แลนด์, แบลคเบิร์น , เวสต์ แฮม แต่นั่นเขามีเวลามากถึงหกเดือน
แต่...."บิ๊ก แซม" เข้ามารับงานแทนในสี่นัดสุดท้ายพร้อมกับโบนัส 3 ล้านปอนด์ ถ้าทีมรอด แต่ถ้าไม่รอดได้เงินค่าทำงาน 5 แสนปอนด์ ซึ่งเกมนี้ อัลลาไดส์ วินอย่างเดียว แค่ได้มากได้น้อย
ถ้ารอดโบนัสส่วนตัวก้อนโต ถ้าไม่รอด ก็ได้เงินฟรีๆ 5 แสนปอนด์ โดยไม่ต้องออกแรงอะไรมาก นอกจากกระตุ้นและตะโกนสั่งงานข้างสนาม
เกมแรกบิ๊กแซม แพ้ แมนฯซิตี้ 2-1 ด้วยวิธีการเล่นที่น่าจะทำให้แฟนบอลมั่นใจได้บ้าง ตามด้วยผลเสมอนิวคาสเซิล 2-2 และล่าสุดแพ้ เวสต์ แฮม 3-1 ทั้งที่นำก่อน
ถ้าถามว่าอะไรคือจุดบอดที่จะทำให้ทีมตกชั้น
คำตอบอยู่ที่จุดบอดมาตลอดทั้งซีซั่นนั่นคือ "เกมรับ" ที่ไม่มีคุณภาพมากพอ แม้จะตั้งโซนรับ เหนียวแน่น ดีพอตัว แต่ทำได้ไม่ตลอด 90 นาที มันจะต้องมีช่วงเวลาที่พอคู่แข่งกดดันกรอบเขตโทษหนักๆสักสองสามเที่ยว เกมรับเป๋ แล้วเสียประตู พอเสียก็กลับมายาก มีจะโดนเพิ่ม
นัดสุดท้ายมาเจอทีมที่เกมรับแย่พอกันอย่างสเปอร์ส น่าจะมีลุ้นแบ่งแต้ม เพราะเล่นในบ้าน กระนั้น....เกมรุกของสเปอร์ส จัดจ้านเกินกว่าที่ กองหลังลีดส์ จะต้านทานไหว อีกทั้งชนะได้...ก็ไม่รู้ว่าจะรอดพ้นการตกชั้นหรือไม่
การลงสนามนัดสุดท้ายในซีซั่นนี้จึงเป็นการลงสนามอย่างมีความหวัง และพึ่งโชคชะตาด้วยอีกต่างหาก
หากรอด....มันจะเข้าข่ายปาฏิหารย์ แน่นอน
เลสเตอร์ ซิตี้....ตกชั้น84.11%
(ห) เวสต์ แฮม
เบรนดัน รอดเจอร์ส ทำงานกับทีมมาต่อเนื่องหลายปี ได้ผลงานแชมป์เอฟเอ คัพ มาแล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจากศักยภาพของทีมแนวลึกไม่แกร่งมากนัก เนืองจากปัญหาเรื่องการซื้อขายนักเตะ ย้ายออกดี ย้ายเข้าไม่ดี เท่า เช่น ผู้รักษาประตู แคสเปอร์ ชไมเคิล กับ แดนนี วอร์ด คนละทรงกันเลย
ที่หนักกว่านั้นคือ "การบาดเจ็บ" ของขุมกำลังทั้งซีซั่น
ดังนั้นงานแก้ในปีนี้ของ รอดเจอร์ส จึงยากลำบากพอตัว ตั้งแต่เปิดซีซั่น เพราะเล่นแพ้ 6 นัดรวดใน 7 เกมแรก ร่วงลงไปอันดับ 20 ตั้งแต่สองเดือนแรกทันที กระนั้น รอดเจอร์ส พยายามปรับแก้ จนไต่อันดับขึ้นมายังที่ 13-14 ของตารางคะแนน จนถึงช่วงก.พ.
ช่วงนั้นแต้มของทีมอันดับ 12-20 ไม่ห่างกันมาก แค่หลักสามแต้ม ผลแข่งแต่ละสัปดาห์ทำให้อันดับมันสวิง แต่ รอดเจอร์ส เริ่มพบพกับความกดดันมากขึ้นจนกระทั่งถึงสิ้นเดือนมี.ค. บอร์ดบริหารตัดสินใจเด็ดขาด
ช่วงนั้นทีมแพ้ 5 เสมอ 1 หล่นไปอยู่อันดับที่ 19 วันที่2 เม.ย. ผู้บริหารจึงแต่งตั้ง โค้ชคู่ ไมค์ สโตว์ กับ อดัม แซดเลอร์ รักษาการถึง 10 เม.ย. ก่อนได้ ดีน สมิธ เข้ามาทำทีม 8 นัดสุดท้าย
ผลงานชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 3 เก็บได้ 6 จาก 21 แต้ม แน่นอนไม่เพียงพอต่อการอยู่รอด มีเพียงชัยชนะต่อฟูแล่มนั่นเองที่ทำให้พวกเขากระโดดพ้นโซนตกชั้น แต่ก็แค่เกมเดียว จากนั้นกลับมาอยู่ในโซนตกชั้นเหมือนเดิม
ถึงจุดนี้แม้พวกเขาจะชนะ เวสต์ แฮม ในบ้านได้ แต่ต้องลุ้นทอฟฟี ไม่ให้ชนะบอร์รนมัธ เช่นกัน แน่นอนสถานการณ์เบากว่า ลีดส์ ที่ต้องลุ้นสองเด้ง
เอฟเวอร์ตัน....ตกชั้น18.91%
(ห) บอร์นมัธ
ซีซั่นที่แล้ว แฟร้งค์ แลมพาร์ด เซฟทีมได้นัดรองสุดท้ายจนรอดพ้นการตกชั้นอย่างหวุดหวิด งานของเขาเดินหน้าต่อแต่เป็นปัญหาเหมือนเดิมคือ คืองบประมาณจำกัด แถมเสียตัวเก่งออกไปจากทีม
แค่เริ่มต้น 6 นัดแรกได้ 4 คะแนนจากผลเสมอสี่นัด แพ้สอง
อันดับดีสุดของพวกเขาอยู่ในช่วง10 นัดแรกนั่นคืออยู่อันดับที่า 11 ช่วงนั้นชนะติดกันสองนัดแต้มพรวดขึ้นมาจากนั้นก็ทรงตัวอยู่ระหว่างอันดับ 12-15 ชนะสักนัด เสมอ และก็แพ้ติดต่อ
ปัญหาคือเมื่อแพ้แล้ว...แพ้รวด ทีละสามนัด จนหล่นไปอยู่อันดับ 16-17 แต้มไม่ห่างโซนตกชั้น และแลมพาร์ดก็โดนปลดออกหลังแพ้นัดที่ 21 ต่อ เวสต์ แฮม 2-0 สิ้นเดือนมกราคม ชอน ไดส์ เข้ามารับงาน
เกมแรกสร้างความประทับใจให้แฟนบอลอย่างยิ่งเมื่อ ไดส์ พาทีมเชือดอาร์เซนอล ทีมลุ้นแชมป์ 1-0 จากนั้นค่อยทำทีมไต่อันดับขึ้นมาจนถึงอันดับ 15 แต่ด้วยความที่บรรดาคู่แข่งต่างก็ชนะด้วย บางทีมอย่างเช่น คริสตัล พาเลซ ชนะสามนัดติด ลอยตัว, ตามด้วย บอร์นมัธ ก็ลอยตัว วูล์ฟเองก็เช่นกัน ชนะติดต่อกัน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ เอฟเวอร์ตันทำไม่ได้ ตั้งแต่เปิดซีซั่นมาชนะมากสุดคือสองนัดติดต่อกัน ยุค แลมพ์ นั่นเอง
นี่เองที่แต้มจึงก้าวไม่ไกล วนเวียนแถวโซนตกชั้น
ถ้าถามว่าปัจจัยคือเรื่อง "สภาพทีม" ใช่หรือไม่
มีส่วนแน่นอน เพราะทีมขายตัวดีอย่าง ริชาร์ลิซอน ที่มีส่วนช่วยไม่ให้ตกชั้น แล้วซื้อ นีล โมเปย์ จากไบรท์ตัน ซึ่งไม่ใช่ตัวทีเด็ดอะไร อยู่ไบรท์ตัน ยังสำรอง ขณะที่ ดอม เจ็บแบบยาวๆ อีกต่างหาก พวกเขาจึงขาดอาวุธหนัก
ส่วนเกมรับนั้นพลาดเป็นประจำ ไม่ได้ จอร์แดน พิคฟอร์ด ช่วยเซฟในแต่ละเกมก็อาจเละกว่านี้ นี่คือปัญหาที่ยากลำบาก....แล้วการเจอกับบอร์นมัธ ที่รอดพ้นการตกชั้นแบบเหลือๆ ยิ่งเป็นงานง่ายเล่นไม่กดดัน
บอลเล่นไม่กดดันเหมือนเกมล่าสุดที่ เวสต์ แฮม สอย เลสเตอร์ นิ่มๆ
ไม่ต้องถึงขั้นแพ้...แค่เสมอแล้วหากเลสเตอร์ ชนะ
พวกเขาก็ตกชั้นแล้ว
แม้เป็นทีมที่มีโอกาสตกชั้นน้อยที่สุดจากแต้มและอันดับคะแนน แต่ดูตามรูปการณ์แล้ว พวกเขาจะเป็นทีมที่น่าจะชนะยากที่สุดเมื่อเทียบกับ เลสเตอร์ และลีดส์ มันคือความหวังเดียวของพวกเขาในการอยู่รอด
หากผลออกมาไม่ชนะแต่กลับอยู่รอด....
พระเจ้าใส่เสื้อสีน้ำเงินแน่นอน...
ถ้าให้เลือกทีมอยู่รอดสักหนึ่งทีม...
คหสต...ผมเลือกเลสเตอร์ ซิตี้
สัญชาติญาณบอกว่า ทอฟฟี ที่ไม่ตกชั้นมาตั้งแต่ปี 1954 ถึงเวลาตกชั้น ด้วยเพราะซีซั่นก่อนรอดนัดรองสุดท้ายที่ชนะ คริสตัล พาเลซ 3-2 เห็นภาพแฟนบอลวิ่งลงสนามฉลองการอยู่รอดต่อในพรีเมียร์ลีก
ข่าวดี!….เอฟเวอร์ตัน อาจจะได้เจ้าของใหม่
ส่วนข่าวร้ายคือควงแขนลีดส์ ยูไนเต็ด ไปตั้งหลักในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ
เซนส์ของผมอาจผิดก็ได้
แล้วเซนส์ของทุกท่านละครับ.....
ทีมไหนรอด ทีมไหนร่วง??
JACKIE