ในฤดูกาลที่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาราวกับรถไฟเหาะ นักเตะลิเวอร์พูล แทบทุกคนพากันทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน
แต่มีคนหนึ่งที่เชิดอกท่ามกลางปีที่น่าผิดหวังได้อย่างสง่างามคือ อลีสซง เบ็คเกอร์
ตลอดทั้งซีซั่น 2022/23 โครงสร้างทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ถูกกัดกร่อน โดนคู่แข่งฉีกเกมรับจนเกิดช่องโหว่ ภาระหนักทั้งมวลจึงตกไปอยู่ที่นายด่านบราซิเลี่ยน
นับเฉพาะเกมลีก งานของ อลีสซง ในปีนี้ เหนื่อยมากขึ้นจากปีที่ก่อนไม่ใช่น้อย
ฤดูกาล 2021/22 ลิเวอร์พูล โดนทีมฝั่งตรงข้ามยิงเข้ากรอบเพียง 107 ครั้ง เฉลี่ยแล้วตกเกมละ 2.8 ครั้งต่อเกม เสียไป 26 ประตู
ขณะที่ฤดูกาลนี้ เมื่อผ่านไป 37 นัด ตัวเลขปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล อยู่ที่โดนส่องเข้ากรอบ 147 ครั้ง เฉลี่ยตกเกมละ 3.97 ครั้งต่อเกม และเสียไป 43 ประตู
เคราะห์ดีที่ผลงานช่วงหลัง คล็อปป์ หาสูตรที่ลงตัวพาทีมให้เกิดความกระเตื้องเพิ่มมากขึ้นจากการปรับระบบการเล่น นักเตะหลายคนเรียกฟอร์มตัวเองกลับคืน
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมาเป็นคนใหม่จากบทบาทที่เปลี่ยนไป
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำประตูได้ต่อเนื่องจนไต่อันดับท็อปชาร์ตดาวยิงสูงสุดตลอดกาลสโมสร
หลุยส์ ดิอาซ กลับคืนสู่สนาม รวมถึง เคอร์ติส โจนส์ ที่พกความมั่นใจเต็มกระเป๋าจนสอดแทรกยึดตัวจริงได้
แต่สำหรับ อลีสซง ไม่ว่าวันคืนจะผ่านไปอย่างไร เขาก็ยังยืนหยัดรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้มาโดยตลอด
และคงไม่แปลกใจหากชื่อของเขาจะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรประจำฤดูกาลนี้
เฉพาะผลงานเด่น ๆ ของ อลีสซง มีมากมายจนนับนิ้วได้ไม่หมด
นึกย้อนไปตอนเดือนตุลาคม ปีก่อน เกมชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ แอนฟิลด์ ที่เขาโชว์ปฏิกิริยาใช้มือขวาป้องกันลูกยิงจาก เออร์ลิง ฮาลันด์
หรือในเดือนเดียวกันกับการเซฟจุดโทษของ จาร์ร็อด โบเว่น จนคงสกอร์ให้ ลิเวอร์พูล ยังนำและเอาตัวรอดคว้าสามแต้มเหนือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้
ไม่ใช่แค่เรื่องการป้องกันประตูเท่านั้น เกมเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่บรรดากูรูมองว่า "หงส์แดง" เป็นรองเจ้าถิ่น
หนึ่งในสาเหตุที่ ลิเวอร์พูล สามารถบุกชนะที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ได้นั้น มาจากไหวพริบอันรวดเร็วบวกการความสามารถการใช้เท้า ด้วยการสาดบอลยาวอันแม่นยำให้ ซาลาห์ จนไปสู่การสังเวยใบแดงของ นิค โป๊ป นายด่านสาลิกาดง
และขณะที่กำลังนั่งพิมพ์อยู่นี้ ก็นึกขึ้นมาได้อีกว่า เกมชนะ "เรือใบสีฟ้า" 1-0 ประตูชัยก็มาจากลูกเปิดยาวของเขา กระทั่ง ซาลาห์ กระชากหลุดไปยิงผ่านตัว เอแดร์ซอน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะเยินยอ อลีสซง มากเกินไปจนหลงลืมถึงข้อผิดพลาด ซึ่งการเล่นแบบเสี่ยง ๆ จากการเซตบอลจากแดนหลังมันย่อมก่อให้เกิดความอันตราย
อย่างเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ เรอัล มาดริด ที่ผ่านบอลไปติด วินิซิอุส จนโดนประตูตีเสมอ 2-2 (ก่อนจะแพ้ไป 2-5)
หรือลักษณะคล้าย ๆ กันในเกมเอฟเอ คัพ กับ วูล์ฟส์ ที่เตะไปเข้าเท้า กอนซาโล่ กูเอเดส จนทีมตกเป็นฝ่ายตามหลัง
แต่ความผิดพลาดก็ถูกหักล้างเมื่อเรามองถึงคุณงามความดีที่เขาคงไว้มาโดยตลอด
แล้วถามว่าข้อผิดพลาดเหล่านั้น เขาดึงตัวเองกลับมาสู่จุดเดิมได้อย่างไร?
จอห์น อัชเตอร์เบิร์ก โค้ชผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล เชื่อว่าในแต่ละวัน อลีสซง มีการวิเคราะห์หรือปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ ความแข็งแกร่งด้านจิตใจ ไม่จมอยู่ในข้อผิดพลาดทำให้เขาต่างจากคนอื่น ๆ
นับตั้งแต่ จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม อำลาทีมไปเมื่อปี 2021 อลีสซง ก้าวขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้นำ ลิเวอร์พูล ในห้องแต่งตัว
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ พูดคุยกับนักข่าวหลังคว้าชัยเหนือ เบรนท์ฟอร์ด พร้อมเป็นการส่งให้ อลีสซง เก็บคลีนชีตครบ 100 นัดจากการลงเฝ้าเสา 229 เกม เผยว่า
"คุณภาพที่ดีที่สุดของเขาคือสิ่งที่เขาเป็น และเขามีความสำคัญต่อทีมมากแค่ไหน"
"เขาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในทีม เขาเป็นคนที่ผู้เล่นหลายคนให้ความเคารพ เขาเป็นตัวอย่างสำหรับคนอื่น ผมดีใจมาก ๆ ที่เขาเป็นผู้รักษาประตูของผม"
ตอนที่ คล็อปป์ มอบของที่ระลึกเป็นกรณีพิเศษให้ อลีสซง ในห้องแต่งตัวเพื่อเป็นการฉลองที่เขาเก็บคลีนชีทได้ 100 นัดนั้น
กุนซือ ลิเวอร์พูล พูดแบบติดตลกว่าที่จริงแล้วตัวเลขบนหลังเสื้อเป็นการรำลึกถึง "100 เซฟที่ถูกช่วยเหลือเอาไว้ในฤดูกาลนี้"
ส่วน อลีสซง ก็ยิ้มอย่างมีความสุข และตอบไปว่า "มันอาจจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำนะ!" เรียกว่าคำพูดนี้สร้างเสียงหัวเราะจากเพื่อน ๆ ได้เยอะเลยทีเดียว
จริงอยู่ว่าตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อลีสซง อาจไม่ได้เจองานหนักในระดับเดียวกับที่เขาพูดแบบติดตลก แต่คุณก็ยังสามารถชื่นชมผลงานของเขาได้อยู่ดี
"ฟอร์มการเล่นของเขาบอกได้ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว หากคุณรู้จักเขาแล้วล่ะก็ เขาเป็นคนที่นิสัยดีมากกว่าการเป็นผู้รักษาประตูที่ดีอีกนะ ซึ่งสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก" คล็อปป์ เผย
เม็ดเงิน 65 ล้านปอนด์ที่จ่ายให้กับ โรม่า ตอนซัมเมอร์ปี 2018 นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง
ถามว่าระหว่าง อลีสซง กับ ฟาน ไดค์ ใครกันคือผู้เล่นที่ ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญาแล้วเข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมมากที่สุดในยุค พรีเมียร์ลีก
หน้าประวัติศาสตร์สโมสรคงเปลี่ยนแปลงไปแน่ หากไม่มีลูกเซฟระยะเผาขนที่เขาปฏิเสธลูกยิงของ อาร์คาดิอุซ มิลิค ตอนช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อเดือนธันวาคม 2018
หากลูกยิงลูกนั้นเป็นประตู นาโปลี จะเป็นฝ่ายได้เข้าสู่รอบน็อกเอาท์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งแน่นอน หลังจากนั้นคงไม่มีค่ำคืนแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ณ กรุงมาดริด จะไม่มีแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลกมาประดับสโมสร
"หากผมรู้ว่า อลีสซง ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมคงต้องจ่ายเงินเป็นสองเท่าแล้วล่ะ" บอสเจเค กล่าวแบบยิ้มแย้มกับชัยชนะเหนือ นาโปลี
เรย์ คลีเมนซ์ อดีตตำนานผู้รักษาประตูผู้ล่วงลับของ ลิเวอร์พูล คือแฟนตัวยงของดาวเตะรุ่นหลาน
คลีเมนซ์ ชื่นชม อลีสซง เอามาก ๆ ซึ่งคำพูดของเขาเมื่อปี 2020 มันสะท้อนให้เห็นถึงตัว อลีสซง ในวันนี้
"เขามีทุกอย่างที่ผู้รักษาประตูจำเป็นต้องมี ไม่ว่าเรื่องสัดส่วน, การวางตัว, ปฏิกิริยาอันยอดเยี่ยม และวิธีการในการสั่งการ" คลีเมนซ์ เผย
"อลีสซง จะเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ไปอีกหนึ่งทศวรรษ และจะเป็นตำนานของที่นี่ เขามีลักษณะทางร่างกายที่คุณพึงจะมีสำหรับผู้รักษาประตูระดับท็อป และเขาก็มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง"
"ถ้าคุณต้องการจะเป็นผู้รักษาประตูระดับท็อปในฟุตบอลสมัยใหม่แล้วล่ะก็ คุณต้องมีการเล่นบอลกับเท้าที่ดี ซึ่งเขาก็เป็นแบบนั้น เหล่าผู้เล่นที่ยืนตรงหน้าเขามีความมั่นใจเต็มที่เมื่อมีเขาอยู่ด้านหลัง พวกเขารู้ดีว่าถ้าเกิดพวกเขาพลาดขึ้นมาแล้ว ก็ยังจะมีเขา(อลีสซง) ที่จะช่วยไว้ได้"
"เขามีความสามารถที่ทำเรื่องยาก ๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ เชื่อผมเถอะ ผมเคยเล่นที่นั่น แล้วผมก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ๆ เลย ซึ่งผู้รักษาประตูที่เก่ง ๆ จะทำให้มันเป็นเรื่องง่ายดาย"
"สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความสามารถของเขาในการเซฟเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขัน คุณเห็นผู้รักษาประตูเซฟมหัศจรรย์ได้ตอนที่ทีมนำ 2-0 หรือ 3-0 ทั้งที่มันไม่ได้สำคัญอะไรแล้วก็ตาม ผู้รักษาประตูที่ดีจะมีช็อตเซฟสำคัญในช่วงเวลาที่สำคัญ แล้ว อลีสซง ก็เป็นเช่นนั้น"
อลีสซง กลายเป็นผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล คนที่ 7 ที่เก็บคลีนชีตได้ครบ 100 นัดต่อจาก เอลิช่า สกอตต์, ทอมมี่ ลอว์เรนซ์, คลีเมนซ์, บรูซ กร็อบเบลลาร์, เดวิด เจมส์ และ เปเป้ เรน่า
เขามีอัตราการเซฟ 43.7 เปอร์เซ็นต์ มีแค่ เรย์น่า (44.9 เปอร์เซนต์) และ คลีเมนซ์ (48.6 เปอร์เซนต์) เท่านั้นมีสถิติที่ดีกว่า(นับเฉพาะที่ได้ลงเล่นอย่างน้อย 50 เกม)
นอกจากนี้ นับตั้งแต่ที่ อลีสซง ประเดิมสนามให้ ลิเวอร์พูล มีเพียง เอแดร์ซอน ที่เก็บคลีนชีตทุกรายการได้มากกว่าเขา โดยนายด่านเพื่อนร่วมชาติเก็บไป 113 เกมจากเกมที่ลงเล่นมากกว่า อลีสซง ร่วม 10 นัด
ส่วนเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น นับเฉพาะตั้งแต่ย้ายมา ลิเวอร์พูล อลีสซง เก็บคลีนชีตไป 19 เป็นรอง มานูเอล นอยเออร์ (20 นัด) กับ เอแดร์ซอน (22 นัด)
ในวัย 30 ปี อลีสซง เพิ่งเข้าสู่ช่วงพีกของตำแหน่งผู้รักษาประตูเท่านั้น เขามีสัญญาถึงปี 2027 และเมื่อถึงเวลานั้น หากไม่เกิดอาการบาดเจ็บขั้นรุนแรง อลีสซง น่าจะทำสถิติก้าวไปไกลกว่า ลอว์เรนซ์ (390 นัด) และ เรย์น่า (394) ในเรื่องการลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล
โดยเรื่องการย้ายทีม ไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่เขาจะไม่ได้อยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อไปในระยะยาว เพราะทั้งเขาและครอบครัวต่างมีความสุขเอามาก ๆ ที่ได้อยู่ที่นี่
"ผมหวังว่าผมจะเก็บคลีนชีตได้สัก 200-300 เกม แต่นี่ไม่ใช่เป็นของผมคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นจากคนอื่น ๆ ทั้งเด็ก ๆ, สตาฟฟ์, โค้ชผู้รักษาประตู, ทุก ๆ คน"
"เราทำงานร่วมกันโดยมีเป้าหมายที่เป็นพื้นฐาน ซึ่งคลีนชีตก็เป็นเป้าหมายพื้นฐานของเรา"
มันคือการถ่อมตัวตามแบบฉบับของเขา
ความจริงคือฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เป็นหนี้บุญคุณ อลีสซง เยอะมาก ๆ
ถ้าเขาไม่ได้จารึกผลงานขนาดนี้แล้วล่ะก็ ช่วงท้ายฤดูกาลอาจเป็นช่วงเวลาที่เปล่าประโยชน์สำหรับ ลิเวอร์พูล ไปเลยก็ได้
อลีสซง เบ็คเกอร์ ช่วยทีมเอาไว้เยอะมากจริง ๆ
HOSSALONSO