แค่เห็นก็ขนลุก!คอลูกหนังยกซุ้มม้านั่งสำรอง แมนซิตี้ เกมดวลเชลซีเจ๋งที่สุดในโลก

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่สมองเพชร มีการปรับทีมแทบยกชุด เมื่อพวกเขาผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ในฤดูกาลนี้เรียบร้อยแล้ว หลัง อาร์เซน่อล ดันพลาดแพ้ให้กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-1 ในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 

สำหรับการโรเตชั่นในแมตช์นี้ทำเอาบรรดาคอลูกหนังต้องตะลึง เพราะนักเตะที่นั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองนอกจากจะมีฝีเท้าฉกาจฉกรรจ์แล้ว ยังมีค่าตัวรวมกันแล้วกว่า 490 ล้านปอนด์ (ราว 20,580 ล้านบาท) เลยทีเดียว

เริ่มตั้งแต่ แจ็ค กรีลิช มิดฟิลด์เชิงสูง ที่มีค่าแพงสุดของสโมสรตอนที่คว้าตัวมาจาก แอสตัน วิลล่า ด้วยมูลค่า 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,200 ล้านบาท) ตามด้วย เควิด เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์เทพประทาน ค่าตัว 66 ล้านปอนด์ (ราว 2,772 ล้านบาท) และ โรดรี้ ค่าตัว 61 ล้านปอนด์ (ราว 2,562 ล้านบาท)

ขณะที่ รูเบน ดิอาส แนวรับชั้นดี ค่าตัว 62 ล้านปอนด์ (ราว 2,604 ล้านบาท) กับ จอห์น สโตนส์ ค่าตัว 48 ล้านปอนด์ (ราว 2,016 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผู้เล่นตัวหลักของ กวาร์ดิโอล่า ก็ถูกจับไปนั่งพักผ่อนดูเพื่อนร่วมทีมดวล "สิงโตน้ำเงินคราม" เช่นกัน

สำหรับ เอแดร์ซอน นายทวารชาวบราซิเลียน ค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,470 ล้านบาท) ก็โดนดร็อปโดย นายใหญ่ชาวสแปนิช ให้โอกาส สเตฟาน ออร์เตก้า ได้ทำหน้าที่เฝ้าเสา ตบท้านด้วย เออร์ลิง ฮาลันด์ หัวหอกฟอร์มระเบิด ค่าตัว 52 ล้านปอนด์ (ราว 2,184 ล้านบาท) ได้พักร่างกาย ทำให้ ฮูเลียน อัลวาเรซ จึงได้ลงทำหน้าที่เป็นตัวจริง

ด้าน แบร์นาร์โด้ ซิลวา กองกลางชาวโปรตุกีส ซึ่งสวมบทฮีโร่ช่วยทีมไล่ต้อน เรอัล มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัด 2 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ค่าตัว 43 ล้านปอนด์ (ราว 1,806 ล้านบาท) และ อิลคาย กุนโดกัน ค่าตัว 23 ล้านปอนด์ (ราว 966 ล้านบาท) ก็ได้พักเช่นกัน 

งานนี้แฟนฟุตบอลได้เข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย โดยรายแรกระบุว่า "ซุ้มม้านั่งสำรองชุดนี้สามารถคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เลย" ส่วนรายที่สองเสริมว่า "ผมอึ้งไปเลยเพราะซุ้มม้านั่งสำรองแมนฯ ซิตี้ วันนี้คือซุ้มม้านั่งสำรองที่เจ๋งที่สุดในโลกเท่าที่เคยเห็น"

ตามด้วยรายที่สามที่ระบุว่า "นี่มันซุ้มม้านั่งสำรองที่สุดยอดที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล" ตบท้ายด้วยอีกราย เขียนว่า "แน่นอนว่าซุ้มม้านั่งสำรองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือซุ้มม้านั่งสำรองที่ดีที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล"