แม้ว่าจะเป็นการเจอกันของ 2 ทีมใหญ่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นทั้งคู่มีสภาพต่างกันแบบฟ้ากับเหว เพราะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีผลงานที่ยอดเยี่ยมจนกำลังมีลุ้นทำทริปเปิลแชมป์ ส่วน เชลซี เล่นได้แย่จนปัจจุบันถึงขั้นไปอยู่ในครึ่งล่างของตารางคะแนน
ถึงแม้ออร่าของเกมนี้จะไม่ถึงขั้น 5 ดาวเหมือนกับครั้งก่อนๆ แต่มันก็ยังมีเกร็ดบางอย่างที่น่าสนใจสำหรับเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคมนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะทั้งของสำหรับ แมนฯ ซิตี้ หรือของ เชลซี
- ความแพ้ทางของ เชลซี
ย้อนกลับไปเมื่อนัดชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2020-21 เชลซี ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ชอกช้ำด้วยการเอาชนะอีกฝ่ายได้ อย่างไรก็ตาม ในการเจอกันของพวกเขา 5 นัดหลังจากนั้นเป็นต้นมาในทุกรายการนั้น "สิงห์บลูส์" แพ้ทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วง 5 เกมที่ว่า เชลซี ยังยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียวด้วย และถ้าหากในวันอาทิตย์นี้ทีมของกุนซือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังทำได้แย่แบบนั้นอีก นี่ก็จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ เชลซี ที่พวกเขาแพ้ทีมใดทีมหนึ่งถึง 6 นัดติดต่อกันโดยที่ยิงไม่ได้สักลูกเลย
- โอกาสสร้างสถิติของ ซิตี้
ทุกคนต่างยอมรับว่า แมนฯ ซิตี้ เป็นหนึ่งในทีมที่เก่งที่สุดของเกาะอังกฤษในพักหลัง แต่การที่พวกเขาเอาชนะ เชลซี ในลีกได้ถึง 3 นัดติดต่อกันก็ถือเป็นผลงานที่ดีเกินกว่าที่หลายคนคิดเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่า เชลซี ก็มีขุมกำลังที่ดีในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ถ้าหากในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคมนี้ "เรือใบสีฟ้า" เก็บ 3 แต้มได้อีกครั้ง มันก็จะเป็นหนแรกที่พวกเขาพิชิต เชลซี ในเกมลีกได้ 4 นัดติดต่อกัน โดยในเกมลีกทั้ง 3 นัดหลังสุดที่ แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ เชลซี ได้นั้น สกอร์มันยังอยู่ที่ 1-0 ทุกเกมด้วย
- แลมพาร์ด จะทำได้อีกหรือไม่ ?
นับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของ เชลซี เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น แลมพาร์ด ก็มีผลงานสุดเลวร้ายเพราะพาทีมชนะได้แค่ 1 เกมจาก 8 นัดในทุกรายการ โดยที่เหลือแบ่งเป็นการเสมอ 1 หนกับแพ้ 6 เกม
ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่แปลกเลยที่หลายคนจะกล้าฟันธงว่า เชลซี จะเป็นฝ่ายแพ้ในเกมนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าในฤดูกาลนี้ แลมพาร์ด เป็นเพียง 1 ใน 2 กุนซือที่ไม่พบกับความปราชัยตอนนำทีมไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ในลีก เพราะเขาเคยพา เอฟเวอร์ตัน บุกไปเสมอกับ แมนฯ ซิตี้ 1-1 เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนอีกคนคือ โธมัส แฟร้งค์ ที่เคยพา เบรนท์ฟอร์ด บุกไปชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-1
- มาห์เรซ ตัวแสบ
นี่นับเป็นการเจอกันครั้งที่ 4 ในฤดูกาลนี้ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ เชลซี ซึ่งในทั้ง 3 เกมก่อนหน้านี้นั้น ริยาด มาห์เรซ ดาวเตะชาวแอลจีเรียของ แมนฯ ซิตี้ ทำประตูได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น 1 ลูกในเกมลีก, 1 ประตูในเกม อีเอฟแอล คัพ รอบ 3 และ 2 ลูกใน เกม เอฟเอ คัพ รอบ 3
ถ้าเกิดในเกมนี้ มาห์เรซ เจาะตาข่ายทีมดังจากกรุงลอนดอนได้อีกล่ะก็ มันก็จะทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกของ แมนฯ ซิตี้ นับตั้งแต่ฤดูกาล 1975-76 ที่ทำประตูใส่คู่แข่งรายเดิมได้ถึง 4 นัดภายในซีซั่นเดียวกัน โดยคนที่เคยทำอย่างนั้นได้คือ เดนนิส จ๊วร์ต ส่วนเหยื่อของเขาในตอนนั้นคือ นอริช ซิตี้
- เด็กเกร็ดบอล -