แมนฯ ยูไนเต็ด ยังสลัดตัวเองไม่พ้นปัญหาเดิมๆในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นที่ไม่อาจกำชัยเหนือคู่แข่งได้อย่างเด็ดขาด และต้องลุ้นกันจนหยดสุดท้ายก่อนบุกไปพิชิต บอร์นมัธ ได้ 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ 20 พ.ค.
อย่างไรก็ดี ประตูโทนของ กาเซมีโร่ ในช่วงต้นเกมมากพอที่จะทำให้ ผีแดง จ่อคว้าตั๋วลงเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นหน้าเนื่องจากพวกเขาขออีกแค่แต้มเดียวเท่านั้นจากสองนัดสุดท้ายก็จะจบซีซั่นในอันดับท็อปโฟร์
1. บอร์นมัธ สลับโผค่อนทีม
บอร์นมัธ ตัดสินใจเปลี่ยนทีมขนานใหญ่รวมห้ารายหลังออกไปพ่าย คริสตัล พาเลซ 2-0 ในเกมล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน
แกรี่ โอนีล กุนซือ เดอะ เชอร์รีส์ ส่ง เดวิด บรู๊คส์ ลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2021 หลังหายป่วยจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองร่วมกับ ลูอิส คุ๊ก ,ไจดอน แอนโธนีย์ และ มาร์กอส เซเนซี่ ส่งผลให้ คริส เมปแฮม กับ ดานโก้ ควอตตาร่า หล่นไปเป็นตัวสำรอง ขณะที่ มาติอัส วีน่า กับ ฟิลิป บิลลิ่ง หลุดไปจากทีม
2. แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เปลี่ยนโฉมไร้ แรชฟอร์ด
เอริค เทน ฮาก กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งทีมชุดเดิมลงเล่นต่ออีกนัดหลังเก็บสามแต้มเต็มได้จากการเปิดบ้านพิชิต วูล์ฟส์ 2-0
มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าตัวเก่งที่พลาดซ้อมเมื่อวันศุกร์เนื่องจากป่วยไม่มีชื่อเดินทางมากับทีม แต่ ผีแดง ได้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่เดี้ยงไปนานห้าสัปดาห์นั่งรอที่ข้างสนาม
3. นำหน้าก่อนอีกตามเคย
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มต้นได้ดีอีกตามเคยโดยเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า และบุกเข้าหาเจ้าบ้านได้เป็นระยะกระทั่ง กาเซมีโร่ โชว์ทักษะตวัดยิงลูกกลับหลังหันพา ผีแดง บุกไปนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 9
แต่นับจากนั้น เกมของทีมเยือนก็แผ่วลงไปเป็นลำดับไม่ได้มีอันตรายมากมายนัก และยิ่งเล่นก็ยิ่งโดน เดอะ เชอร์รีส์ บุกมาทำเสียวเหมือนนัดก่อนกับ วูล์ฟส์ ไม่มีผิด
จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด จึงถูกเจ้าบ้านตีตื้นขึ้นมาจากหลากหลายสถิติที่พวกเขาเหนือกว่าไม่มากทั้งการครองบอล 58:42% โอกาสส่องยิง 9:6 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบ 2 ครั้งเท่ากันซึ่งถือเป็นสัญญาอันตราย และต้องรอลุ้นกันในครึ่งหลังว่าทีมของ เทน ฮาก จะหมดแรงข้าวต้มเหมือนกับหลายๆเกมที่เสียท่าให้กับฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่า
4. ลงเอยด้วยความเสียวไส้ตลอด
เป็นไปเหมือนกับการฉายหนังซ้ำจนได้เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบกับปัญหาการยิงประตูเพิ่มในครึ่งหลังเนื่องจากกำลังวังชาหดหายจนทำให้จังหวะจะโคนต่างๆไม่ลงล็อก และเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นงานหลายหน
กระนั้นก็ดี หากเป็นทีมระดับที่เหนือกว่า บอร์นมัธ บางทีทีม ผีแดง อาจเสียหายอีกก็เป็นได้เพราะในเมื่อไม่มีประตูเพิ่มพวกเขาก็ต้องอาศัยความเหนียวของ ดาบิด เด เคอา ช่วยเซฟลูกอันตรายอีกเหมือนเคยก่อนชนะไปแบบเต็มกลืน 1-0
ครบ 90 นาที ผีแดง มีสถิติครองบอลได้มากกว่า 59:41% ได้ส่องยิงมากกว่า 20:10 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบมากกว่าเล็กน้อย 5:4ครั้ง
5. เด เคอา ยังพึ่งพาได้
เป็นอีกนัดที่ เด เคอา ต้องออกแรงเซฟลูกอันตรายจนเป็นภาพชินตาในเมื่อเกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังฝืดไม่เลิก ไม่อาจพังประตูได้มากพออย่างที่ควรจะเป็น
แน่นอนว่าแม้ผู้รักษาประตูเลือดกระทิงดุจะมีสถิติก่อความเสียหายส่วนตัวจนเสียประตูมากที่สุดในซีซั่นนี้ แต่โดยรวมในหลายๆเกมเขาช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการโดนทะลวงตาข่ายแบบเห็นๆหลายครั้งจึงสมควรต้องยกความดีความชอบให้เขาเช่นกันต่อการพาทีมมีลุ้นคว้าโควต้าท็อปโฟร์
ถึงขณะนี้ เด เคอา มีสถิติเก็บคลีนชีตเพิ่มเป็น 17 นัดแล้วหลังพาทีมบุกไปเฉือนชนะ บอร์นมัธ 1-0 และได้รางวัล โกลเด้น โกลบ เป็นครั้งที่สองหลังเคยประสบความสำเร็จในซีซั่น 2017/18
ต่อผลงานที่ว่าทำให้อดีตมือกาวทีม แอตเลติโก มาดริด เป็นนายทวาร ผีแดง รายที่สองที่มีสถิติคลีนชีตดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก มากกว่าหนึ่งซีซั่นต่อจากที่ตำนานอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เคยทำได้สามครั้งในซีซั่น 1994/95 , 1995/96 และ 1997/98